แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บรรณาธิการ Foreign Affairs ชม 'ยิ่งลักษณ์' ฟื้นไทยสงบ

ที่มา Voice TV

 บรรณาธิการ Foreign Affairs ชม 'ยิ่งลักษณ์' ฟื้นไทยสงบ

บรรณาธิการนิตยสารด้านกิจการระหว่างประเทศ Foreign Affairs ชี้ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กอบกู้ประเทศไทยท่ามกลางสภาพสังคมแตกแยก เดินกลยุทธ์ประนีประนอม ถือเป็นแบบอย่างสำหรับอียิปต์

ในบทความชื่อ "Can Egypt Learn From Thailand" ซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ [http://www.nytimes.com/2013/08/23/opinion/tepperman-can-egypt-learn-from-thailand.html?_r=0] เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2013 โจนาธาน เทปเปอร์แมน บรรณาธิการนิตยสาร Foreign Affairs กล่าวว่า สังคมไทยซึ่งเกิดความแตกแยกอย่างลึกซึ้งนับแต่หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 กำลังฟื้นคืนสู่ภาวะปกติ เพราะการดำเนินกุศโลบายอย่างชาญฉลาดของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

Jonathan Tepperman กล่าวว่า แม้ในเดือนสิงหาคมได้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลขึ้นอีกครั้งในกรุงเทพ เช่นเดียวกับที่ได้เกิดขึ้นเป็นระลอกในระยะหลัง แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พวกผู้ประท้วงได้กลายเป็นตัวประหลาด ประเทศไทยได้เคลื่อนตัวจากภาวะพังพินาศมาสู่ความรุ่งเรืองและค่อนข้างมี เสถียรภาพ ควรค่าแก่การศึกษาว่า ประเทศไทยทำได้อย่างไร หากสังคมที่แตกแยกเช่นนี้สามารถถอยออกจากปากเหวได้ สังคมอื่นๆก็น่าจะทำได้เช่นกัน



เขาบอกว่า ประเทศไทยได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเวลาอันรวดเร็ว ใช้เวลาเกือบตลอดทศวรรษที่ผ่านมาในการต่อสู้กับตัวเอง ความยุ่งยากได้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2549 เมื่อกองทัพสมคบกับพวกรอยัลลิสต์และศาล โค่นล้มนายกรัฐมนตรีประชานิยม ทักษิณ ชินวัตร การรัฐประหารได้จุดชนวนการวิวาทบนท้องถนนระหว่าง "พวกเสื้อเหลือง" ผู้ปกป้องระบอบกึ่งศักดินาอันเก่าแก่ กับ "พวกเสื้อแดง" คนจนในเมืองและในชนบทผู้สนับสนุนทักษิณ จนกระทั่งเกิดการปราบปรามผู้ประท้วงเสื้อแดงในปี 2553

นับแต่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของทักษิณ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคม 2554 จนถึงเวลานี้ซึ่งมาถึงครึ่งทางในระยะเวลาดำรงตำแหน่ง 4 ปีของเธอ สภาพของประเทศไทยได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

เทปเปอร์แมน อ้างรายงานของรูชีร์ ชาร์มา หัวหน้าฝ่ายตลาดเกิดใหม่ของมอร์แกนสแตนลีย์ ชี้ว่า อนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยดูสดใสที่สุดในรอบ 15 ปี ค่าเงินกระเตื้อง ราคาที่ดินขยับ ตลาดหุ้นซื้อขายคึกคักเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวนับแต่ปี 2551 นักท่องเที่ยวกลับเข้าไปอีกครั้ง ท้องถนนค่อนข้างสงบจากเหตุประท้วง
เขาบอกว่า ยิ่งลักษณ์ ซึ่งในตอนแรกถูกมองว่าเป็นแค่หุ่นเชิดของทักษิณ สามารถพลิกฟื้นประเทศไทยได้เช่นนี้ ด้วยสูตรง่ายๆ 3 อย่าง คือ จัดการปกครองที่ใสสะอาด, ประนีประนอมกับศัตรู, และเน้นงานด้านเศรษฐกิจ

ผู้นำไทยเข้าใจดีว่า เธอจะไม่สามารถผลักดันนโยบายและยกระดับชีวิตของคนจนได้หากไม่สามารถทำให้ สถานการณ์นิ่งสงบลงเสียก่อน และอยู่ในตำแหน่งให้ครบ 4 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เธอจะต้องทำให้คนไทยทุกฝ่ายได้ประโยชน์

เริ่มด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจและปฏิรูป เช่น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 40%, อุดหนุนการซื้อรถยนต์คันแรก ซึ่งเป็นประโยชน์แก่คนชั้นล่าง ขณะที่เตรียมทำโครงการสาธารณูปโภคมูลค่า 67,000 ล้านดอลลาร์ และลดภาษีรายได้กับภาษีนิติบุคคล ซึ่งเอื้อประโยชน์แก่คนมั่งมี

นอกจากนี้ เธอได้พยายามสงบศึกทางการเมือง ทอดไมตรีกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล รวมทั้งพวกนายพลที่โค่นล้มพี่ชายของเธอ ตามความเห็นของฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยิ่งลักษณ์ได้เสนอข้อแลกเปลี่ยนโดยนัยกับชนชั้นนำ โดยไม่แตะต้องอภิสิทธิ์ของคนพวกนั้น ซึ่งพวกเขายอมปล่อยให้เธอครองอำนาจ

เธอจึงไม่ยุ่งเกี่ยวกับกองทัพ การที่เธอเข้านั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมเมื่อเร็วๆนี้ก็เพื่อประกันว่าจะไม่ มีใครไปแตะต้องสิทธิพิเศษต่างๆของทหาร และเธอได้หลีกเลี่ยงที่จะแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าด้วยการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์, ควบคุมการคอรัปชั่น และทำให้มั่นใจว่า พี่ชายของเธอ ซึ่งพวกอำมาตย์ทั้งเกลียดและกลัว จะอยู่นอกประเทศต่อไป

มองในแง่หนึ่ง การแลกเปลี่ยนเช่นนี้ดูน่าเกลียด เพราะยิ่งลักษณ์ต้องยอมทนกับการตรวจสอบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และการกดขี่เสรีภาพในการพูด พวกคนเสื้อแดงผู้สนับสนุนเธอรู้สึกขุ่นเคืองที่เธอไม่ได้ทำเพื่อครอบครัวของ ผู้ถูกสังหารและถูกจำคุกโดยรัฐบาลที่มีกองทัพหนุนหลัง ให้มากกว่าที่ได้ทำไป

ขณะเดียวกัน การเดินกลยุทธ์เช่นนี้ก็เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เปราะบาง พวกคนเสื้อเหลืองได้โหมโจมตีข้อผิดพลาดต่างๆของนายกรัฐมนตรี เช่น โครงการรับจำนำข้าว และยังมีขวากหนามอื่นๆอีก เศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกมากเกินไป ความเหลื่อมล้ำกำลังขยายตัว

แต่ในอีกแง่หนึ่ง ถ้าประเทศไทยยังคงมีความสงบ เศรษฐกิจยังคงขยายตัว ก็มีโอกาสมากขึ้นที่การเมืองแบบประชาธิปไตยจะลงหลักปักฐาน จนถึงระดับที่ว่า เมื่อประเทศไทยจะจัดการกับความแตกแยกภายใน ไทยก็จะแก้ปัญหาด้วยบัตรเลือกตั้ง ไม่ใช่การสู้รบบนท้องถนน

ดังนั้น จุดด้อยในข้อต่อรองของยิ่งลักษณ์นับเป็นส่วนหนึ่งของความมีอัจฉริยภาพ การที่ทุกฝ่ายรู้สึกไม่พอใจกับกุศโลบายของเธอนับเป็นสัญญาณที่ดี เพราะนั่นหมายความว่า ไม่มีฝ่ายไหนจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ นี่คือการประนีประนอมที่ได้ผล แม้จะดูมั่วๆก็จริง แต่เป็นความมั่วที่ประเทศอื่นๆอย่างอียิปต์, เวเนซุเอลา หรือซิมบับเว จะอิจฉา.

Source : New York Times

23 สิงหาคม 2556 เวลา 13:20 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น