Published on Jan 30, 2014
สำรวจความคิดเห็นคนชนบทที่ทำงานในกรุงเทพฯ
ช่วงก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องเลื่อนเลือกตั้ง คุยทั้งอาชีพ
กรรมกร ขายของ แม่บ้าน ถึงประเด็นแห่งยุคสมัย
คนชนบทเป็นเสียงไม่มีคุณภาพจริงหรือไม่ การศึกษาน้อย ขายเสียง
คิดอย่างไรกับข้อครหาเหล่านี้ ... ติดตามได้จากคนชนบทตัวเป็นๆ
ที่มา : http://prachatai.com/journal/2014/01/...
ที่มา : http://prachatai.com/journal/2014/01/...
เสียงรากหญ้า(อยากเลือกตั้ง): ตอบคำถามแทงใจ โง่-ขายเสียง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ทำให้เห็น
พื้นฐานความคิดของผู้คนสังคมไทยชัดเจนขึ้น
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือเรื่องความเท่ากันของคน
อันเป็นหลักใหญ่ใจความของระบอบประชาธิปไตย
แต่บ้างก็ว่าเป็นหลุมพรางแห่งความฉ้อฉลในการเมืองไทย
ท่ามกลางข้อถกเถียงทางชนชั้น หรือในทางคุณภาพกับปริมาณ
ตลอดจนข้อกล่าวหาต่างๆ ที่พุ่งไปยังชาวชนบทไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา
การขายเสียง อันเป็นอุปสรรคในการพัฒนาการเมืองไทย
คำถามหนึ่งที่ผุดขึ้นมาคือ แล้วพวกเขาคิดอย่างไรกับข้อครหานี้
คลิปวิดีโอนี้จึงถูกจัดทำขึ้นจากเหตุแห่งความสงสัยดังกล่าว
ในช่วงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญคำมีคำวินิจฉัยเรื่องเลื่อนเลือกตั้งไม่นานนัก
อนันต์ เป็นชายหนุ่มชาวขอนแก่น
เขาและทีมงานรับเหมาตกแต่งต่อเติมอาคารสถานที่ เขากล่าวว่า
เขาต้องการไปเลือกตั้ง แม้แต่การเลือกตั้งระดับ
อบต.พวกเขาก็ยังไปใช้สิทธิกัน
เขามีบุคลิกโผงผางเมื่อถามถึงข้อครหาไม่ว่าเรื่องการศึกษาหรือขายเสียงเขา
มักจะมีอารมณ์ โวยวายและลุกหนี คำถามนั้นถามกว้างๆ
แต่คำตอบนั้นระบุจำเพาะปฏิบัติการบอยคอตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่ง
อย่างชัดเจน สะท้อนการติดตามข่าวสารการเมืองของเขาอย่างดี
เขายังอธิบายโดยยอมรับด้วยว่าการซื้อเสียงนั้นเป็นปกติในพื้นที่ต่างจังหวัด
ก็จริงแต่ทุกพรรคต่างก็ทำเช่นนั้น
และเป็นชาวบ้านเองที่เป็นผู้ตัดสินใจว่าอยากได้พรรคไหน
ลุงยงค์คนขายน้ำอ้อย มาจากจังหวัดอุบล
เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่กรุงเทพฯ และยึดอาชีพขายน้ำอ้อยมานาน
เขาอยากเลือกตั้งโดยให้เหตุผลว่าเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่ปฏิบัติกันมา
นาน เมื่อพูดถึงการศึกษาเขาบอกว่าคนอีสานก็มีความรู้ทางการเมืองเหมือนกัน
และรู้สึกไม่ดีกับการดูถูกของคนกรุงเทพฯ ส่วนเรื่องการขายเสียงเขาว่า
มันมีกันทุกที่ และในกรุงเทพฯ
บางทีอาจจะมากกว่าในต่างจังหวัดเสียอีกโดยหยิบยกประสบการณ์ที่เขาอยู่ใน
กรุงเทพฯ เห็นกรุงเทพฯ มานาน
ลออ มาจากจังหวัดพิจิตร
เธอเป็นช่างปูนของบริษัทก่อสร้างใหญ่แห่งหนึ่ง
เธอว่ารายได้จากงานก่อสร้างนั้นดีกว่าการทำนาทำสวนที่บ้าน
ทั้งยังได้รับสวัสดิการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม
วันหยุดพักร้อนก็มีให้อย่างเป็นระบบ
เธอยึดอาชีพนี้มานานนับสิบปีแต่บางช่วงก็กลับไปอยู่บ้าน
เธอและพรรคพวกสร้างคอนโดใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯมาแล้วนับไม่ถ้วน
เมื่อถามนอกรอบถึงค่าแรง
เพื่อนของเธอที่ล้อมวงคุยอยู่ด้วยกล่าวว่า
เมื่อก่อนระดับกรรมกรจะอยู่ตามอัตราค่าแรงขั้นต่ำของช่วงนั้นๆ และค่อยๆ
ขยับทีละสองสามบาท จนล่าสุด ก่อนที่จะขึ้นค่าแรง 300 บาท
ค่าจ้างของกรรมกรขึ้นพรวดจาก 230 กว่าบาท
“ขึ้นแบบกระโดดเลย ยิ้มกันเลย
ข้าวของเขาบอกว่าแพงขึ้นก็ไม่เป็นไรหรอก ค่าแรงมันแพงขึ้นกว่าเดิมเยอะ
สำหรับพวกแรงงานไม่มีฝีมืออะนะ”
กรรมกรหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนลออสะท้อนแนวคิด
เธอคิดว่าการเลือกตั้งจะเป็นหนทางแก้ปัญหาไม่ให้
“ไปกันใหญ่” เธออกว่าเตรียมจะลงทุนกลับไปเลือกตั้ง
ยอมเสียค่าโอทีทำงานวันอาทิตย์ 600-700 บาทและเสียค่ารถกลับบ้านเอง
เมื่อถามถึงข้อครหาว่าคนชนบทไม่มีการศึกษาและขายเสียง
เธอกล่าวว่า “คนที่พูดคงไม่ทันได้คิด คนต่ำก็ต้องอาศัยคนสูง
คนสูงก็ต้องอาศัยคนต่ำ ความคิดอย่างนี้ไม่ถูก คนจน
เราทำงานอย่างนี้ก็จริงแต่ไม่ได้คดโกงใคร มีประชาธิปไตยเราก็อยากใช้ตรงนี้”
“เราก็มีสิทธิเท่าคนอื่น เราทำงานเขาก็หักภาษีเหมือนกัน ทำงานไม่ใช่ว่าไม่เสียภาษี”
“ฟังแล้วมันก็เฉยๆ แต่บางครั้งมันก็นึกเหมือนกัน เลือกชั้นวรรณะมันก็คิดเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้โกรธเขาหรอก”
วิลาวรรณ ชาวขอนแก่น
แม่บ้านในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งกล่าวว่า
เธอเห็นความสำคัญของการเลือกตั้งเนื่องจากมันทำให้เธอซึ่งไม่ได้มีการศึกษา
ระดับปริญญาเอกเหมือนอาจารย์ต่างๆ มีความรู้สึกเท่าเทียมกัน
รู้สึกเป็นหนึ่งเสียงที่เป็นที่ต้องการ
"ไม่ใช่ว่าห้าคนต่อคนไม่ใช่ ไม่ใช่เราไปรวมกันกู้ ธกส.นี่ เรามีสิทธิหนึ่งใช่ไหม"
"ไม่ใช่ว่าห้าคนต่อคนไม่ใช่ ไม่ใช่เราไปรวมกันกู้ ธกส.นี่ เรามีสิทธิหนึ่งใช่ไหม"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น