นางเซซิล ปุยยี่ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ |
ผู้ลุกล้ำกระทำการละเมิดช่วงเหตุการณ์รุนแรงในประเทศไทย ปี ๒๕๕๓ จะต้องรับผิด –ยูเอ็น
เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ นี้ สำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติได้แสดงความกังวลต่อร่าง
พ.ร.บ. นิรโทษกรรมที่กำลังอยู่ในระหว่างการอภิปรายกันในสภาผู้แทนราษฎรของไทยขณะนี้
ว่าถ้าหากอนุมัติอาจมีการอภัยโทษแก่ผู้ที่ได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงระหว่างเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน
และพฤษภาคม ๒๕๕๓
มีผู้เสียชีวิตจำนวนกว่า ๙๐ คน และบาดเจ็บนับพันๆ คนในประเทศย่านเอซียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
ตามรายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ (OHCHR)
คณะกรรมการอิสระตรวจสอบ
และค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่จัดตั้งขึ้นหลังจากเหตุการณ์รุนแรงได้เสนอรายงานเต็มไปด้วยความจริงใจ
และหลักฐานตามความเป็นจริงที่ค้นพบสนับสนุนโดยรายละเอียดการชันสูตร
และที่ซึ่งชี้แนะให้มั่นใจว่าจะมีการรับผิดต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน
“เราขอเสนอข้อเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งจากที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ได้เคยเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามที่
คอป. ได้ชี้แนะไว้ พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ
และบุคคลอื่นๆ
ได้รับการดำเนินการเอาผิดต่อบทบาทที่เขาเหล่านั้นได้กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง “ นางเซซิล ปุยยี่ โฆษกของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ แถลงต่อผู้สื่อข่าวในกรุงเจนีวา
“นี่จะเป็นการกำหนดแนวทางอันสำคัญอย่างไม่เคยมีมาก่อนสำหรับประเทศไทย”
เธอกล่าว
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ
ยังเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างความมั่นใจด้วยว่า จะไม่มีการนิรโทษกรรมแก่ผู้ใดที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
อีกทั้งเริ่มดำเนินการเอาผิดต่อผู้ที่ลุกล้ำกระทำการละเมิดเหล่านั้น
แถลงการณ์ฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖
ประเทศไทย : (ต้อง)ไม่นิรโทษกรรมแก่ผู้ละเมิดสิทธิ
ร่างกฏหมายที่เสนอจะสร้างรั้วล้อมปกป้องให้แก่ทางปฏิบัติของการอยู่เหนือความผิด
ร่าง กฏหมายนิรโทษกรรมของพรรครัฐบาลยอมให้ทั้งทหาร และกองกำลังติดอาวุธที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์รุนแรงปี ๒๕๕๓ หลุดจากบ่วงความผิด ดังนั้นเพื่อที่จะให้เกิดความยุติธรรมต่อผู้ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง และเพื่อจะยุติแนวทางปฏิบัติอันยาวนานของไทยที่ยอมให้บางคนอยู่เหนือความผิด ร่างกฏหมายนิรโทษกรรมควรที่จะละเว้นไม่รวมถึงคนที่ลุกล้ำกระทำความผิด ละเมิดกฏหมายทางอาญา และนำคนเหล่านั้นมารับผิดต่ออาชญากรรมของตน
แบร๊ด แอดัมส์ |
โดย แบร๊ด แอดัมส์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเซีย
(นิวยอร์ค) –ฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์*แถลงวันนี้ว่า
ข้อเสนอกฏหมายนิรโทษกรรมต่อสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทยควรที่จะละเว้นคนที่สั่งการ
หรือปฏิบัติการละเมิดสิทธิมนุษยชน
รัฐบาลไทยควรจะแสดงจุดยืนในการที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิ
โดยไม่คำนึงว่าเขามีตำแหน่ง หรือสังกัดใด
นี่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการสร้างเสริมสิทธิมนุษยชน นิติธรรม และการปรองดองอันยั่งยืนในประเทศไทย
ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ รัฐสภาจะทำการพิจารณาเป็นวาระแรกต่อร่างกฏหมายนิรโทษกรรมที่เสนอโดยนายวรชัย
เหมะ ส.ส.พรรครัฐบาลเพื่อไทยของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรครัฐบาลยอมให้ทั้งทหาร
และกองกำลังติดอาวุธที่เป็นผู้กระทำให้เกิดการเสียชีวิตในระหว่างความวุ่นวายปี
๒๕๕๓ หลุดพ้นบ่วงความรับผิดชอบไปได้” นายแบร๊ด แอดัมส์
ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเซียขององค์การฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์กล่าว
“เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความยุติธรรมแก่ผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง
และเพื่อยุติแนวทางปฏิบัติอันเป็นมาช้านานในการยอมให้มีคนอยู่เหนือความผิด ร่างฯ
นิรโทษกรรมควรที่จะไม่รวมถึงคนที่ลุกล้ำกระทำความผิดทางกฏหมายอาญา
และนำคนเหล่านั้นมาดำเนินคดีตามความผิดแทน”
ร่างฯ วรชัยเสนอนิรโทษกรรมอย่างกว้างขวางแก่ผู้ร่วมชุมนุมทั้งหมดที่ถูกกล่าวหา
ดำเนินคดี
และพิจารณาตัดสินการกระทำอันเป็นความผิดต่อรัฐตั้งแต่หลังการรัฐประหารที่โค่นพี่ชาย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
จนถึงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔
การนิรโทษกรรมจะรวมถึงบุคคลที่กระทำการอันก่อความเสียหายแก่ชีวิต
ทรัพย์สินของผู้อื่น แต่ไม่รวมถึงแกนนำผู้ชุมนุม
นายวรชัยบอกกับฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ว่าร่างกฏหมายที่เขาเสนอไม่ได้รวมถึงการนิรโทษกรรมแก่บรรดาทหาร
เนื่องจากไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวที่โดนกล่าวหา
และดำเนินคดีสำหรับความรุนแรงทางการเมืองจากปี ๒๕๔๙ ถึง ๒๕๕๔
ช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ๒๕๕๓
เกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองกันอย่างร้ายแรงระหว่างแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.) ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่า ‘เสื้อแดง’
กับรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ
หลายแห่ง ตามข้อมูลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีผู้เสียชีวิต ๙๘ คน
และบาดเจ็บกว่า ๒ พัน
ข้อเสนอของวรชัยผิดพลาดที่จะเอ่ยถึงความจำเป็นต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่กองทัพ
และเครือข่ายของ นปช. โดยเฉพาะกองกำลัง ‘คนเสื้อดำ’ ต่อความรุนแรง
และการละเมิดอย่างหนักหน่วงในปี ๒๕๕๓
ในรายงานชิ้นหนึ่งของฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ชื่อ "เคลื่อนใกล้เข้าสู่ความระส่ำระสาย
:การประท้วงของเสื้อแดงในปี ๒๕๕๓ กับการเข้าสลายชุมนุมโดยรัฐบาล" สรุปว่ามีการใช้กำลังอย่างไม่จำเป็นเกินกว่าเหตุโดยกองทัพบก
เป็นผลให้คนตาย และบาดเจ็บจำนวนมากระหว่างการปะทะทางการเมืองในปี ๒๕๕๓
กองกำลังรักษาความมั่นคงเป็นฝ่ายมีความผิดในการตาย และบาดเจ็บเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่
จำนวนผู้เสียชีวิตมากมาย –รวมถึงผู้เข้าชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ
อาสาสมัครทางการแพทย์ และผู้ที่ปฏิบัติตามประกาศช่วงแรกๆ ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ
และคนที่ไปดูเหตุการณ์อย่างไทยมุง อันเป็นผลทางอ้อมจากปฏิบัติการ ‘ใช้กระสุนจริง’
ในบริเวณที่มีการชุมนุมของ นปช. ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งกองทัพบกวางกำลังพลยิงเร็ว
และสไน้เปอร์เอาไว้
กรม
สอบสวนคดีพิเศษแถลงในเดือนกันยายน ๒๕๕๕
ว่ากองทัพเป็นฝ่ายทำให้เกิดการเสียชีวิต ๓๖ ราย จนกระทั่งบัดนี้มีเพียง ๙
สำนวนเท่านั้นที่ส่งฟ้องศาล หรือขอให้ทำการพิสูจน์หลักฐาน
ผู้เสียหายห้ารายที่เสียชีวิตเกิดจากการยิงให้ถึงตายของทหารที่ได้รับคำสั่ง
ฆ่าจากศูนย์อำนวยการรักษาสถานการณ์ฉุกเฉิน
(ศอฉ.)
รัฐบาลชุดต่อมาก็ยังละเลยที่จะเอาผิดกับฝ่ายทหาร
โดยที่ไม่มีแม้แต่ทหารคนเดียวที่ได้รับการดำเนินคดีจากการกระทำรุนแรงในปี ๒๕๕๓
หลังจากเข้ารับตำแหน่งเพียงเล็กน้อย นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ประกาศต่อสาธารณะว่ารัฐบาลของเธอจะทำการสอบสวน
และดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความมั่นคงที่กระทำการละเมิดเหล่านั้น
แต่
ว่าตั้งแต่นั้นมารัฐบาลของเธอได้ประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเจ้าที่กองทัพจะไม่
ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นระหว่างการส่งกำลังเข้าสลายการ
ชุมนุมโดยรัฐบาล
แม้ว่าหลักฐานปรากฏชัดเจนล้นหลามว่าทหารยิงประชาชนตายทั้งที่ไม่ได้ปรากฏภัย
คุกคามใดเลย
ทั้งๆ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษพบว่ากองทัพเป็นผู้รู้เห็นกับการเสียชีวิต ๓๖ ราย จากการสืบสวนของหน่วยงานดีเอสไอ
กับตำรวจ และผลการสอบสวนแสดงว่าไม่ได้มีความพยายามมากพอที่จะดำเนินการชี้ตัวทหาร
และผู้บังคับบัญชาซึ่งรับผิดชอบต่อการยิงประชาชน เมื่อได้รับผลการสอบสวนแล้วดีเอสไอตัดสินใจดำเนินคดีฐานทำให้มีการเสียชีวิตแต่เฉพาะกับนายอภิสิทธิ์
และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น
แต่ละคนโดนฟ้องในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาเนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ตามบทบัญญัติที่เปิดช่องให้ดำเนินคดีแก่ผู้บังคับบัญชาในความผิดที่ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำ
ร่างนิรโทษกรรมของนายวรชัยจะอำนวยความคุ้มกันให้ปลอดจากการถูกดำเนินคดีแก่เครือข่ายภายใน
นปช. รวมทั้ง ‘กองกำลังเสื้อดำ’
ที่รับผิดต่อการโจมตีด้วยอาวุธถึงตายต่อทหาร ตำรวจ และพลเรือน
กองกำลังเหล่านี้ควรที่จะมีการสอบสวน ชี้ตัว และดำเนินคดีด้วยความเหมาะสม แกนนำ นปช.
ที่โหมกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงด้วยคำปราศรัยเร่งเร้ายุยงต่อผู้ชุมนุม
กระตุ้นให้พวกเขากระทำการวางเพลิง และปล้นสะดม ก็ควรที่จะต้องถูกเอาผิดด้วย
ฮิ
วแมนไร้ท์ว้อทช์บอกว่าสภาวะของการสอบสวนข้อหาทางอาญาของกองกำลังเสื้อดำขณะ
นี้ยังไม่กระจ่างนัก
กรมสอบสวนคดีพิเศษตอนนี้ก็ไม่เอ่ยอีกต่อไปถึงผังรายชื่อซึ่งระบุตัวผู้ต้อง
หากองกำลังเสื้อดำ
และโยงความรับผิดชอบไปสู่เหตุความรุนแรงในปี ๒๕๕๓ ที่เคยแสดงต่อสื่อบ่อยๆ
เมื่อนายอภิสิทธิ์ยังอยู่ในอำนาจ ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต
และบาดเจ็บในการเข้าสลายการชุมนุมอ้างว่าพวกเขาประหวั่นกันว่าผู้ที่ควรต้อง
รับผิดชอบจะไม่ถูกดำเนินคดีกัน
ตรงข้ามกับภูมิหลังดังกล่าวญาติผู้เสียหายบางรายได้เสนอร่างกฏหมายอีกฉบับที่ระบุไว้ชัดแจ้งว่าการกระทำแบบใดจึงจะได้รับนิรโทษกรรม
ในข้อเสนอกฏหมายของญาติผู้สูญเสียจะไม่ครอบคลุมถึงผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง
หรือละเมิดสิทธิ ร่างกฏหมายดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้มีการฟ้องร้องคดีแก่บุคคล
หรือกลุ่มซึ่งสังหารประชาชน หรือทำให้ทรัพย์สินส่วนตัวเสียหายด้วย
พรรค
เพื่อไทยของนายกรัฐมนตรี และ
นปช.ได้ปฏิเสธไม่ต้องการให้การสนับสนุนแก่ร่างกฏหมายของฝ่ายญาติผู้สูญเสีย
ถึงขณะนี้กลุ่มญาติผู้สูญเสียยังไม่สามารถหารายชื่อสมาชิกสภาที่มาร่วมลงนาม
สนับสนุนร่างได้ถึง
๒๐
คนให้พอกับจำนวนที่ต้องการตามระเบียบการยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อประธาน
สภาผู้แทนราษฎรให้รับพิจารณา
“ร่างนิรโทษกรรมฉบับวรฉัตรนี้เป็นการหยามหมิ่นต่อผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในปี
๒๕๕๓ และครอบครัวของพวกเขา” นายแอดัมส์กล่าว “มันเป็นเรื่องรับไม่ได้อย่างยิ่งที่ผู้กระทำการละเมิดอย่างร้ายแรง
รวมถึงทหารที่เหนี่ยวไกยิง กับผู้บังคับบัญชาที่สั่งยิง
จะยังคงไม่ถูกแตะต้องเนื่องจากการนิรโทษกรรม”
*หมายเหตุ ฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ (Human Rights Watch) คือองค์การยามเฝ้าสิทธิมนุษยชน
ซึ่งในที่นี้เขียนทับศัพท์อังกฤษเนื่องจากเป็นที่รู้จักกันดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น