เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 56 ที่ผ่านมา ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงาน
ว่าเมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย
โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.อนุชา รมยะนันทน์
พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษก ศอ.รส.
แถลงข่าวภายหลังประชุมสรุปสถานการณ์การชุมนุมและกำชับการปฏิบัติว่า
การประชุม ศอ.รส.ได้รายงานสถานการณ์การข่าว
โดยสรุปบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 หรือหน้าสวนลุมพินี
มีการจัดตั้งเต็นท์เรียบร้อยตั้งเวที ขนาด 7x12 เมตร รถเครื่องเสียง 5 คัน
แสดงให้เห็นว่าพร้อมรวมพลกระจายจุดต่างๆ
ตอนนี้ทางตำรวจนครบาลรายงานมีจำนวนผู้ชุมนุม
บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 จำนวน 300
คนและทยอยเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ ส่วนอีกกลุ่มที่ท้องสนามหลวงประมาณ 80 คน
และมีแนวโน้มจะเดินทางกลับ
จากการตรวจสอบกับมวลชนที่มาเข้าร่วมชุมนุมพบว่าให้มีการเตรียมสัมภาระสำหรับ
พักค้างแรม ได้ 2-3 วัน และให้มารับค่าใช้จ่ายในพื้นที่ชุมนุม
พล.ต.ต.ปิยะเผยว่า
ในการประชุมข่าวกรองได้นำเสนอข่าวที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุม
แถลงว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายท่านเข้าร่วมชุมนุมด้วย
ขณะนี้หลายท่านได้ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนที่เป็นอดีตตำรวจ ทาง
ศอ.รส.ได้ตรวจสอบจากท่านที่มีชื่อโดยตรง อย่าง พล.ต.ท.อดิเทพ ปัญจมานนท์
อดีต ผบช.ปส. ที่ได้ทำหนังสือยืนยันถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ในฐานะผอ.ศอ.รส.ว่าไม่ได้เข้าร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
กับกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ
และได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ส่วน
พล.ต.อ.บุญทิน วงศ์รักมิตร
ทางลูกชายก็โทร.มาแจ้งว่าไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม
แต่อยู่ระหว่างการรักษาสุขภาพร่างกายไม่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ที่ประชุม
ศอ.รส.ได้ตั้งทีมฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข่าวในโซเชียลมีเดีย
หากพบว่ามีเจตนาปล่อยข่าวสร้างสถานการณ์วุ่นวาย ให้เข้าใจผิด
การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก และมีการกดไลก์ กดแชร์
ถือว่ามีความผิดอาญาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
ปรับไม่เกิน 1 แสนหรือทั้งจำทั้งปรับ
จากการตรวจสอบของทีมงานพบว่าบางข่าวไม่เป็นความจริง
เช่นข้อความที่บอกว่าจะมีการระดมกำลังทหาร จะมีการปฏิวัติ
และการแอบอ้างชื่อบุคคลหากบุคคลที่ถูกแอบอ้างไปแจ้งความดำเนินคดี
ผู้เผยแพร่ก็จะมีความผิด
ขณะนี้ทาง พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.แจ้งกำลังพลเสริม 11
กองร้อย เข้าพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนกำลังรอบที่ 2
รอติดตามการข่าวว่าจำเป็นต้องเข้ามาหรือไม่ ส่วนทางด้าน พล.ต.อ.อดุลย์
แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้กำชับให้ ผบ.กองกำลังเน้นรักษาสถานที่
และให้ทุกกองบังคับการจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว บก.ละ 1 ชุด
หากเกิดสถานการณ์สามารถเคลื่อนเข้ามาสนับสนุนได้ทันที
และให้ฝ่ายกฎหมายบันทึกคำชี้แจง คำปราศรัยโดยตลอด
ว่ามีข้อความใดผิดกฎหมายหรือไม่ ยืนยันว่าพร้อมดูแลป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ
ในส่วนของการจราจรทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจจราจร
จะตรวจสอบการจราจรโดยตลอดหากจุดไหนมีปัญหาให้รีบชี้แจงและให้จัดชุดคลี่คลาย
การจราจรลงพื้นที่ การตั้งด่านความมั่นคงภายในพื้นที่ประกาศ
พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ 11 จุดและรอบนอกอีกจำนวนหนึ่ง
ยืนยันว่าเป็นการตั้งด่านตามปกติ ไม่ได้มีการสกัดกั้นผู้มาชุมนุมแต่อย่างใด
พร้อมปฏิเสธข่าวที่มีสื่อมวลชนบางฉบับลงข่าวว่า
มีการใช้งบประมาณจำนวนมากในการอบรมการถ่ายภาพให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
ไม่มีการใช้งบประมาณสูงอย่างที่เป็นข่าว
เป็นการให้ผู้เชี่ยวชาญมาอบรมการถ่ายภาพเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถ
บันทึกภาพเหตุการณ์ได้ถูกวิธีโดยใช้โทรศัพท์และกล้องที่มีอยู่
ด้าน พ.ต.อ.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์
แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.
ได้กำชับการปฏิบัติให้ยึดหลักกฎหมายและเจตนารมณ์ที่ประกาศไป
ให้ระมัดวังไม่ประมาท ระวังภัยแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น
ให้ทุกกองบังคับการเตรียมกองร้อยควบคุมฝูงชนสนันสนุนไว้ในที่ตั้ง
และให้ทุกระดับมีหน่วยด้านการข่าวทั้งระดับสถานีตำรวจ
จนถึงระดับกองบัญชาการ ในส่วนของกองบัญชาการให้รอง ผบช.1
คนรับผิดชอบด้านการข่าวโดยตรง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ
เนื่องจากตำรวจได้ตั้งด่านรอบพื้นที่กทม.
ขออภัยในความไม่สะดวกที่ต้องตรวจอาวุธ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง
ในส่วนการจราจรช่วงนี้มีฝนตกการจราจรติดขัดให้ประชาชนติดตามข่าวสารการ
ชุมนุมอยู่ที่บ้านพัก
นอกจากนั้นสำนักงานตำวจแห่งชาติได้จัดทีมแพทย์ไว้บริการผู้ชุมนุมที่ไม่สบาย
ไว้ 3 จุด คือ บช.น. ทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น