23 สิงหาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00น. ที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/oakpanthongtae โดยมีข้อความดังนี้
"ล้างกระบวนการยุติธรรม 2มาตรฐาน" กับ "ล้างผิดคนโกง" แตกต่างกัน โดยสิ้นเชิงครับ
คำว่า "ล้างผิดคนโกง" คือคำพูดที่พรรคประชาธิปัตย์ปั้นขึ้นมาเพื่อ "ล้างสมองคนไทย" ให้เชื่อว่าถ้าปล่อยให้ กฎหมายปรองดองผ่านสภาไปได้ อีกหน่อยใครทำผิดอะไร ก็สามารถล้า...งผิด ได้หมด โดยที่ไม่คำนึงว่าความผิดนั้น ผ่านกระบวนการพิจารณาที่ได้มาตรฐานหรือไม่ ความคิดแบบนี้จะต้องขีดเส้น ให้คนคิดอยู่แค่ในกรอบว่า กระบวนการยุติธรรมที่เริ่มต้นมาจาก การสรุปสำนวนคดีจาก คตส.ที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้นฝั่งเดียวทั้งหมดนัั้น ถูกต้องและเป็นธรรม มีมาตรฐานดีที่สุดแล้ว
การ "ล้างกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน" นั้น เริ่มจาก1คน1เสียง มี2เท้า ได้ก้าวเดินออกจากบ้านมาหย่อนบัตรเลือกตั้ง ตามครรลองที่เหมือนกันทุกประเทศ จนกระทั่งความคิดของเขาที่เลือกพรรคฯในดวงใจนั้น ตรงกับความคิดของคนส่วนใหญ่ของทั้งประเทศ จึงมีเสียงข้างมาก(เกินครึ่งด้วยซ้ำ) สามารถฟอร์มตัวจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยที่พรรคการเมืองใดๆ ไม่ต้องลงทุนมาเดินหน้าผ่าความจริง ล้างสมอง-ล้างความคิด พยายามจะให้คนอื่น คิดเหมือนตนให้จงได้
การ "ล้างกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน" นี้ คือสิ่งที่อยู่ในก้นบึ้งความคิด ของพี่น้องประชาชนไทยอยู่แล้วครับ คนไทยรักความเป็นธรรมและเห็นใจคนถูกกลั่นแกล้ง ใครจะเดินหน้าผ่าความจริงกันเป็นเสี่ยงๆ จนแทบจะมองไม่ออกว่า อันไหนจริงอันไหนเท็จ ตะโกนในโรงหนังกันจนคอหอยแตกอย่างไร ก็ล้างสมองเปลี่ยนความคิดพี่น้องประชาชนยาก โดยเฉพาะยุคซึ่งข้อมูลข่าวสารไวราวกับติดจรวดเช่นนี้ ใครโกหกอะไรไว้ แป๊บเดียวคำพูดเก่า-คำพูดใหม่ ถูกนำมาประกบเปรียบเทียบกัน จนเต็มจอเต็มเพจกันหมด
พรรคประชาธิปัตย์ บอกกับประชาชนเพียงแต่ว่า ถ้าปล่อยให้กฏหมายปรองดองผ่านสภาไปได้ อีกหน่อยเสียงข้างมากไม่พอใจอะไร ก็แก้กฏหมายเข้าข้างตัวเอง แต่เจตนาที่จะไม่พูดว่า กฏหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่เริ่มต้นจากการปฏิวัติรัฐประหารนั้น มันไม่มีวันยุติธรรมไปได้ ยิ่งปล่อยให้ผลของมันอยู่นานเท่าไหร่ ความแตกแยกในสังคมยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ที่สำคัญคือประชาธิปัตย์ ไม่เคยพูดให้ได้ยินว่าอีกหน่อย ถ้าเสียงข้างน้อยไม่พอใจอะไร ด้านในก็เอาแต่ตีรวนป่วนสภาฯ ด้านนอกก็ออกเดินสายปลุกระดม ถ้าแพ้ในสนามแข่ง ก็จะออกไปประท้วงที่ข้างถนน ถ้าแพ้ข้างถนนก็ก่นด่าทหารว่าไม่ยอมปฏิวัติ ตั้งท่าตั้งแง่ไม่ยอมรับกันตั้งแต่ต้น แล้วบ้านเมืองเราจะมีระบบรัฐสภา จะมีรัฐธรรมนูญ จะเป็นประชาธิปไตยกันไปเพื่ออะไร ประเทศชาติไม่สามารถจะสงบได้หรอกครับ
ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เขาเห็นด้วยกับคุณ เขาก็เลือกคุณเป็นรัฐบาลไปแล้วครับ พรรคประชาธิปัตย์
"ทำ งานการเมืองให้มาก เล่นการเมืองให้น้อย" เดี๋ยวชาวบ้านเขาก็เลือกเอง ถ้าแข่งขันกันให้ถูกทำนองครองธรรมแบบนี้ได้ ประเทศไทยไปไกลกว่านี้ เผลอๆพัฒนาไปตั้งแต่ 60ปีที่แล้ว แล้วครับ..!!
คำว่า "ล้างผิดคนโกง" คือคำพูดที่พรรคประชาธิปัตย์ปั้นขึ้นมาเพื่อ "ล้างสมองคนไทย" ให้เชื่อว่าถ้าปล่อยให้ กฎหมายปรองดองผ่านสภาไปได้ อีกหน่อยใครทำผิดอะไร ก็สามารถล้า...งผิด ได้หมด โดยที่ไม่คำนึงว่าความผิดนั้น ผ่านกระบวนการพิจารณาที่ได้มาตรฐานหรือไม่ ความคิดแบบนี้จะต้องขีดเส้น ให้คนคิดอยู่แค่ในกรอบว่า กระบวนการยุติธรรมที่เริ่มต้นมาจาก การสรุปสำนวนคดีจาก คตส.ที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้นฝั่งเดียวทั้งหมดนัั้น ถูกต้องและเป็นธรรม มีมาตรฐานดีที่สุดแล้ว
การ "ล้างกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน" นั้น เริ่มจาก1คน1เสียง มี2เท้า ได้ก้าวเดินออกจากบ้านมาหย่อนบัตรเลือกตั้ง ตามครรลองที่เหมือนกันทุกประเทศ จนกระทั่งความคิดของเขาที่เลือกพรรคฯในดวงใจนั้น ตรงกับความคิดของคนส่วนใหญ่ของทั้งประเทศ จึงมีเสียงข้างมาก(เกินครึ่งด้วยซ้ำ) สามารถฟอร์มตัวจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยที่พรรคการเมืองใดๆ ไม่ต้องลงทุนมาเดินหน้าผ่าความจริง ล้างสมอง-ล้างความคิด พยายามจะให้คนอื่น คิดเหมือนตนให้จงได้
การ "ล้างกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน" นี้ คือสิ่งที่อยู่ในก้นบึ้งความคิด ของพี่น้องประชาชนไทยอยู่แล้วครับ คนไทยรักความเป็นธรรมและเห็นใจคนถูกกลั่นแกล้ง ใครจะเดินหน้าผ่าความจริงกันเป็นเสี่ยงๆ จนแทบจะมองไม่ออกว่า อันไหนจริงอันไหนเท็จ ตะโกนในโรงหนังกันจนคอหอยแตกอย่างไร ก็ล้างสมองเปลี่ยนความคิดพี่น้องประชาชนยาก โดยเฉพาะยุคซึ่งข้อมูลข่าวสารไวราวกับติดจรวดเช่นนี้ ใครโกหกอะไรไว้ แป๊บเดียวคำพูดเก่า-คำพูดใหม่ ถูกนำมาประกบเปรียบเทียบกัน จนเต็มจอเต็มเพจกันหมด
พรรคประชาธิปัตย์ บอกกับประชาชนเพียงแต่ว่า ถ้าปล่อยให้กฏหมายปรองดองผ่านสภาไปได้ อีกหน่อยเสียงข้างมากไม่พอใจอะไร ก็แก้กฏหมายเข้าข้างตัวเอง แต่เจตนาที่จะไม่พูดว่า กฏหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่เริ่มต้นจากการปฏิวัติรัฐประหารนั้น มันไม่มีวันยุติธรรมไปได้ ยิ่งปล่อยให้ผลของมันอยู่นานเท่าไหร่ ความแตกแยกในสังคมยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ที่สำคัญคือประชาธิปัตย์ ไม่เคยพูดให้ได้ยินว่าอีกหน่อย ถ้าเสียงข้างน้อยไม่พอใจอะไร ด้านในก็เอาแต่ตีรวนป่วนสภาฯ ด้านนอกก็ออกเดินสายปลุกระดม ถ้าแพ้ในสนามแข่ง ก็จะออกไปประท้วงที่ข้างถนน ถ้าแพ้ข้างถนนก็ก่นด่าทหารว่าไม่ยอมปฏิวัติ ตั้งท่าตั้งแง่ไม่ยอมรับกันตั้งแต่ต้น แล้วบ้านเมืองเราจะมีระบบรัฐสภา จะมีรัฐธรรมนูญ จะเป็นประชาธิปไตยกันไปเพื่ออะไร ประเทศชาติไม่สามารถจะสงบได้หรอกครับ
ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เขาเห็นด้วยกับคุณ เขาก็เลือกคุณเป็นรัฐบาลไปแล้วครับ พรรคประชาธิปัตย์
"ทำ งานการเมืองให้มาก เล่นการเมืองให้น้อย" เดี๋ยวชาวบ้านเขาก็เลือกเอง ถ้าแข่งขันกันให้ถูกทำนองครองธรรมแบบนี้ได้ ประเทศไทยไปไกลกว่านี้ เผลอๆพัฒนาไปตั้งแต่ 60ปีที่แล้ว แล้วครับ..!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น