แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อาการ การเมือง อาการ ประชาธิปัตย์ อาการ น่าเป็นห่วง

ที่มา ข่าวสด

 

ไม่ว่าจะเห็นผ่านการถ่ายทอดสดทางช่อง 11 ไม่ว่าจะเห็นผ่าน "คลิป" อันแพร่โดยพรรคการเมือง 1 ซึ่งมิได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล

อาการของ "ประชาธิปัตย์" น่าเป็นห่วง

หาก ไม่น่าเป็นห่วง นายศิริโชค โสภา คงไม่ออกมาโวยกรณีเว็บไซต์ "รัฐสภาไทย" นำภาพนายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ กำลังเอามือ "ค้ำคอ" เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา

เพราะทำให้ "ภาพลักษณ์" พรรคประชาธิปัตย์เสียหาย

ยิ่ง นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ออกมาอธิบายโดยอ้างว่า "เจ้าหน้าที่ตำรวจสภาเข้ามาเหยียบเท้าของผมที่ตาปลา ผมรู้สึกเจ็บเลยมีปฏิกิริยายื่นมือออกไปและไปโดนคอเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาพอ ดี"

ยิ่งทำให้บังเกิดอาการครางฮือตามมา

ไม่จำเป็นที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ จะบ่นเบาๆ ว่า "โคตรเบื่อ" ไม่จำเป็นที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะออกมายอมรับว่า "เป็นภาพที่ไม่มีใครสบายใจ ไม่มีใครอยากจะเห็น" เพราะทุกอย่างล้วนปรากฏอยู่เบื้องหน้า

ได้ยินเสียงกรี๊ด ได้เห็นเต็มตา

อาการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอาการอันสามารถเข้าใจได้และน่าเห็นใจในทางการเมืองเป็นอย่างสูง

การแสดงออกเช่นนี้เพราะว่า-หมดหนทางอื่น

ก็เหมือนอย่างที่ นายสุเทพ เทือกสุวรรณ ปรารภในทุกเวที "ผ่าความจริง" ว่า สู้ในสภาสู้อย่างไรก็แพ้

เพราะ "มือ" ของพรรคประชาธิปัตย์น้อยกว่า "รัฐบาล"

มวลชนที่ติดตามรับฟังคำปราศรัยของขุนพลนักพูดพรรคประชาธิปัตย์จะรับรู้โดยปริยายในความร้อนแรงแห่งถ้อยคำ

เป็นความร้อนแรงจากปากของเหล่า "ผู้ดี"

อย่าว่าแต่ขุนพลนักพูดแห่งพรรคประชาธิปัตย์จะยิ่งปราศรัยยิ่งดุดัน ยิ่งใช้คำแรงๆ อย่างเหลือเชื่อ

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นดูเป็นคนติ๋ม-ติ๋ม

ทุกอย่าง ดำเนินไปเหมือนปรากฏการณ์ของ "หนังกำลังภายใน" ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจาก "หงส์ทองคะนองศึก" เมื่อบรรลุถึง "เดชไอ้ด้วน" เพลงดาบย่อมพิสดารขึ้น เลือดที่ละเลงตั้งแต่ยอดลงมาถึงตีนเขาย่อมละเลงจนเละ


เละเหมือนที่เห็นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม

เหตุปัจจัยอันทำให้ขุนพลแห่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องเล่นบทตีรวน เล่นเกม ป่วนการประชุมตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้าย

1 เพราะอภิปรายอย่างไร เมื่อยกมือก็พ่ายแพ้

ขณะ เดียวกัน 1 ร่าง พ.ร.บ.รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภาที่พรรคร่วม รัฐบาลเสนอมีความแจ่มชัดในจิตวิญญาณแห่งระบอบประชาธิปไตย

นั่นคือ เอา "เลือกตั้ง" มาแทน "แต่งตั้ง"

นั่นคือ เอาจำนวนเสียงของประชาชนในขอบเขตทั้งประเทศมาเป็นเกณฑ์ตัดสิน มิใช่ 7 เทวดาอันอยู่ในคณะกรรมการ "สรรหา"

ประเด็นอย่างนี้อภิปรายคัดง้างยากอย่างยิ่ง

ใน ยุคแห่งเผด็จการ ในยุคแห่งประชาธิปไตยครึ่งใบที่สมาชิกสภานิติบัญญัติส่วนหนึ่งมาจากการแต่ง ตั้ง คนของพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งละอ่อนหลายคนที่เป็น ส.ว.ก็เคยกล่าวประณาม โจมตีมาแล้วทั้งสิ้น

การปกป้องมาตรา 111 ของรัฐธรรมนูญ 2550 จึงน่าพะอืดพะอมยิ่ง

หน ทางออกเฉพาะหน้าจึงมีแต่ต้องเล่นเกมป่วน ละเลงบทรวนในการประชุม เพื่อลากดึงให้การประชุมเละเทะอย่างที่เห็นและเป็นอยู่เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม

กลายเป็นเกมอัปยศเปรอะเปื้อน "สภา"

คำถามที่เสนอเข้ามาก็คือ การเล่นเกมอย่างนี้พรรคประชาธิปัตย์จะได้คะแนน หรือเสียคะแนน

หาก สรุปแล้วเห็นว่าได้คะแนนก็จงให้คนอย่าง นายวัชระ เพชรทอง คนอย่าง นายเทพไท เสนพงศ์ บรรเลงร่วมกับกลุ่ม 40 ส.ว.ต่อไปเถิด อีกไม่นาน "คำตอบ" จะปรากฏให้เห็น

เป็นคำตอบในสนาม "เลือกตั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น