แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

ศยามล ไกยูรวงศ์: หยุดความรุนแรงและเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย - See more at: http://blogazine.in.th/blogs/noksayamol/post/4581#sthash.TIlPOIyE.dpuf

ที่มา ประชาไท

 noksayamol's picture

 

ศยามล ไกยูรวงศ์


นับวันสถานการณ์บ้านเมืองเกิดความรุนแรงจากกลุ่มผลประโยชน์ทาง การเมืองของผู้มีอำนาจ  โดยมีประชาชนที่มาชุมนุมด้วยใจบริสุทธิ์เป็นกองกำลังสร้างความชอบธรรมให้กับ ทั้งสองฝ่าย ประชาชนที่มาชุมนุมของทั้งสองฝ่ายต่างมีความหลากหลายทางชนชั้น คงไม่เพียงแต่ประชาชนของ กปปส. ที่มีแต่คนกรุงเทพฯ และคนใต้  หากแต่ยังรวมถึงเกษตรกร คนนจนในชนบท ซึ่งก็มีกลุ่มประชาชนในลักษณะดังกล่าวมาร่วมชุมนุม   การวิเคราะห์ทางชนชั้นแยกฐานะทางเศรษฐกกิจและแยกภาคแบบเหมาเข่ง เป็นการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดและจะนำพาไปสู่การหาทางออกที่เหมาเข่งและไม่สอด คล้อกกับความจริงเช่นกัน  และการวิเคราะห์เช่นนี้ก็จะนำไปสู่ความแตกแยกที่เลวร้ายไปจากเดิม

รัฐบาล ยิ่งลักษณ์กำลังใช้อำนาจของตนเองสร้างความรุนแรงให้เกิดความขัดแย้งมากยิ่ง ขึ้น ในขณะที่ กปส. ก็ใช้ความรุนแรงไปละเมิดสิทธิของผู้ที่ต้องการไปเลือกตั้ง  ทั้งสองการกระทำล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อประชาชนที่บริสุทธิ์    ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องหยุดการใช้ความรุนแรง และเชื่อมั่นว่าหากการชุมนุมของมวลมหาประชาชนใช้หลักอหิงสาสันติวิธีแล้ว การกระทำของคนพาลก็จะต้องพ่ายไปในที่สุด

การเดินหน้าเลือก ตั้งของรัฐบาลครั้งนี้จะทำให้ปรากฏว่ามีจำนวนกี่เสียงของคนไทยที่ต้องการให้ มีการเลือกตั้ง  หากคนใดไม่ต้องการเลือกตั้งก็ไม่ต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หากคนใดต้องการไปเลือกตั้ง ก็ให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง  ด้วยการเคารพสิทธิเสรีภาพของทุกคน จะได้รู้กันให้ชัดเจนว่าเสียงของคนไทยจำนวนกี่เสียงต้องการอย่างไร 

ไม่ ว่าปรากฏการณ์จะเกิดขึ้นอย่างไรแต่เราคนไทยต้องการให้มีการเดินหน้าปฏิรูป ประเทศไทย โดยไม่ต้องหวังรอนักการเมืองอีกต่อไป   การได้นักการเมืองที่ไม่มีคุณภาพ เป็นอันธพาลนักเลง ก็เนื่องมาจากวงจรอุบาทของวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกมายาวนานในสังคมไทย  ระบบเจ้าขุนมูลนาย ระบบพรรคพวก ระบบการพึ่งพาซึ่งกันและกัน  การออกแบบระบบเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ หรือระบบแบบเบอร์เดียวคนเดียว ไปจนถึงระบบการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น จังหวัดและตำบล  ก็ไม่สามารถที่จะได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ  การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 25557  เราก็ยังคงได้นักการเมืองแบบระบบพรรคพวกและไม่มีคุณภาพ ภาษีประชาชนที่เป็นเงินของเราก็จะถูกใช้ละลายไปอย่างไร้ค่า

นัก กฎหมายในยุคเผด็จการ ทรราชย์ หรือยุคประชาธิปไตย ก็ยังคงใช้ความรู้ของตนให้มีอิทธิพลในการตีความตามลายลักษณ์อักษรอย่างเคร่ง ครัดแบบระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่เรียนกันมา  กฎหมายจึงเป็นเครื่องมือของรัฐาธิปัตย์เสมอ  แต่กลับไม่ใช่เครื่องมือของประชาชนแต่อย่างใด  แม้ว่าจะมีรัฐธรรมนูญสีเขียว สีเหลือง สีแดง ก็ตาม   สัจธรรมบนโลกใบนี้ปรากฏชัดอยู่แล้วว่า  ไม่ว่าเราจะเขียนกฎหมายให้ดีอย่างไร   ผู้เขียนกฎหมายก็ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่ากฎหมายจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดในอนาคตได้ หรือไม่  เพราะต้องมีการปฏิบัติบังคับใช้กฎหมายและต้องสรุปว่ากฎหมายยังมีข้อจำกัดและ มีช่องว่างเสมอ 
ระบบกฎหมายของไทยได้ออกแบบให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจ และมีดุลยพินิจในการบังคับใช้กฎหมาย โดยที่ไม่ได้มีการออกแบบให้มีการถ่วงดุลและตรวจสอบจากภาคประชาชนอย่างไร แม้ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่ก็ได้รับการกำกับควบคุมโดยสถาบันทางปกครองและหน่วยงานของรัฐเหมือนเดิม  จึงทำให้ระบบรัฐราชการยังคงดำรงแนวคิดแบบอมาตยาธิปไตยที่พึ่งพากับนักการ เมืองนายทุน    ระบบการเลือกตั้งทุกวันนี้นำมาจากการเลือกตั้งในประเทศตะวันตกที่วัฒนธรรม ของคนตะวันตกมีวัฒนธรรมการแสดงออก และเคารพในสิทธิและหน้าที่ของเขาเองอย่างเคร่งครัด แต่คนไทยยังไม่มีวัฒนธรรมแบบคนตะวันตก

จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ ต้องปฏิรูประบบการเลือกตั้งที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของคนเอเชียแบบสังคมไทย  ด้วยการออกแบบกฎหมายที่ให้ประชาชนมีพื้นที่ของการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่าง อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ และการปกป้องสิทธิของตนเองที่ถูกละเมิดโดยรัฐราชการ รวมทั้งการ 

ประเด็น สำคัญของการปฏิรูปประเทศไทยโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญในระยะสั้น (หนึ่งปี) คือ การได้มาซึ่งอำนาจหน้าที่ของอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร  โดยการปฏิรูประบบการเลือกตั้ง และการกระจายอำนาจให้มีการปกครองตนเองในระดับท้องถิ่นอย่างเป็นอิสระ  ในระยะยาวให้มีการปฏิรูปประเทศไทยโดยการปฏิรูปกฎหมายทั้งหมดในระยะเวลาสอง ปี  เนื่องจากมีกฎหมายที่มีความซ้ำซ้อน ไม่ทันสมัย ไม่กระจายอำนาจให้แก่ชุมชนและท้องถิ่น ตลอดจนมีการบังคับใช้กฎหมายที่ขัดแย้งกันเอง

ข้อเสนอของระบบการ เลือกตั้งควรมีการเลือกตั้งผู้แทนของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารออกจาก กัน  ควรให้มีเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและทีมงานบริหารโดยตรง  ซึ่งต้องมีคุณสมบัติของการมีนโยบายการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน มีทีมงานบริหารที่เป็นมืออาชีพ   และมีการบริหารประเทศที่มีวิสัยทัศน์ของหลักธรรมาภิบาล   ในขณะที่การเลือกผู้แทนของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งไปทำหน้าที่ออกกฎหมายกฎหมาย และตรวจสอบการบริหารประเทศของรัฐบาล คุณสมบัติของผู้แทนต้องมีความรู้และประสบการณ์ทักษะในการกลั่นกรองข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การออกกฎหมาย และการนำเสนอที่ทำให้สาธารณชนมีความรู้ความเข้าใจ และพร้อมที่จะร่วมตรวจสอบฝ่ายบริหาร  ดังนั้นที่มาของอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารต้องแยกขาดจากกัน  และแยกคุณสมบัติที่ชัดเจน  เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติมี คุณสมบัติที่แตกต่างกัน    การไปเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่จึงเลือกตัวบุคคลเพราะรู้จักคนนั้นและช่วย เหลือกันมา  มากกว่าการเลือกพรรคการเมืองที่มีนโยบายและคุณสมบัติของนักการเมืองว่าเหมาะ สมหรือไม่

รัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศในระดับชาติและระดับระหว่าง ประเทศ โดยที่ไม่ต้องมีการปกครองส่วนภูมิภาค  แต่ให้กระจายอำนาจไปที่ระดับจังหวัดเพื่อให้มีการบริหารจังหวัดและมีการออก กฎหมายของจังหวัดอย่างเป็นอิสระ   การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีความสำคัญ มีระยะเวลาการบริหารประเทศสี่ปี  ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ดีกว่าการตรวจสอบนายกรัฐมนตรี และ สส.ที่เลือกตั้งขึ้นไป  ดังคำกล่าวที่ว่า “ไปชุมนุมที่จังหวัดยังง่ายกว่าไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล  ไปตามการแก้ไขปัญหากับผู้ว่าฯก็ยังง่ายไปกว่าไปตามให้แก้ไขปัญหากับนายก รัฐมนตรี   ไปร่วมเสนอกฎหมายในระดับจังหวัดก็ยังมีข้อเสนอที่ดีกว่าเสนอที่รัฐสภา เพราะรู้ว่าบ้านตัวเองต้องการอย่างไร รัฐบาลจะทำโครงการเงินกู้สองล้านล้านบาท ไม่เห็นรู้เรื่อง แต่ถ้าบอกว่าจะให้มีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่บ้านตัวเองหรือไม บอกได้ทันทีว่าไม่”

การ เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดมีการดำเนินการแบบ กรุงเทพมหานคร และมีสภาจังหวัด โดยใช้ระบบเดียวกันคือเลือกผู้ราชการจังหวัดโดยตรง และเลือกฝ่ายนิติบัญญัติในลักษณะเดียวกัน ขณะที่ยังคงการเลือกตั้งในระดับตำบล ซึ่งจะมีการยกระดับเป็นเทศบาลทั้งหมด  กล่าวคือให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล  ทั้งนี้โดยไม่ต้องมีการกำกับดูแลโดยกระทรวงมหาดไทย   เพราะเป็นการมอบอำนาจให้มีการบริหารจังหวัดอย่างเป็นอิสระ สำหรับข้าราชการท้องถิ่นให้มีการสอบคัดเลือกในระดับจังหวัด  เพื่อได้บุคลากรที่เป็นคนในจังหวัดและตำบล  ทั้งนี้จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งการบริหารงาน บุคลากร งบประมาณ และการตัดสินใจในการใช้ทรัพยากรภายในจังหวัดได้อย่างเป็นอิสระ ในกรณีของกรุงเทพมหานคร ก็ต้องมีการปฏิรูปกฎหมายที่ยังไม่กระจายอำนาจให้ กทม.อย่างเต็มรูปแบบเช่นกัน

การคืนอำนาจให้คนไทยได้ปกครองตน เอง จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องมีการปฏิรูปประเทศไทยทันที เพราะปัญหาหลายประการไม่สามารถรอคอยให้นักการเมืองระดับประเทศแก้ไขปัญหาได้ อีกต่อไป ในสภาวะที่มีความขัดแย้ง แต่คนไทยกลับต้องรอว่านักการเมืองจะเลิกทะเลาะกันเมื่อไร เราจึงต้องเริ่มทันที
------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น