แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

68ปีต่อมา:ฟื้นฟูเกียรติจำกัด พลางกูร วีรบุรุษเสรีไทย

ที่มา Thai E-News



ที่มา ประชาไท


เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้ร่วมกันจัดงานรำลึก "68 ปี วันติภาพไทย" โดย มีทายาทเสรีไทย และคณะราษฎรเข้าร่วมงานจำนวนมาก โดยมี ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้กล่าวเปิดงาน และในงานยังมีกิจกรรมวางช่อดอกไม้ ยืนคารวะไว้อาลัยเสรีไทยและผู้สละชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2
โดยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 นายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทย ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 8 ได้ออกประกาศสันติภาพ ให้การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่ เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 เป็นโมฆะ และต่อมาได้กำหนดให้วันที่ 16 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันสันติภาพไทย
และในงานดังกล่าวยังมีการปาฐกถา "ภารกิจเพื่อชาติเพื่อ Humanity ของจำกัด พลางกูร กับเอกราชของไทย" โดย ศ.ดร.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา และคณะละครเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีการมอบรางวัลสันติประชาธรรมให้ นางสมลักษณ์ หุตานุวัตร นักธุรกิจเพื่อสังคม และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง โดยมีนางสุดา พนมยงค์ เป็นผู้มอบรางวัล
ประชาไท รายงานด้วยว่า ศูนย์ ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง และชมรมศิษย์เศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันจัดละครเวที “เพื่อชาติ เพื่อ HUMANITY” รำลึกวีรบุรุษที่โลกลืม “จำกัด พลางกูร” เสรีไทยหนุ่มผู้กล้ารับหมายภารกิจอันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา รอบสื่อมวลชน 30 ส.ค. นี้  
   
16 ส.ค. 56 - ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง และชมรมศิษย์เศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันจัดละครเวทีเรื่อง “เพื่อชาติ เพื่อ HUMANITY” ว่าด้วยวีรกรรมของนายจำกัด พลางกูร  หนึ่งในขบวนการเสรีไทย (ในประเทศ) ที่กล้าปฏิบัติภารกิจสำคัญในการเดินทางผ่านเขตทหารกองทัพญี่ปุ่น เพื่อไปเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตรที่ประเทศจีน ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยไม่ถูกปรับให้เป็นประเทศผู้แพ้สงคราม ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ วีรกรรมของเขาจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ แต่ชื่อเสียงและภารกิจนี้ กลับไม่เป็นที่รับรู้ในสังคมเท่าที่ควร ละครเวทีประวัติศาสตร์เรื่องนี้ จัดแสดงโดยศิษย์เก่าและนิสิตปัจจุบันของคณะเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา ผู้เขียนต้นฉบับแรกของบทละคร กล่าวว่า “ในการค้นคว้าเรื่องขบวนการเสรีไทย ผมพบว่าคุณจำกัด พลางกูร มีความสำคัญอย่างมากต่อประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะเขาคือผู้ที่ยอมสละชีวิต เสี่ยงภัยเดินทางไปยังเมืองจีนเพื่อขอเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร ให้รับทราบการเกิดขึ้นของขบวนการเสรีไทยในประเทศ และให้การยอมรับสถานะของขบวนการจนกระทั่งส่งผลให้ประเทศรอดพ้นจากการตกเป็น ประเทศผู้แพ้สงครามในที่สุด”
การปฏิบัติภารกิจของนายจำกัด ได้รับมอบหมายจากนายปรีดี พนมยงค์ ผู้นำขบวนการเดินทางเสี่ยงการถูกฝ่ายทหารญี่ปุ่นจับตัว เพื่อไปยังแผ่นดินจีนและหาโอกาสเจรจากับนายพลเจียงไคเช็ค ผู้นำกองกำลังทหารพรรคก๊กมินตั๋ง และประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเฉพาะอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ให้ถือคำประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรโดยรัฐบาลไทยขณะนั้น ซึ่งนำโดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นโมฆะ และขอให้ฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองความชอบธรรมของขบวนการเสรีไทยที่กำลังต่อต้าน ฝ่ายอักษะ นอกจากนี้ ยังขอการสนับสนุนหาทางให้นายปรีดี พนมยงค์ จัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในประเทศอินเดียด้วย
บันทึกประจำวันเขียนด้วยลายมือความหนานับพันหน้าของนายจำกัด พลางกูร และจดหมายโต้ตอบนับหลายฉบับระหว่างเขากับ พ.ท.ม.จ.ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัฒน คณะกู้ชาติสายอังกฤษ ได้เผยความนึกคิดและสภาพความเป็นอยู่อันยากแค้นของเขาระหว่างปฏิบัติภารกิจ นี้อย่างโดดเดียวในแผ่นดินจีนจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต ที่สำคัญที่สุด จากบันทึกฉบับนี้ ความจริงหลายเรื่องในประวัติศาสตร์ช่วงปี พ.ศ.2486 ก็ปรากฏชัดขึ้น ความจริงเบื้องหลังที่ทำให้ชาติไทยธำรงเอกราชไว้ได้
“คุณูปการ 3 ข้อ จากบันทึกประจำวันของนายจำกัดฉบับนี้ ชี้ให้สังคมไทยเห็นว่า หนึ่ง จีนเป็นประเทศแรกของฝ่ายสัมพันธมิตรที่รับปากว่าจะให้การรับรองเอกราชของไทย ซึ่งนี่น่าจะเป็นข้อมูลที่บอกว่า จีนมีบทบาทสำคัญพอๆ กับสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนอาวุธแก่ขบวนการเสรีไทยเลยทีเดียว  สอง เรื่องราวในจดหมายระหว่างนายจำกัดกับ ม.จ.ศุภสวัสดิ์ฯ พระเชษฐาในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระราชินีในรัชกาลที่ 7 สะท้อนให้เห็นการประนีประนอมยอมรับระบอบการปกครองใหม่ ระหว่างฝ่ายเจ้ากับคณะราษฎรอย่างมีนัยยะสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย คือ การที่ฝ่ายเจ้าก็ให้การยอมรับหลักการของคณะราษฎรที่ชูความสำคัญของรัฐ ธรรมนูญ และการนำของนายปรีดี ด้วยคำพูดบางตอนของ ม.จ.ศุภสวัสดิ์ฯ ในบันทึกที่ว่า ‘ถึงผมจะเป็นเจ้า แต่ก็บูชาประชาธิปไตย’ และคุณูปการข้อสุดท้ายคือ การทำให้พลังประชาชนในชาติมีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองไทยครั้งนั้น จำต้องอาศัยความรักและความร่วมมือของคนในชาติอย่างแท้จริง ลำพังการประกาศจุดยืนของเสรีไทยนอกประเทศที่ขาดกำลังคน ย่อมไม่อาจบรรลุผล”  ศ.ดร.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา กล่าวย้ำ
พรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกูล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย ในฐานะประธานชมรมศิษย์เศรษฐศาสตร์การเมืองและนักแสดงหลักในละครเรื่องนี้ เผยว่า “เราทุกคนได้อ่านเรื่องของนายจำกัดแล้วจากหนังสือชื่อ เพื่อชาติ เพื่อ HUMANITY เขียนโดยท่านอาจารย์ฉัตรทิพย์ นาถสุภา แล้วรู้สึกภูมิใจมากที่ประเทศไทยมีคนกล้า ยอมเสียสละแม้ชีวิตเพื่อชาติ เสี่ยงภัยที่ไม่อาจคาดเดาได้ จนฟันฝ่าไปถึงจุดหมายและมุ่งมั่นจัดการภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วง ถ้าขาดเขา ปานนี้ไม่รู้ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรเลย”
โดยคณะผู้จัดงานและการแสดงละครเวทีคาดหวังว่าการจัดการแสดงละครครั้งนี้จะลบ ข้อครหาที่เคยมีผู้กล่าวว่านายจำกัด พลางกูร ที่ได้มอบชีวิตของเขาให้แก่ประเทศชาติ แต่ทุกวันนี้กลับมีคนน้อยมากที่รับรู้และสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงความรัก ชาติและความกล้าหาญของเขา โดยการแสดงรอบสื่อมวลชนจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2556 เวลา 18.30 น.  ณ โรงละครสดใส พันธุมโกมล  ชั้น 6 อาคารมหาจักรีสิรินธร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
********


วีรประวัติ-จำกัด พลางกูร ได้รับพระราชทานยศพันตรีหลังเสียสละชีพเพื่อชาติ ขณะปฏิบัติงานเสรีไทยเช่นเดียวกับสหายศึกร่วมขบวนการอีก 2 รายที่พลีชีพคือพันตรีการะเวก ศรีวิจารณ์ และพันตรีสมพงษ์ ศัลยพงษ์ รายนามของทั้ง 3 ท่านถูกจารึกไว้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาจนตราบทุกวันนี้

การะเวกกับสมพงษ์เป็นเสรีไทยสายอเมริกา เสียชีวิตระหว่างพยายามเล็ดลอดเข้าไทยที่ชายแดนไทย-ลาว 

ส่วน จำกัดเป็นเสนาธิการเสรีไทยในประเทศ ได้รับมอบหมายจากปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทยให้ออกไปติดต่อฝ่ายสัมพันธมิตรในจีน ซึ่งอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อให้มหาอำนาจฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของไทยต่อ ต้านการรุกรานยึดครองของญี่ปุ่น แต่เขาก็ต้องไปเสียสละชีพในจีนด้วยวัยหนุ่มแน่นเพียง 29 ปี ส่วนการะเวกกับสมพงษ์เสียสละตอนอายุเพียง 26 ปี

ชาตะ- 30 ตุลาคม 2457

มรณะ-7 ตุลาคม 2486 ขณะอายุ 29 ปี หากมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันจะมีอายุ 99 ปี

กำเนิด-บุตร คนโตสุดของพระยาผดุงวิทยาเสริม (กำจัด พลางกูร พ.ศ. 2426 - พ.ศ. 2497)เจ้ากรมแต่งตำราและเจ้ากรมสามัญศึกษา และคุณหญิงเหรียญ สกุลเดิม นิโครธานนท์ 



ผู้สืบสานภารกิจเพื่อชาติและเพื่อHumanity-ฉลบชลัยย์ส่ง จำกัดผู้สามีออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจเสรีไทยเมื่อ 28 ก.พ.2486 และนั่นเป็นหนสุดท้ายที่สามีภรรยาคู่นี้ได้อยู่ด้วยกัน แต่อยู่ร่วมกันตลอดมาทั้งชีวิตของเธอ ตอนเกิดเหตุปราบปรามนักศึกษา 6 ตุลาคม2519 วันรุ่งขึ้น 7 ตุลาคมครบรอบวันสามีเสียชีวิต เธอไปบริจาคเลือดให้นักศึกษา และยังคงผูกพันกับขบวนการนักศึกษา6ตุลาคมมาถึงปัจจุบัน (ในภาพ:[ฉลบชลัยย์ยืนกลาง]กับอดีตนักศึกษายุค6ตุลา19ในโอกาสทำบุญให้วีรชน 6ตุลาและทำบุญอุทิศในโอกาสวันเสียสละชีพของจำกัด ผู้สามี เมื่อ7ตุลาคม2552)



สมรส-กับนางสาวฉลบชลัยย์ มหานีรานนท์ ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในเวลานี้อายุ 95 ปี ทั้งสองพบรักกันระหว่างได้ทุนเล่าเรียนหลวงที่อังกฤษทั้งคู่ 

เมื่อ กลับประเทศได้แต่งงานในปี 2482 ฉลบชลัยย์ยึดมั่นอุดมการณ์ของสามีอย่างเหนียวแน่น เธอเคยเข้าไปมีบทบาทช่วยเหลือและให้กำลังใจนักศึกษากรณี6 ตุลาคม 2519 ในขณะที่คนทั่วไปไม่กล้าติดต่อพบปะกับนักศึกษาผู้ต้องโทษการเมืองฉกรรจ์ใน ขณะนั้น และมีความผูกพันแนบแน่นกับครอบครัวปรีดี พนมยงค์มาอย่างยาวนาน

การศึกษา-ประถม โรงเรียนวัดบวรนิเวศ

-มัธยม โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ และโรงเรียนBromsgrove School เมือง Worcestershire (ปู่และบิดาของจำกัดเป็นนักเรียนเก่าอังกฤษ)
-อุดม ศึกษา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษเมื่อปลายปี พ.ศ. 2474 เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเมื่อ พ.ศ. 2478 ศึกษาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ เรียนจบได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยม (B.A. Hons.) 

การทำงาน-หลัง กลับไทยในปี2481 รับราชการกระทรวงศึกษาธิการอยู่ระยะหนึ่ง และถูกให้ออกราชการเพราะมีทัศนคติต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของจอมพลป.พิบูล สงคราม โดยได้เขียนบทความโจมตีจอมพลป.เรื่องการตั้งศาลพิเศษขึ้นมาประหัตประหารฝ่าย ปฏิปักษ์ทางการเมือง จากนั้นมาเปิดโรงเรียนเอกชนชื่อดรุโณทยานในปีพ.ศ.2483

การปฏิบัติงานเสรีไทย


-8 ธันวาคม 2484 ไทย ถูกญี่ปุ่นรุกรานยึดครอง โดยอ้างว่าขอใช้เป็น"ทางผ่าน" โดยรัฐบาลป.พิบูลสงครามได้ร่วมมือกับญี่ปุ่น นายจำกัดได้หารือกับเตียง ศิริขันธ์ ส.ส.สกลนครและส.ส.อีสานจะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นต่อต้านญี่ปุ่น เย็นวันนั้นจึงพากันไปพบนายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการขอให้เป็นหัวหน้า"คณะกู้ชาติ"โดยให้คำมั่นจะอุทิศตัวและยอม สละชีวิตสำหรับการทำงานเพื่อชาติ

ควร บันทึกคั่นไว้ด้วยว่า ในเวลานั้นนายปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้สำเร็จราชการ ในห้วงเวลานั้นในหลวงรัชกาลที่ 8 รวมทั้งพระชนนี สมเด็จพระอนุชา(ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน) ประทับอยูที่สวิตเซอร์แลนด์ 

พระ ราชวงศ์ชั้นสูงในเวลานั้นที่ประทับในเมืองไทยมีสมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า นายปรีดีได้เชิญเสด็จอพยพไปประทับที่อยุธยา ระหว่างที่เสด็จอพยพหลบภัยอยู่นี้ สมเด็จฯ ทรงมีพระราชหฤทัยนึกถึงสมเด็จพระราชนัดดาอยู่เสมอ ได้ตรัสว่า

“ดีใจ๊ ดีใจ หลานอยู่เมืองนอกไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นฉันคงเอาไม่รอด ห่วงหลาน”

การ ถวายความอารักขาให้พ้นภัยสงครามครั้งนั้น สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้ทรงซาบซึ้งพระทัยดี และเมื่อสิ้นสงคราม ได้รับสั่งเรียกนายปรีดี ไปที่ประทับและขอบใจ ซึ่งคณะเสรีไทยถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง (อ่านรายละเอียด)

-ต้นปี2486 ปรีดี หรือ"รูธ"หัวหน้าเสรีไทยในประเทศไทยตัดสินใจส่งผู้แทนออกนอกประเทศไปติดต่อ ประสานงานกับม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เอกอัคราชทูตไทยประจำสหรัฐฯ ซึ่งประกาศไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลป.พิบูลสงคราม และประกาศจัดตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้น โดยได้คัดเลือกนายจำกัดเพื่อภารกิจนี้เพราะนายจำกัดรู้จักกันดีกับเสนีย์ เพราะเป็นเพื่อนบ้านกันที่ซอยร่วมฤดี และยังจบออกซฟอร์ดเช่นเดียวกัน ภารกิจที่จำกัดต้องไปทำคือ

1)ชี้แจงต่อฝ่ายสัมพันธมิตรว่าการประกาศสงครามต่อสัมพันธมิตรของรัฐบาลป.พิบูลสงครามเป็นโมฆะ
2)ชี้แจงว่ามีองค์การต่อต้านญี่ปุ่นเกิดขึ้นในไทยแล้ว โดยปรีดีเป็นหัวหน้า และต้องการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นในดินแดนของฝ่ายสัมพันธมิตร ขอให้อังกฤษ และอเมริการับรองรัฐบาลพลัดถิ่นว่าเป็นรัฐบาลโดยชอบด้วยกฎหมาย
3)ขอให้อังกฤษกับอเมริกาปลดปล่อยเงินของรัฐบาลไทยที่ฝากไว้ในประเทศทั้งสองเพื่อให้รัฐบาลพลัดถิ่นมีทุนกู้ชาติทำสงครามต่อต้านญี่ปุ่น


-27 กุมภาพันธ์ 2486 ปรีดี ให้โอวาทแก่จำกัดก่อนเดินทางไปประเทศจีน ซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร และมีสหรัฐอเมริกาเข้ามาตั้งฐานที่มั่นอยู่ในประเทศนั้นว่า"เพื่อชาติ เพื่อhumanitiesนะคุณ เคราะห์ดีที่สุดอีก45วันก็คงได้พบกัน เคราะห์ไม่ดีนักอย่างช้าอีก2ปีก็คงได้พบกัน และถ้าเคราะห์ร้ายที่สุด ก็ได้ชื่อว่าสละชีวิตเพื่อชาติไป"

-28 กุมภาพันธ์ 2486 จำกัด ในวัย 29 ออกเดินทางด้วยรถไฟที่หัวลำโพงพร้อมฉลบชลัยย์ผู้ภรรยาเดินทางไปส่งสามีที่ ชายแดนไทย-ลาว โดยมีไพศาล ตระกูลลี้ คนไทยลูกจีนนักเรียนนอกสิงคโปร์ ซึ่งแตกฉานภาษาจีนไปเป็นล่าม เมื่อถึงอุดรธานี เตียง ศิริขันธ์ได้นำรถยนต์มารับพาไปส่งที่นครพนมเพื่อลงเรือข้ามโขงไปยังฝั่งท่า แขก ประเทศลาว เตียงได้ถอดแหวนนามสกุลของเขา และขอยืมกำไลและสร้อยล็อกเก็ตฝังเพชรของนางนิวาศน์ ภรรยาของเตียงให้จำกัดเป็นทุนเดินทาง และไว้ใช้ยามขัดสน 

เตียง ศิริขันธ์กับนิวาศน์ ภรรยา ..เตียงเป็นหัวหน้าเสรีไทยสายอีสาน เขาถูกสังหารโหดในวันที่ 13 ธันาวาคม 2495 เพื่อกวาดล้างนักการเมืองสายอีสานที่สนับสนุนปรีดีให้สิ้นซาก ก่อนหน้านั้นอดีต 4 รัฐมนตรีอีสานถูกสังหาร หลังขบวนการประชาธิปไตยกุมภาพันธ์2492ล้มเหลวกลายเป็นกบฎวังหลวง


-19 มีนาคม 2486 เดิน ทางถึงพรมแดนจีน ถูกทางการจีนประกบนำตัวไปที่ลิวเจา และโทรเลขติดต่อเสนีย์,จอมพลเจียงไคเช็ค หัวหน้ารัฐบาลจีนคณะชาติ ซึ่งอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรและมีนครหลวงที่จุงกิง และทูตของอังกฤษกับอเมริกาในจุงกิงตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แต่ดูเหมือนไม่ราบรื่นดังหวัง

-7 เมษายน โทรเลข ถึงเสนีย์ว่าเขาถูกทางการจีนกักตัวไว้ 12 วันแล้วขอให้ช่วยติดต่อส่งเขาไปจุงกิงด่วน เสนีย์ตอบกลับมาในวันที่ 18 เดือนเดียวกันว่า"กำลงดำเนินการอยู่" ต่อมาเขาได้ส่งข้อความทางวิทยุเป็นรหัสว่า"จางและหลีได้มาถึงเมืองจีนแล้ว" ซึ่งฉลบชลัยย์และท่านผู้หญิงพูนสุขได้ยินข้อความทางวิทยุก็ทราบว่าจำกัด และไพศาลไปถึงจีนแล้ว

-21 เมษายน เดิน ทางไปจุงกิง โดยนายทหารอังกฤษให้ยืมเงิน9,300ปอนด์ เมื่อเดินทางไปถึงฝ่ายจีนแจ้งว่าอังกฤษกับอเมริกามอบหมายให้จีนจัดการเรื่อง ทุกอย่างในย่านเอเชีย จำกัดจึงขอเข้าพบจอมพลเจียงไคเช็คเพื่อปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา แต่ถูกหน่วงรั้งไว้ และห้ามไม่ให้ติดต่อกับอเมริกาและอังกฤษด้วย

จีน ทำเช่นนั้นได้กระทบแผนซึ่งเสรีไทยวางไว้ว่าเมื่อมาถึงจีน1เดือนแล้วให้ ติดต่ออังกฤษส่งเครื่องบินมารับบุคคลสำคัญของรัฐบาลพลัดถิ่นเสรีไทยที่ หัวหินเดินทางไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในต่างประเทศ

-1 พฤษภาคม ได้ รับแจ้งโทรเลขจากเสนีย์ให้ติดต่อกับจีนและอเมริกา ห้ามติดต่อกับอังกฤษ วันต่อมาเขาออกไปกินข้าวกับเจ้าหน้าที่อารักขาชาวจีนแล้วปวดท้องอย่างมาก(เรื่องนี้ทำให้มีข้อสงสัยในเวลาต่อมาว่าจำกัดอาจถูกวางยาพิษ)ทั้ง นี้เพราะฝ่ายสัมพันธมิตรคืออเมริกากับอังกฤษก็ขัดแย้งกันเอง รวมทั้งทูตไทยในอเมริกาที่มีเสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยสายอเมริกา ก็ไม่ถูกกันกับหัวหน้าฝ่ายทหารเสรีไทยสายอเมริกาคือพ.ท.หม่อมหลวงขาบ กุญชร โดยเมื่อขาบเดินทางมาประสานงานกับจำกัด เสนีย์บอกฝ่ายจีนว่าขาบไม่ใช่ตัวแทนที่ถูกต้องของเขา

-ปลายเดือนพฤษภาคม จีน ปฏิบัติต่อจำกัดเลวร้ายลง นอกจากถูกกักบริเวณเสมือนเชลยแล้ว ก็ย้ายลงไปอยู่ห้องชั้นใต้ดิน จำกัดอาหาร อาการป่วยหนักขึ้นจนข่ายเป็นเลือด และเริ่มรู้สึกหมดหวัง ขณะที่อังกฤษมีหนังสือถึงจีนว่าไม่สนับสนุนแผนการของเสรีไทยที่จำกัดเดินทาง มาประสานงาน จำกัดบันทึกลงในไดอารี่ว่า องกฤษทำให้ภารกิจของเขาล้มเหลว เพราะสนใจเฉพาะกิจการสงครามในยุโรป เขารู้สึกกำลังตกอยู่ในห้วงลึกแห่งความมืดมนที่สุดของความเศร้าสลด และรู้ดีว่าคงจะพบจุดจบแห่งชีวิตในเวลาไม่นานนัก ขณะที่อาการเจ็บป่วยทรุดลง น้ำหนักลดลงราว 7 ก.ก.

-28 มิถุนายน สถานการณ์ พลิกมาเป็นผลดี เขาได้รับอนุญาตเข้าพบจอมพลเจียงไคเช็คในสภาพผู้ป่วยหนัก เจียงไคเช็ครับทราบว่ามีขบวนการเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่น และถือว่าสัญญาการร่วมมือกันทำสงครามของไทยกับญี่ปุ่นเป็นโมฆะ แต่การตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของไทยต้องรอฟังเสนีย์ที่กำลังส่งคนมาจีนก่อน ซึ่งจำกัดบอกว่าหากเช่นนั้นเขาก็จะรีบไปพบเสนีย์ที่อเมริกา แต่จีนไม่เห็นชอบเรื่องนี้

-สิงหาคม 2486 ม.จ.ศุภ สวัสดิ์วงศ์ สวัดิวัตน (ท่านชิ้น)เสรีไทยสายอังกฤษมาพบจำกัด และได้ประสานงานเรื่องให้เสรีไทยในประเทศเตรียมมารับร.ต.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ (เข้ม เย็นยิ่ง)ที่จะไปขึ้นบกที่พังงา แต่ปฏิบัติการล้มเหลว เพราะกว่าสารจากจีนจะไปถึงไทยก็เลยเวลานัดหมายแล้ว ทำให้คณะของป๋วยต้องเปลี่ยนภารกิจมาเป็นกระโดดร่มลงที่ชัยนาทในเดือนมีนาคม 2487 และถูกจับได้ เกือบถูกสังหาร ฐานเป็นจารชน แต่ในที่สุดเล็ดรอดมาพบกับ"รูธ"บรรลุภารกิจกอบกู้ชาติในที่สุด

-2 สิงหาคม จอมพลเจียงยอมให้จำกัดเดินทางไปเมริกา เพียงแต่รอเครื่องบิน

-ต้นเดือนกันยายน 2486 ปรีดี ส่งคณะของสงวน ตุลารักษ์ 1 ในผู้ก่อการ 24 มิถุนายน 2475 (พี่ชายของกระจ่าง ตุลารักษ์ ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 24 มิถุนายน 2552)เป็นคณะที่สองเดินทางมาจีนเพราะเห็นจำกัดเงียบหายขาดการติดต่อ

-7 ตุลาคม 2486 ระหว่าง รอเดินทางไปอเมริกาเพื่อพบกับเสนีย์เพื่อบรรลุภารกิจ จำกัดถึงแก่กรรม แพทย์จีนสันนิษฐานว่าเป็นมะเร็งลำไส้ เขาเปล่งปัจฉิมวาจาว่า"เพื่อชาติ--เพื่อhumanity--"และจากไปอย่างสงบ ในแผ่นดินอื่น ..

สง วนจัดฌาปณกิจศพให้เขาที่วัดเล็กๆแห่งหนึ่งในจุงกิง และนำอัฐิพร้อมไดอารีของจำกัดติดตัวไปที่วอชิงตันเพื่อกบกับเสนีย์แทนจำกัด และนำมอบให้ปรีดีเมื่อสิ้นสุดสงคราม

-สิ้นสุดสงคราม 16 สิงหาคม 2488-ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการ และหัวหน้าขวนการเสรีไทยประกาศสันติภาพ หลังญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และไทยไม่ต้องตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม และไม่ถูกมหาอำนาจผู้ชนะแบ่งแยกเป็นไทยเหนือ-ไทยใต้

หลัง สิ้นสุดสงครามเกือบ 2 ปีหลังการเสียสละชีพของจำกัด ฉลบชลัยย์เพิ่งทราบข่าวสามีเสียชีวิตเมื่อสิ้นสุดสงครามลง ก่อนหน้านั้นทุกอย่างเป็นความลับ และจำกัดได้รับพระราชทานยศพันตรี

อัฐิของจำกัดได้รับประดิษฐานอยู่ชั้นบนตึกโดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง

-17 กันยายน 2488 เสนีย์เดินทางกลับไทยรับตำแหน่งนายกฯ

เขาเขียนบันทึกถึงจำกัดว่า
"..เพราะจำกัดตาย ข้าพเจ้าจึงเห็นแล้วว่า ยังมีเกียรติสูงสุดอันพึ่งใฝ่สูงกว่าเกียรติของการเป็นนายกรัฐมนตรี ใหญ่ยิ่งกว่าเกียรติของกษัตริย์ เกียรติอันนั้นคือ เกียรติของผู้ตายเพื่อชาติ วงศ์กษัตริย์มีวันล้ม ตำแหน่งรัฐมนตรีมีวันเปลี่ยนมือ แต่เกียรติของผู้ตายอย่างจำกัดนี้ ไม่มีใครแย่งไปจากเขาได้..เมล็ดฟืชอันใดที่จำกัดหว่านลงไว้แล้วด้วยดี เพื่อเอกราชของชาติ เราจะเก็บเกี่ยวรวงผลเอาไว้ประดับเกียรติของเขาต่อไป.."


-ค่ำวันที่ 25 กันยายน 2488 ปรีดี พนมยงค์ "รูธ"หัวหน้าขบวนการเสรีไทย กล่าวปราศรัยก่อนสลายขบวนการเสรีไทยตอนหนึ่งว่า

"ขอให้ท่านได้สำนึกถึงวีรกรรมของเพื่อนร่วมตาย ซึ่งต้องเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้คือนายจำกัด พลางกูร ,นายการะเวก ศรีวิจารณ์ และนายสมพงศ์ ศัลยพงศ์ ชีวิตเขาสิ้นไปเพื่อได้มาซึ่งเอกราช และความคงอยู่ของชาติไทย ซึ่งชาวไทยไม่ควรลืม"


ปัจจุบัน-อัฐิ ของจำกัดบรรจุไว้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ..ฉลบชลัยย์ ภรรยาหม้ายวัย 97 ปี ยังคงมีสุขภาพที่แข็งแรง และยึดมั่นอุดมคติ เพื่อชาติ และเพื่อมนุษยชาติ สานต่อภารกิจอย่างยืนหยัดมั่นคง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น