26 มีนาคม 2557
ภาพ Bulunraya Khan |
ที่มา Voice TV ศาลยกฟ้องโปรแกรมเมอร์จากข้อหา ม.112
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ยกฟ้องคดีโปรแกรมเมอร์ถูกกล่าวหาเป็นผู้โพสท์ข้อความหมิ่นฯตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
วันนี้(26 มี.ค.) ที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก มีการอ่านคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ กรณีนายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง โปรแกรมเมอร์ ถูกฟ้องในข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากกรณีที่พนักงานอัยการ กล่าวหาว่านายสุรภักดิ์ ได้สร้างอีเมล์ส่วนตัวขึ้น เพื่อเปิดบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อ "เราจะครองแผ่นดินโดยทำรัฐประหาร" และได้เขียนข้อความอันเป็นการหมิ่น
โดยที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นได้พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจากพยานหลักฐาน ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีที่อยู่อีเมล์ และรหัสผ่านเฟซบุ๊ก "เราจะครองแผ่นดินโดยทำรัฐประหาร" ที่ลงทะเบียนไว้ในระบบแต่อย่างใด โดยอีเมล์และเฟซบุ๊กของจำเลยเอง ก็เป็นคนละอันกัน และปรากฏว่าหลังจับกุมจำเลยและควบคุมตัวไว้นั้น ก็ยังมีบุคคลอื่น เข้าใช้งานอีเมล์ที่ถูกกล่าวหาอยู่
และมีความผิดปกติหลายประการ สามารถแสดงให้เห็นได้ว่า มีการนำข้อมูลเข้ามาใส่ในระบบคอมพิวเตอร์ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว และยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของจำเลยเอาไว้ กลับยังมีผู้เปิดใช้งานคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของกลางอีก ในวันก่อนที่จะถูกส่งไปให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจพิสูจน์
จึงเป็นไปได้ว่าจะเกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ต บุ๊คของกลางได้ ทำให้ข้อมูลที่ได้จากการตรวจพิสูจน์ยังไม่มีความน่าเชื่อถือ ศาลจึงเห็นควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และพิพากษายกฟ้อง
อย่างไรก็ดี พนักงานอัยการได้ทำการอุทธรณ์ โดยอ้างว่านายสุรภักดิ์ มีความเชี่ยวชาญ และพยายามซ่อนการกระทำความผิดไว้ ซึ่งในชั้นนี้ ศาลอุธรณ์ได้ทำการพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าข้อโต้แย้งของพนักงานอัยการ ไม่ได้เป็นการหักล้างความน่าสงสัยของพยานโจทก์ในศาลชั้นต้นลง อีกทั้งยังเห็นได้ว่ามีความพยายามปรักปรำ โดยเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวนจริง จึงเห็นสมควรยกฟ้อง
โดยนายสุรภักดิ์ กล่าวว่า มีความพอใจต่อคำพิพากษาเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อว่าการตัดสินในวันนี้ จะเป็นมาตรฐานในการตัดสินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ต่อไป และไม่อยากให้มีการใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ในทางที่ลุแก่อำนาจเช่นนี้
จาก iLaw ... A Walk to remember
สุรภักดิ์ จำเลยผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของและโพสต์ข้อความมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นการ หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯบนเฟซบุ้คเดินลงจากศาลอาญารัชดา หลังศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ มีข้อพิรุธว่าอาจเป็นการปรักปรำจำเลย ทั้งไม่อาจพิสูจน์จนสิ้นสงสัยว่าจำเลยทำความผิดจริง จึงต้องยกผลประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
ศาล อุทธรณ์เห็นว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นคดีที่มีความ อ่อนไหว เพราะจำเลยจะไม่เพียงแต่ถูกลงโทษทางอาญา แต่จะถูกลงโทษโดยสังคมด้วย การพิเคราะห์พยานหลักฐาน จึงต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด
การลงโทษโดยที่ขาดพยานหลักฐานที่ชัดเจน ไม่เพียงเปนความอยุติธรรมต่อจำเลย หากยังอาจเป็นเหตุสร้างความแตกแยกในสังคมด้วย
นอกจากจะพิพากษายืนให้ยกฟ้องจำเลยแล้ว ศาลอุทธรณ์ยังสั่งให้คืนทรัพย์สินของกลางแก่จำเลยด้วย ซึ่งข้อนี้ไม่ปรากฎในคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น