ที่มา ข่าวสด
เมื่อวันที่ 26 มี.ค.
ที่สถานทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ถ.สาทรเหนือ นายอับดุลอิลาห์ อัลชุอัยบี
อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ในประเด็นการหายสาบสูญของนายโมฮัมหมัด
อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุฯ เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ซึ่งศาลจะมีคำตัดสินในวันที่ 31 มี.ค.นี้
นายอับดุลอิลาห์กล่าวว่า คำตัดสินจะสำคัญอย่างยิ่ง เราหวังว่าจะได้รับความยุติธรรม
และแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย คำพิพากษาจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรัฐบาลซาอุฯ
ว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศไทยหรือไม่ ทั้งนี้ ตนและรัฐบาลต้องการแค่เห็นความยุติธรรม
ไม่ได้ตั้งธงว่าจะต้องชี้ว่าใครผิดหรือใครไม่ผิด ขอเพียงได้รับความยุติธรรม รัฐบาลซาอุฯ
ก็พร้อมสานความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดังเดิม
แม้แต่สมาชิก
ราชวงศ์ของประเทศซาอุดีอาระเบียก็ทรงสนพระทัยในคดีนี้อุปทูตกล่าวและว่าครอบ
ครัวของอัลรูไวลี่และเจ้าหน้าที่นับสิบคนก็จะเดินทางมาฟังคำตัดสินในวันที่
31 มี.ค.ด้วย เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม
หากคำตัดสินออกมาแล้วต้องรายงานคำตัดสินไปให้รัฐบาลทราบก่อน
แล้วจะปรึกษาต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร
ซึ่งถ้าหากรัฐบาลหรือครอบครัวอัลรูไวลี่ไม่พอใจก็อาจยื่นอุทธรณ์
หรือยื่นเรื่องให้ศาลระหว่างประเทศก็เป็นไปได้
นายอับดุลอิลาห์กล่าวอีกว่า
อยากขอบคุณทางการไทย โดยเฉพาะนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ
รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอที่ช่วยอำนวยความสะดวกในคดีนี้มาตลอด
ชาวซาอุฯสงสัยมาตลอด
20 กว่าปีว่าใครเป็นผู้ลงมือ พวกเขาไม่ลืม เพราะชีวิตของชาวซาอุฯ ไม่ใช่ชีวิตราคาถูก
นายอับดุลอิลาห์กล่าวและว่า ส่วนเรื่องเพชรซาอุฯ นั้นมีคนถามมากว่าเกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่
ทั้งที่ในความเป็นจริงรัฐบาลซาอุฯ ให้ความสำคัญกับชีวิตของนายอัลรูไวลี่มากกว่า
เราต้องการทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เราไม่สนใจเลยว่าเพชรอยู่ไหน รัฐบาลไม่ต้องการเพชรนิลจินดาใดๆ
คืนทั้งสิ้น ต้องการเพียงแค่ความยุติธรรมจากทางการไทยเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น