แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ใบตองแห้ง: นิรโทษ “เอาชนะทางการเมือง”

ที่มา ประชาไท


พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะต้องผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับวรชัย เหมะ ให้ผ่านวาระแรก และวาระแปรญัตติให้เร็วที่สุดเท่าจะทำได้ ไม่ว่าจะมีการต่อต้านคัดค้านรุนแรงสักเพียงใด โดยต้องยืนหยัดในหลักการ “นิรโทษเฉพาะประชาชน”
กระแสต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษในขณะนี้ มุ่งไปที่การนิรโทษทักษิณ นิรโทษเหมาเข่ง ซึ่งเป็นการ “มองข้ามช็อต” ไปจากตัวร่าง พ.ร.บ.ที่นิรโทษเฉพาะประชาชน
 
แน่นอน ผู้ที่หวาดระแวงก็ไม่ได้มองเกินเหตุ เพราะทักษิณแสดงเจตนาชัดเจน ทั้งร่างปรองดองและคลิปลับ ถ้ามีโอกาส ก็จะเหมารวมตัวเองเข้าด้วย แต่ในสถานการณ์ที่มีแรงต้านหนักหน่วงเช่นนี้ “โอกาส” ที่ว่าหมดไปแล้ว หากยังดึงดันก็เอากับเอาเสถียรภาพรัฐบาลไปเสี่ยง
 
ตรงกันข้าม หากพรรคเพื่อไทยยืนหยัดหลักการนิรโทษเฉพาะประชาชน ผลักดันร่างวรชัยผ่านวาระแรก โดยยืนยันว่าไม่เอา “ปรองดอง” มาแทรก กระแสต้านก็จะลดลง ถ้าแปรญัตติให้เร็ว โดยที่พรรคเพื่อไทยไม่แปรญัตติไปสู่ทักษิณเลย เมื่อนำกลับเข้าสภาในวาระ 2 และ 3 เสถียรภาพรัฐบาลจะกลับมา โดยฝ่ายค้านจะเสียหายด้วยซ้ำ เพราะคัดค้านการนิรโทษคนยากคนจนตาดำๆ ที่รัฐบาลตัวเองกวาดจับ
 
ที่เทพเทือกประกาศจะนำม็อบต้าน พ.ร.บ.นิรโทษหลังผ่านวาระ 3 ทำได้อย่างเดียวเท่านั้นคือนิรโทษทักษิณด้วย ถ้าไม่นิรโทษทักษิณ นิรโทษเฉพาะประชาชน 2 ฝ่าย เทพเทือกจะนำม็อบต้านได้ไง มีแต่เสียหาย กลายเป็นผมหยิก หน้ากร้อ คอสั้น ตัวดำ แล้วยังใจดำ
 
ปชป.จึงต้องพลิกเกมมาต้าน พ.ร.บ.นิรโทษตั้งแต่ก่อนวาระแรก
 
อันที่จริง การต่อสู้ทางการเมืองเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษ พรรคเพื่อไทยจะต้องดึงสังคมออกจาก “ทักษิณ” มาถกเถียงกันว่า สมควรนิรโทษให้มวลชนทั้งสองฝ่ายหรือไม่ โดดเดี่ยวผู้คัดค้านให้กลายเป็นพวก “ใจดำ”
 
อันที่จริง ที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ถ่ายทอดสด พรรคเพื่อไทยก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร เพราะเป็นโอกาสให้อภิปรายถึงคดีความ ที่ศาลชี้ว่ามวลชนเสื้อแดงตายจากกระสุนทหาร สดๆ ร้อนๆ ก็คดี 6 ศพ อภิปรายถึงมวลชนแต่ละคนที่ติดคุก ที่ไม่ได้รับความยุติธรรม อภิปรายถึงคดีที่ศาลชี้แล้วว่ามวลชนเสื้อแดงไม่ได้ “เผาบ้านเผาเมือง” อภิปรายถึงคดีที่มีการกวาดจับมั่ว อภิปรายถึงความเลวร้ายสมัยรัฐบาล ปชป.จับกุมมวลชนใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วไม่ให้ประกัน อย่างน้อยก็จำต้องรับสารภาพความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำคุก 6 เดือน-1 ปี ฯลฯ
 
ถ้าไม่สันหลังหวะ คิดแต่จะสอดไส้ “ปรองดอง” ก็ไม่ต้องกลัวอะไร
 
ถ้าพรรคเพื่อไทยผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ผ่านวาระ 3 โดยไม่แปรเนื้อหา นิรโทษเฉพาะประชาชน วุฒิสภาจะเอาอะไรมาค้าน ในเมื่อกระแสสังคมเช่นผลสำรวจดุสิตโพลล์ก็เห็นพ้อง (ให้นิรโทษเหมาเข่งด้วยซ้ำ) ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครร้องศาลรัฐธรรมนูญ คัดค้านว่าขัดรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าเป็นฉันทามติของสังคม ศาลก็ต้องดูว่า “บ้านเมืองเดินต่อไปได้ไหม” เหมือนที่วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ พูดไว้
 
ทั้งหมดนี้อยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะเข้าใจสถานการณ์และตัดสินใจได้มั่นคง แน่วแน่แค่ไหน เพราะถ้าแน่วแน่ ถอนร่างปรองดองออกไปแต่แรก ก็น่าจะทำความเข้าใจสังคมได้มากกว่านี้
 
ถ้ามั่นคง ตรงดิ่งไปสู่การนิรโทษเฉพาะมวลชน วิกฤติยังสามารถแปรเป็นโอกาส ทำให้เห็นว่าขบวนการจ้องล้มรัฐบาลไม่มีเหตุผล อย่าลืมว่านี่คือ “ยกแรก” ของการเปิดสมัยประชุม ซึ่งยังต้องเจอศึกหนักอีกเยอะ รวมทั้งเรื่องที่รัฐบาลทำอะไรแย่ๆ ไว้ยังจะตามมาอีกเยอะ ถ้า “เอาชนะทางการเมือง” ในเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษได้ ก็จะส่งผลถึงบประมาณ และเงินกู้ 2.2 ล้านล้าน ให้พวกต่อต้านเสียรังวัด
 
“โอกาส” ที่พูดถึงไม่ใช่แค่โอกาสของรัฐบาลเพื่อไทย แต่เป็นโอกาสของประชาธิปไตย เพราะถ้าพูดตามเนื้อหา “ม็อบแช่แข็งปี 2” หือขึ้นมาได้ด้วยความห่วยแตกของรัฐบาลเอง การบริหารขาดประสิทธิภาพ กลุ่มก๊วนการเมืองฉายโอกาสฉ้อฉล ความล้มเหลวเชิงนโยบาย ทำให้คะแนนตก
 
กระนั้น ม็อบแช่แข็งรอบ 2 ก็ยังจุดไม่ติด มีคนมาพีคสุดแค่ 4 พัน กิ๊กก๊อกกว่าม็อบเสธอ้าย กระจอกกว่าพันธมิตรหลายเท่า สะท้อนว่ากระแสสังคมไม่เอาพวกสุดขั้วสุดโต่ง ที่อะไรก็เรียกหารัฐประหาร หรือการเปลี่ยนแปลงนอกวิถี
 
เพียงแต่คนจำนวนมากก็เห็นว่ารัฐบาลไม่เอาไหน
 
ทั้งสองกระแสที่ดำรงอยู่เป็นนิมิตหมายอันดีของประชาธิปไตย เบื่อหน่ายเพื่อไทย สังเวชประชาธิปัตย์ ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาตุลาการภิวัตน์ล้มรัฐบาลอีก สังคมไทยกำลังจะตื่นตัวเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น และยึดมั่นวิถีประชาธิปไตยมากขึ้น
 
ถ้าครั้งนี้กระแสสังคมสามารถ “ล้อมปราบทางการเมือง” พวกแช่แข็งไปได้ ทำลายความหวังของพวกสุดขั้วสุดโต่งที่อยากเห็นรัฐประหาร ศาลยุบพรรค ปปช.ถอดนายกฯ ฯลฯ ทำให้พวกนี้พ่ายแพ้และฝ่อไป การต่อสู้ทางการเมืองก็จะกลับสู่วิถี การตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลจะกลับสู่ความมีเหตุมีผลและมีน้ำหนักมากขึ้น
 
พูดง่ายๆ ว่าตราบใดที่พวกนี้ยังเป่านกหวีดปี๊ดๆ อยู่ การ Repositioning อย่างที่เกษียร เตชะพีระ เรียกร้อง ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
 
ปัจจัยสำคัญยิ่ง คือพรรคเพื่อไทยอย่าทำลายตัวเองก็แล้วกัน อย่าสอดไส้เรื่องทักษิณ ขืนยึกยัก นิดเดียวเท่านั้น เสียทั้งกระบวน
 
                                                                                    ใบตองแห้ง
                                                                                    7 สิงหาคม 2556
.............................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น