สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น
Where in the world would you see riot police being herded like cattle & not resisting?
ยังมีที่ไหนในโลกที่คุณจะได้เห็นตำรวจปราบจลาจลถูกต้อนเช่นวัวควายแต่ไม่ต่อต้าน?
Richard Barrow บล็อกเกอร์ ท่องเที่ยวไทย ทวีต ข่าวประท้วง อาหาร และ เทศกาล
ooo
December 25, 2013
ดูแลกรุงเทพฯ ด้วยครับ
ผมได้รับคำเตือนจากผู้หวังดีท่านหนึ่ง
ฝากไปถึงรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ว่า อย่าลืมดูแลคนกรุงเทพฯ
ในช่วงเวลาป่วนเมืองอย่างนี้ด้วย ความจริงมวลชนฝั่งเราต่างเข้าใจกันดีว่า
เหตุผลที่รัฐบาล “เล่นเอาเถิด” อยู่ในขณะนี้ นั่นคือนิ่งเฉย ไม่โต้ไม่ตอบ
หรือโต้ตอบก็ระวังสุ้มเสียงของตัวเองมิให้รุนแรงแข็งกระด้าง
นายกรัฐมนตรีก็เลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับม็อบ
หรือทำให้อะไรตัวเองกลายเป็นเงื่อนไขจุดชนวนความรุนแรงขึ้นมานั้น
เป็นเพราะรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการอย่างนั้น
เราจึงจะไม่เดินสู่กับดักหรือทำอะไรเข้าทางเขาเป็นอันขาด
รู้นี่ครับเครื่องมือของฝ่ายจารีตคือฝูงชนบ้าคลั่ง ศาล องค์กรอิสระ
และกองทัพ การใช้ศาลหรือองค์กรอิสระนั้นทำได้ตลอดโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขนำทาง
แต่ก็เป็นเล่ห์กลเก่าๆ ที่ทั่วโลกเขาอ่านออกหมดแล้ว
ทำอีกตัวก็เสื่อมหนักลงไปอีก
แต่กลไกกองทัพและฝูงชนบ้าคลั่งนั้นไม่อาจงัดออกมาใช้ได้เพียงฝ่ายเดียว
ต้องปลุกเร้าจนสถานการณ์บานปลายสำหรับทั้งสองฝ่าย
ถึงขั้นควบคุมอะไรกันไม่ได้อีกต่อไป
จึงจะมีเหตุผลเพียงพอให้เลื้อยคลานกันออกมา ทั้งหมดนี้ฝ่ายเราเข้าใจกันดี
แต่ผู้หวังดีท่านก็เตือนมาว่า จิตใจของคนไม่ใช่เกม
โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ในส่วนที่รักความเป็นธรรม
เขาเริ่มจะทนทานไม่ไหวต่อพฤติกรรมอย่างโจรที่ฝ่ายนายสุเทพฯ
เป็นตัวแทนของระบอบสำแดงออกมาตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งบัดนี้
รัฐบาลและพรรคควรต้องสื่อสารและยึดโยงกับมวลชนกลุ่มนี้ให้ดีด้วย
อย่าให้พี่น้องกลุ่มนี้เขารู้สึกถูกทอดทิ้ง โดดเดี่ยว อ้างว้าง
จนเสมือนว่าต้องเผชิญภัยครั้งนี้แต่เพียงลำพัง สิ่งที่นายสุเทพฯ
ทำถือเป็นการเหยียดหยามมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยอย่างยิ่งยวด
พี่น้องในกลุ่มนี้อาจจะไม่ใช่คนรักทักษิณ หรือรักพรรคเพื่อไทยทั้งหมด
แต่ทุกคนรักหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน
และกำลังรู้สึกถูกละเมิดสิทธิพื้นฐานในความเป็นมนุษย์จากมนุษย์อีกประเภท
หนึ่งที่หน้าด้านสุดๆ ผู้กำลังประพฤติชั่วในนามชาติ ศาสน์ กษัตริย์
โดยไม่มีตัวแทนของชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ออกมาพูดอะไรในทางอื่นเลยแม้แต่คำเดียว จนอาจต้องสรุปว่า
คงเห็นด้วยกับนายสุเทพฯ ทั้งหมด
เราจำเป็นต้องมีภาพอันชัดเจนของพี่น้องกรุงเทพฯ กลุ่มนี้
ในมโนสำนึกของเราด้วย
อย่างน้อยผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยในเขตกรุงเทพฯ เที่ยวนี้
ก็อย่าเอาแต่ขอคะแนนเสียงหรือแถลงนโยบาย
โปรดเปิดเวทีให้มวลชนบริสุทธิ์เหล่านี้ได้มีโอกาสระบายถ่ายทอดและเสนอแนวทาง
ต่างๆ เพื่อแก้ไขวิกฤติการเมืองและสังคมในครั้งนี้ด้วยเถิด
ช่วยกันยกระดับความรักและความผูกพันที่เรามีต่อกันในนามผู้นำการเมืองและ
พรรคการเมือง
ให้เป็นความรักและความผูกพันทางอุดมการณ์ประชาธิปไตยกันเถิดครับ
ผมเคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตกรุงเทพฯ ๒ ครั้ง
และแพ้เขาทั้งสองครั้ง
แต่ครั้งที่อยู่ในใจมากที่สุดและไม่เคยลืมเลือนเลยก็คือเมื่อครั้งที่ลงใน
เขตบางกอกน้อย เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘
ผมต้องลงสมัครแทนตัวผู้สมัครที่เตรียมไว้แล้วเป็นปีๆ คือนายจักรพันธุ์
ยมจินดา ที่มาต้องคำพิพากษาอย่างปัจจุบันทันด่วนจนลงไม่ได้
โดยมีเวลาหาเสียงรวมกันไม่ถึง ๓๐ วัน
การรณรงค์หาเสียงในครั้งนั้นทำให้ผมรู้จักพี่น้องชาวกรุงเทพฯ
และรู้จักตัวเองมากขึ้นหลายเท่า ผมได้รู้ว่าคนกรุงเทพฯ
ที่มีฐานะไม่ดีนักเขาต้องปากกัดตีนถีบเพื่อเอาชีวิตให้รอดในเมืองใหญ่
ทำให้คนกรุงเทพฯ บางคนเกิดอุปนิสัยที่เรียกว่า cynical
คือไม่เชื่อถือในความดีงามของอะไรทั้งนั้น
พร้อมจะเห็นข้อบกพร่องของทุกสิ่งทุกอย่าง
เว้นแต่สิ่งที่มีคนมากรอกหูนานพอจนเชื่อว่าเป็นเทวดาจุติลงมาดับทุกเข็ญ
แต่เมื่อเชื่อแล้ว ก็จะหัวปักหัวปำยึดเอาไว้เป็นสรณะแห่งชีวิตเลยทีเดียว
คนในเมืองใหญ่ทั่วโลก มักจะเป็นเช่นนี้ หาคนที่คิดอะไรกลางๆ ไม่ได้
เพราะความทุกข์สุขของเมืองใหญ่มักสุดโต่ง หาทางสายกลางไม่ค่อยได้
จิตใจอ่อนๆ ของคนจึงมีลักษณะสุดโต่งตามไปด้วยเสมอ นี่เป็นเรื่องธรรมดา
คนรักประชาธิปไตยในกรุงเทพฯ มีมาก
ไม่ได้บ้าคลั่งสิ่งสมมติไปหมดหรอกครับ
แต่ตัวแทนฝ่ายเราเองยังไม่ค่อยเดินเข้าไปหาเขานักเท่านั้นเอง
ถือโอกาสเอาการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นเสียเลยสิครับ
ผู้สมัครแต่ละท่านโปรดถือตัวเองว่าเป็นตัวแทนแห่งความเป็นกบนอกกะลา
ถ้าพูดเองไม่สะดวก ก็เชิญผู้รู้ที่มีมากมายไปพูดให้ จัดเสวนาเล็กๆ
ทั่วไปหมดทั้งเขต ใครเข้ามาโวยวายก็ให้เขาชี้แจง
ท่านก็ชี้แจงให้เขารับรู้รับทราบว่าความจริงเป็นอย่างไร
อย่ากลัวคนด่าหรือแสดงอาการต่อต้าน รักจะอยู่ในการเมืองก็ต้องกล้าหน่อย
โดยเฉพาะในยามที่คลั่งสมมติสัจจะกันจนแทบจะเพี้ยนไปหมดทั้งเมืองแล้วอย่าง
นี้ ก็ต้องเพิ่มดีกรีแห่งขันติธรรมอีกสักสามเท่าตัว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น