อภิสิทธิ์ยืนยันจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นในระบบสภา
ถ้าติดตามการเคลื่อนไหวของพรรคมาตลอดจะเห็นได้ว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยเรียก
ร้องให้มีการปฏิวัติ รัฐประหาร ล้มล้างรัฐบาล
แต่ยืนยันว่าพรรคจะไม่เอากฎหมายล้างผิด
หมายเหตุ: เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ ได้เผยแพร่คำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ปราศรัยบนเวที “หยุดกฎหมายล้างผิดคิดล้มรัฐธรรมนูญ หยุดเงินกู้ผลาญชาติ หยุดอำนาจฉ้อฉล” ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 56 โดยมีรายละเอียดดังนี้
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พี่น้องชาวตลาดปัฐวิกรณ์ ชาวบึงกุ่ม พี่น้องชาวกรุงเทพฯ
และพี่น้องที่รักความถูกต้องทั้งประเทศ และทั่วโลกครับ สวัสดีครับ
ผมต้องขอแสดงความชื่นชม แล้วก็คารวะ
น้ำใจของพี่น้องประชาชนที่มาปักหลักที่เวทีผ่าความจริงแห่งนี้ ทั้งๆ
ที่ประมาณ 1 ชม. ก่อนหน้านี้ ฝนตกลงมาหนักมาก
และต่อเนื่องแต่มีพี่น้องจำนวนมากครับ ตั้งแต่ผมเข้ามา อยู่ในเต้นท์
อยู่ในบริเวณรอบๆ เวทีปราศรัยแห่งนี้ที่สำคัญที่สุด
มีพี่น้องจำนวนมากนั่งปักหลักที่นี่ไม่ถอยครับ ขอแสดงความคารวะ
ต่อความหนักแน่น มั่นคงของพี่น้องครับ
พี่น้องครับวันนี้สภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดสมัยประชุมแล้ว วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยประชุมใหม่ เดี๋ยวขออนุญาต ท่านที่ยืนข้างหน้านะครับ ถ้าจะยืนข้างหน้ากรุณาหุบร่มนิดนึงครับ เพราะรู้สึกว่าจะเริ่มหงุดหงิดว่าไม่เห็นหน้าผม สภาเปิดประชุม เปิดสมัยประชุมไปแล้ว ประชุมไปแล้ว 1 วัน โชคดีว่าทางประธานสภา รองประธานสภา ไม่บรรจุกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสู่ระเบียบวาระ แล้วก็ไม่มีความพยายามในการที่จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่การประชุมในวัน พฤหัสบดีที่ผ่านมา
แต่วันนี้ครับ ผมเพิ่งได้รับหนังสือจากสภาผู้แทนราษฎร นัดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งต่อไปคือวันพุธที่ 7 สิงหาคม วันพุธที่จะถึงนี้ครับ เปิดระเบียบวาระออกมาดูเรียบร้อยแล้วครับ ระเบียบวาระที่จะมีเรื่องที่จะเป็นเรื่องพิจารณาเรื่องแรกในการประชุมวันพุธ ที่จะถึงนี้ คือกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับของนายวรชัย เหมะ และพวก หมายความว่าถ้าการประชุมเป็นไปตามปกติ สิ่งแรกที่สภาจะต้องพิจารณาในวันพุธนี้ คือกฎหมายที่ได้รวบรวมพี่น้องประชาชนมาเกือบจะ 60 เวทีทั่วประเทศ แสดงพลังในการต่อต้าน คัดค้านมาโดยตลอด และเป็นกฎหมายที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันมั่นคงในจุดยืนเดิมก็คือว่าคัดค้านจนถึงที่สุด
แน่นอนครับ รัฐบาลเองก็ทราบว่า กฎหมายฉบับนี้ กำลังทำให้เกิดความขัดแย้ง มิฉะนั้น ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ที่รัฐบาลจะต้องประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงครอบคลุม 3 เขตปกครองในกรุงเทพมหานคร ซึ่งก็คือพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล และที่ตั้งของรัฐสภา เพียงเท่านี้ก็ฟ้องไปทั่วโลกแล้วครับว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่มีทางที่จะเรียกได้ว่าเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสมัคร สมานสามัคคีของคนในชาติ เพราะถ้าเป็นกฎหมายเรื่องปรองดอง กฎหมายว่าด้วยการสมัครสมานสามัคคีนั่นหมายความว่าทุกคนจะต้องสนับสนุน ทุกคนจะต้องออกไปบอกว่ารีบออกกฎหมายนี้เร็วๆ และจะไม่เป็นเหตุที่เป็นภัยต่อความมั่นคงได้เลย ฉะนั้นรัฐบาลไม่ต้องถามคนอื่น ถามตัวเองว่าที่ต้องออกกฎหมายความมั่นคง หรือประกาศตามกฎหมายความมั่นคง ห้ามสัญจร 12 เส้นทาง เพราะอะไร ใครเป็นคนก่อเหตุ
เมื่อวานนายกรัฐมนตรีอ้างว่า ที่ต้องประกาศมาตรการ พรบ. ความมั่นคงนั้น จำเป็นที่จะต้องทำเพื่อปกป้องและรักษาระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องป้องกันเหตุร้ายความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ราชการและเอกชนทั่วไป ตลอดจนผู้ชุมนุม พี่น้องฟังแล้วเชื่อมั้ยครับ เชื่อมั้ยครับ ก็ดูสิครับ ประกาศปั๊บ ขู่สารพัดว่าจะจัดการกับประชาชนอย่างไร แล้วก็เคยทำมาแล้ว เมื่อตอนที่มีการชุมนุมใหญ่ครั้งหนึ่งในรัฐบาลนี้ ตอนนั้นเสธ. อ้าย กับคณะ นำคนมาชุมนุม ก็มีการจัดการกับประชาชน ที่อ้างว่าจากเบาไปหาหนัก พี่น้องก็ทราบดีว่า ไม่เป็นความจริงเพราะเจอแก๊สน้ำตาตั้งแต่เช้ามืด
ผมกราบเรียนว่า ข้ออ้างที่พูดถึงทั้งหมด ฟังไม่ขึ้น คุณบอกคุณมาปกป้องระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่คุณกำลังจะเอาเจ้าหน้าที่ความมั่นคง มาพยายามปราบปรามคนที่เขาบอกว่า อย่าออกกฎหมายล้างความผิดให้กับคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คุณบอกคุณกำลังจะคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน ให้ประชาชน แต่คุณกำลังจะออกกฎหมายล้างผิดให้คนที่เอาอาวุธสงครามมาฆ่าประชาชน และเผาทรัพย์สินทั้งของราชการ และของเอกชน มันขัดแย้งโดยสิ้นเชิง และเราก็จึงยืนยันครับว่า เราต้องทำหน้าที่ของเราต่อไปในการคัดค้าน
วันพุธที่ผ่านมา เราปราศรัยที่บริเวณสกายวอร์ค สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี หลายคนอาจจะไปเขียนวิพากษ์วิจารณ์ ตีความสารพัดว่าที่คุณสุเทพบอกว่า การออกไปต่อสู้ ถึงจุดที่จะเป็นประเด็นการแตกหักคือวาระ 3 มันช้าไปมั้ย หรือมันกลายเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาจริง เอาจังหรือไม่ ผมบอกกับพี่น้องครับ อยากทำความเข้าใจว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์แสดงจุดยืนอย่างนั้น เพราะเราบอกว่าเราต้องสู้ ทั้งใน และนอกสภา ถ้าเรากระโดดบอกว่า วันนี้เข้าไปชุมนุมแตกหักนอกสภา แล้วเรายังไม่ได้ทำหน้าที่ในสภา เขาก็จะบิดเบือน เขาก็จะกล่าวหาประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่เคารพในกติกาของระบบสภา แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องทำ ก็คือการแสดงออกในเวทีสภาให้เห็นว่ากฎหมายฉบับนี้ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ต่ออนาคตบ้านเมืองอย่างไร และจะต้องคัดค้านถึงที่สุด และจะต้องเปลี่ยนแปลงสาระของกฎหมาย หรือล้มกฎหมายฉบับนี้ในสภาให้ได้
ผมรู้ว่าเป็นเรื่องยาก แต่ผมจะบอกกับพี่น้องว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา สส. ประชาธิปัตย์ พวกเราหลายคนไปคุยกับสส.พรรคเพื่อไทย ตกใจว่า สส.พรรคเพื่อไทย ยังไม่รู้เลยว่า กฎหมายของนายวรชัยนั้นมันจะมีความหมายอย่างไร เช่น เขาบอกว่า กำลังนิรโทษกรรมคนไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ บังเอิญไปติดคุก สส. เราเอารายชื่อคนที่ติดคุกอยู่ไปให้ดู ว่าที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่นั่นไปยิงวัดพระแก้ว ที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่นั้น ยิง M79 จนคนตาย ที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่นั้นคือคนที่เผาศาลากลาง เผาเซนทรัลเวิล์ด เผาสยามสแควร์ เผาเซ็นเตอร์วัน เผาสารพัดเผา แล้วที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่นั้นคือคนที่ขึ้นเวทีเสื้อแดง หรือสนับสนุนกระบวนการเวทีเสื้อแดง สร้างวาทกรรม เรื่องอำมาตย์ เรื่องไพร่ แล้วก็ลามไปถึงการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ สส. เพื่อไทยหลายคนไม่รู้ครับ เราก็จะให้รู้ เพราะเดี๋ยวจะอ้างว่า ฟังจากพรรค ฟังจากนายวรชัย ฟังจากแกนนำ ฟังจากฝ่ายกฎหมายมันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องให้เขาได้ยินความจริงจากทุกฝ่าย ได้ยินก่อนจะได้รู้ว่า พวกคุณยืนยันใช่มั้ย ที่จะนิรโทษกรรมให้กับคนเผา คนฆ่า คนหมิ่น คนก่อการร้ายทั้งหลาย
ให้โอกาสพวกคุณก่อนที่จะบอกว่า คุณยืนยันจะทำสิ่งนี้ แล้วถ้าผ่าน เราก็จะพยายามเปลี่ยนครับ ให้กฎหมายนี้เป็นไปตามหลักที่ถูกต้อง แล้วจะได้วัด จะได้เป็นตัวชี้ จะได้ฟ้องว่า สส.ทุกคน ไม่ว่าพรรคไหน คิดอย่างไร กับเรื่องเหล่านี้ ผมจะรอดดูว่า ถ้ามีคนแปรญัตติว่าไม่นิรโทษกรรมให้คนทำผิดมาตรา 112 สส.พรรคเพื่อไทย สส. พรรคไหนก็ตาม คนไหนบ้าง จะแสดงจุดยืนให้ชัดว่าคุณจะปล่อยให้มีการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และล้างผิดให้หรือไม่
ต้องทำให้ชัด ให้เป็นที่ปรากฏว่า จุดยืนคืออะไร ขณะเดียวกัน พี่น้องประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ไม่มีโอกาสอย่างพวกผมเข้าไปอยู่ในสภา พี่น้องก็มีสิทธิ เสรีภาพเต็มที่ในการชุมนุมภายใต้กรอบของกฎหมาย และพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเคียงข้างท่านในการทำสิ่งนี้ เราต้องเดินไปอย่างนี้ครับ เพื่อให้เกิดความรัดกุม เราต้องเดินไปอย่างนี้เพื่อพิสูจน์ให้คนที่อาจจะยังไม่รับรู้ รับทราบ คนที่ยังคิดว่ามีพื้นที่ตรงกลาง รอดูสิ่งนั้น สิ่งนี้ ให้ชาวโลกได้รับรู้ รับทราบว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร แต่ผมเห็นแล้วละครับ ว่าขณะที่เราก็ได้มีการรวบรวมแนวความคิดเผยแพร่ จัดเวที และพี่น้องประชาชนเริ่มแสดงออกมากขึ้น รัฐบาลก็รู้ตัวว่ากำลังทำในสิ่งที่ทำให้ประเทศเข้าสู่ความเสี่ยง จึงต้องประกาศกฎหมายความมั่นคง และเมื่อคืนนายกรัฐมนตรี ก็จึงต้องออกมาปราศรัยกับพี่น้องประชาชน ไม่ทราบใครได้ดูบ้าง โอ้ แฟนๆ นายกฯ เยอะ ผมจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้วันนี้ครับ เดี๋ยวมีอีกหลายคนขึ้นมาปราศรัย แต่ผมพูดให้ชัดก่อนว่าที่นายกฯ พูดเมื่อวานนี้ หรือข้างหน้าตะโกนบอกผมว่า ที่อ่านเมื่อวานนี้ ผมต้องทำความเข้าใจ เพราะเจตนาจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ หลายเรื่องนายกฯ ไม่พูดความจริงกับประชาชน ผมขออนุญาตอ่านนะครับ นานๆ จะได้อ่านกับเขาบ้าง
"ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดิฉันและรัฐบาล ได้ดำเนินการเพื่อให้เกิดการปรองดองขึ้นในชาติ ด้วยความพยายามอย่างจริงใจที่จะเดินหน้า อดทน ไม่ตอบโต้ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง สร้างสรรค์ และความไว้วางใจ รวมทั้ง รวมทั้งการเปิดพื้นที่ให้กับทุกกลุ่มที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างทางการ เมือง"
ท่านนายกฯ ไปอยู่ไหนมาครับ ไปอยู่อาฟริกา หรือไปอยู่ยุโรป หรือไปอยู่ที่ไหนมาครับ ไอ้ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกกลุ่มที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง คือให้คนเอาลูกหิน ลูกแก้วมายิงพวกผมใช่มั้ย ไอ้ที่เปิดพื้นที่ให้กับทุกกลุ่มที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองคือให้ เสื้อแดงมาบอกใช่มั้ยว่านายอภิสิทธิ์ไปไหน จะจับตัวแล้วไม่ให้กลับไปแบบมีชีวิต ผมจึงอยากจะบอกกับนายกรัฐมนตรีครับว่า อย่า อย่าพูดไม่จริงกับประชาชน สู้ สู้ยอมรับความจริงแล้วบอกว่าจะแก้ไข อย่างนั้นสิครับ พวกเราพร้อมจะให้โอกาสเพราะพวกเราเป็นคนใจกว้างพอ
บรรยากาศที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอย่างนั้น และผมอยากจะบอกว่าในทางตรงกันข้ามครับ นายกรัฐมนตรีไม่สังเกตเหรอครับว่า ท่านนั้นไปปฏิบัติหน้าที่ได้ทั่วประเทศ เพราะพวกผมไม่เคยคิดจะไปปลุกระดมไปต่อต้าน ภาคใต้ก็ไปได้ จนตั้งจังหวัดใหม่ชื่อ หาดใหญ่ไปแล้ว แล้วจะไปพื้นที่เหล่านี้ที ก็มีลูกน้องนายกฯ นั้นโทรมาขอ โทรมาขอคนของพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดไหน ก็โทรหา สส. จังหวัดนั้น อย่าเอาคนไปต่อต้าน พวกผมก็บอกไปแล้วว่าพวกผมไม่ทำ เพราะไม่มีสันดานเหมือนกับบางพวก ฉะนั้นอย่ามาป้ายสีว่าคนอื่นไม่ปรองดอง พวกผมประกาศมาตลอดว่า เชิญเป็นรัฐบาลให้ครบวาระ แต่เป็นรัฐบาลแล้วมาแก้ปัญหาประชาชน อย่าไปแก้ปัญหาพี่ชาย
โปรดฟังต่อ ที่น่าเสียใจที่สุด คือการที่มีบุคคลบางกลุ่มต้องการการเคลื่อนไหวบนท้องถนน มีท่าทีไม่ยอมรับกติกาของประชาธิปไตย มีการยั่วยุ กระตุ้นเพื่อนำไปสู่การล้มล้างรัฐบาล นี่ถ้าไม่ได้ดูนะ นึกว่ามีคนกำลังพูดถึงเสื้อแดงปี 52 – 53 แล้วก็พอดูแล้วก็ต้องดูอีกครั้งหนึ่งว่า คนที่พูด และอ่านประโยคเมื่อสักครู่นั้น ใส่เสื้อแดงอยู่หลังเวทีหรือเปล่า เมื่อปี 52 – 53 จ่ายสตางค์ให้ด้วยหรือเปล่า ให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างนั้น
ผมอยากจะบอกกับนายกรัฐมนตรีครับว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันจุดยืนของเราที่เชื่อมั่นในระบบสภา และที่เคลื่อนไหวกันมาทั้งหมดทั้งปี ถ้าจะฟังแม้แต่สัก 1 ชม. จะเข้าใจมาโดยตลอดได้ทันทีว่า ประชาธิปัตย์ไม่เคยเรียกร้องให้มีการปฏิวัติ รัฐประหาร ล้มล้างรัฐบาล แต่ประชาธิปัตย์ไม่เอากฎหมายล้างผิด
แล้วก็ไม่ได้ดื้อดึงครับ ไม่ได้บอกว่าไม่ล้างผิดให้ใครทั้งนั้น เวลาที่มันมีข้อเสนอที่พอสมเหตุ สมผล ก็บอกว่า คุยกันได้ นายกฯ เคยขอความร่วมมือให้พวกผมไปทำเนียบ เรื่องปัญหาภาคใต้ พวกผมก็ไป แล้วผมก็เคยบอกด้วยวันนั้น ไปแล้ว ให้ข้อมูลทุกอย่าง รวมทั้งเตือนแนวคิดของทักษิณ ที่จะไปพูดคุยแบบเปิดเผยกับกลุ่ม BRN แล้ววันนี้ก็พิสูจน์แล้ว เตือนแล้วท่านไม่ฟัง แล้วปัญหาก็ยังลุกลามอยู่ แล้วก็แก้ยากขึ้นแต่พวกผมก็ไม่ได้ว่าอะไรในแง่ที่ว่าท่านเป็นรัฐบาล ท่านมีสิทธิ์ตัดสินใจ นี่พิสูจน์แล้วว่า ประชาธิปัตย์พร้อมจะหาทางออกให้กับประเทศ ทั้งๆ ที่ถูกข่มขู่ คุกคาม รังแก แล้วก็พวกผมก็ถูกไล่เช็คบิลดำเนินคดีสารพัดข้อหา เอาเงินบริจาคให้พรรคตัวเอง บำรุงพรรคตัวเอง ยังเอาผิดเลยนี่ ดีนะไม่ได้ไปช่วยเณรคำ ป่านนี้มันเอาตายเลย
กำลังจะนิรโทษกรรมให้คนหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ใครพูดแตะยิ่งลักษณ์ แตะทักษิณ นู้นมาแล้ว สน.นั้น สน.นี้ หมายเรียกไปแล้ว พยายามเล่นงานสารพัด พวกผมก็อดทน เพราะอยากจะประคับประคองบ้านเมืองให้เดินหน้าไปได้ เพราะฉะนั้นอย่ามาสงสัย ระแวงพวกผมว่าทำให้บ้านเมืองไม่มั่นคง คนที่ทำให้บ้านเมืองไม่มั่นคง คือคนเห็นแก่ตัวที่อยู่เมืองนอก ที่ไม่ยอมหยุดทำร้ายประเทศไทย แล้วก็ไปสร้างปัญหาเอาไว้ ทำความผิดเอาไว้ปี 52 – 53 จนมาขอให้คนไทยล้างความผิดให้
หลักเรื่องนี้ หลายคนพูดครับตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตประธานรัฐสภา อย่างคุณอุทัย พิมพ์ใจชน มีนักวิชาการ นักกฎหมาย ญาตินายทหารที่เสียชีวิต ออกมาพูดชัดเจนว่า ทุกคนอยากให้ประเทศมีทางออก แต่ไม่ใช่การยัดเยียดทางออกที่ต้องการเพียงแค่ช่วยคนเพียงกลุ่มเดียว แล้วทำลายหลักการของบ้านเมือง
ฉะนั้นที่ท่านนายกฯ พูดเมื่อคืนว่า ในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะเชิญตัวแทนกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และมีความเห็นที่หลากหลายในมุมมองให้มาหารือร่วมกัน บอกว่าจะขอเชิญชวนตัวแทนจากกลุ่มบุคคลทั้งฝ่ายรัฐบาล พรรคการเมือง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สมาชิกวุฒิสภา องค์กรอิสระ เอกชน และนักวิชาการ มาร่วมโต๊ะ พูดคุยออกแบบประชาธิปไตยของประเทศไทยเพื่อหาทางออกให้กับอนาคตของเรา ผมเห็นหลายกลุ่มที่เกี่ยวข้องพูดไปบ้างแล้วครับ ก่อนออกมาเห็นมี สว. กลุ่มนึง เขาก็บอก เขาไม่ร่วม แกนนำพันธมิตรบางท่านก็ออกมาบอกว่าไม่ร่วม จนกว่าจะมีการถอนกฎหมายนิรโทษกรรม
ผมก็เรียนว่า ผมเองนั้น เป็นคนที่พยายามหาทางออกให้กับประเทศชาติเสมอ ผมฟังเมื่อคืน ผมก็นั่งคิดในใจว่านายกฯ พูดไป หรืออ่านไปนั้น นายกฯ จะพูดถึงกฎหมายนิรโทษกรรมสักคำมั้ย นายกฯ ไม่รู้จริงๆ เลยเหรอว่า ก่อนจะมาทำเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมนี้ บ้านเมืองก็สงบเรียบร้อยดี ไม่ได้มีความขัดแย้ง ไม่ได้จะมีการชุมนุมกันแบบนี้ นายกฯ ต้องรู้ครับ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ทำเป็นไม่รู้ แล้วในที่สุด วันนี้พอถูกสัมภาษณ์เรื่องนี้ก็บอกว่า พูดคุย ก็พูดคุยไป กฎหมายนิรโทษกรรมก็ให้สภาว่าไป มันแล้วจะพูดทำ จุด จุด จุด อะไรล่ะ คือบ้านเมืองกำลังขัดแย้งกันเรื่องนี้ คุณก็บอกว่ามาคุยกัน แล้วอย่าทะเลาะกัน แต่เรื่องนี้ทำต่อ ไม่มีความจริงใจ เพียงแต่เอาตัวนี้มาเป็นฉากหน้า แล้วเบื้องหลังก็เดินหน้าทำสิ่งที่มันเป็นปมความขัดแย้ง ที่คนเขาต่อต้านกันต่อไป อย่างนี้ไม่สามารถนำไปสู่การปรองดองได้เด็ดขาด
ต้องตั้งหลักใหม่ ผมก็นึกว่า เอ้า แล้วยังไงล่ะ นายกฯ จะมานั่งหัวโต๊ะ แสดงออกถึงความเป็นผู้นำว่าจะผ่าทางตัน จริงๆ นั้นผมรอว่าเมื่อไหร่จะมาแสดงความเป็นผู้นำ ปลดแอกตัวเองออกจากพี่ชายเสียที ปรากฏว่าสวมบทผู้นำแถลงกับประชาชนทั้งประเทศเสร็จไม่ถึง 1 คืน บอกว่าเรื่องนี้มอบให้ วรเทพ กับพงษ์เทพ ไปทำ ผมก็คิดในใจอีก แล้วอย่างนี้จะคุยกันทำ จุด จุด จุด อะไร ก็ถ้านายกฯ ยืนยันบอกว่า ก้าวก่ายสภาไม่ได้ เป็นเรื่องของสภา แล้วความขัดแย้งมันกำลังอยู่ในสภา จะมาชวนคุยแก้ปัญหาความขัดแย้ง แล้วไม่ยุ่งกับสภา จะคุยไปทำไม
มันถึงเวลาที่นายกฯ ต้องตัดสินใจ จริงๆ ผมถือว่าตัดสินใจไปแล้ว วันที่บอกว่าเป็นเรื่องของสภา วันที่บอกว่ากฎหมายเดินหน้า ตัดสินใจแล้วไงว่า พร้อมที่จะนำบ้านเมืองสู่ความขัดแย้งเพียงเพื่อนิรโทษกรรม ล้างผิดให้กับพรรคพวกตัวเอง
ผมก็ไม่ต้องการให้บ้านเมืองถึงทางตัน ผมก็เสนอกลับไปว่า อยากคุยจริง พวกผมคุยได้ แต่สิ่งแรกต้องพิสูจน์ความจริงใจก่อน คืออย่าให้มีการถกกฎหมายนิรโทษกรรมในสภา วันพุธนี้ ถ้าคุณยังเดินหน้าพูดวันพุธนี้ ผมไม่ต้องไปคุยบนโต๊ะเจรจา หรือโต๊ะปฏิรูป หรือโต๊ะอะไรที่จะจัดขึ้น ผมต้องไปทำอย่างเดียว ผมต้องไปลุยกันในสภา ให้ถึงที่สุด แล้วผมก็จะดูด้วยว่าที่เรียกร้องว่า มีอะไรไปพูดในสภา มีอะไรไปพูดในสภา พวกผมร้อยกว่าคนเตรียมพูดทุกคน ให้ได้พูดทุกคนสิ อย่าปิดอภิปรายนะ อย่าใช้เสียงข้างมากปิดอภิปราย อย่าอ้างว่า หมดเวลาแล้ว อย่าอ้างว่า เวลามีค่า เวลาของประชาชน ไม่ใช่เวลาของคุณ
ผมจึงยืนยันอีกครั้ง ประชาธิปัตย์ไม่ขัดขวาง กระบวนการใดที่จะนำไปสู่ความปรองดอง แต่ต้องมีความจริงใจต่อกัน และต้องเคารพความจริง ถ้าพรุ่งนี้ มะรืนนี้ นายกฯ แถลงบอกว่า เพื่อให้การพูดคุยเริ่มต้นได้ จะให้พรรคเพื่อไทย ชะลอเรื่องนี้ ไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ วันพุธ ผมยืนยัน ประชาธิปัตย์มีคนไปคุยแน่ จุดยืนประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นจุดยืนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของพวกเรา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความต้องการจะไปล้มล้างรัฐบาล ประชาธิปไตยอะไรทั้งนั้น แต่เราต้องการให้ระบอบประชาธิปไตย และระบบรัฐสภาคงความศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องมีไว้ เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน และส่วนรวม
ผมพูดชัดๆ ยืนยันตามนี้ รอฟังคำตอบจากรัฐบาล นักข่าวไม่ต้องมาถามผมหลายรอบ ผมน่าเบื่อ ผมตอบทีไร ผมตอบเหมือนเดิม รัฐบาลนั่นแหละ ต้องตอบมาว่าจริงใจในการแก้ปัญหาสังคมมั้ย จริงใจจะเริ่มต้นกระบวนการพูดคุยมั้ย ถ้าจริงใจ หยุดกฎหมายนิรโทษกรรมที่ค้างอยู่ไว้ก่อน แต่ระหว่างนี้ เราก็เดินหน้าผ่าความจริง พรุ่งนี้ก็มี ความจริงพรุ่งนี้ผมจะขึ้นไปแม่สอด เพราะว่าไปดูพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย แล้วก็จะรีบบินกลับมาผ่าความจริงกับพี่น้องที่โรงเรียนประชานิเวศน์ วันจันทร์ วันอังคาร ก็คงจะมีเวทีผ่าความจริงต่อเนื่อง ต่อไป เดี๋ยวสาทิตย์มาประกาศ ผมไม่ไปแย่งงานเขา วันพุธ คงมีผ่าความจริงไม่ได้ ถ้ากฎหมายเข้าสภา เพราะผมตั้งใจพูดกันจนสว่างอย่างน้อย
พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย ก็ยังมีหน้าที่กันครับ ช่วยกับพวกผม บอกต่อความจริง ระดมคนทั่วประเทศ หาวิธีการสะท้อนถึงรัฐบาลว่า การหาทางออกบ้านเมืองไม่ได้ยุ่งยาก ไม่ได้ซับซ้อน แค่ถอนกฎหมายนิรโทษกรรม บ้านเมืองเดินหน้าได้ เราตกลงกันอย่างนี้นะครับ ก่อนที่จะให้คนอื่นขึ้นมาพูดต่อ ก็ต้องขอคำยืนยัน สู้ไม่สู้ (สู้) สู้ไม่สู้ (สู้) สู้ไม่สู้ (สู้) กราบขอบพระคุณครับพี่น้องครับ
หมายเหตุ: เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ ได้เผยแพร่คำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ปราศรัยบนเวที “หยุดกฎหมายล้างผิดคิดล้มรัฐธรรมนูญ หยุดเงินกู้ผลาญชาติ หยุดอำนาจฉ้อฉล” ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 56 โดยมีรายละเอียดดังนี้
000
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
3 สิงหาคม 2556 ตลาดปัฐวิกรณ์ บึงกุ่ม
พี่น้องชาวตลาดปัฐวิกรณ์ ชาวบึงกุ่ม พี่น้องชาวกรุงเทพฯ
และพี่น้องที่รักความถูกต้องทั้งประเทศ และทั่วโลกครับ สวัสดีครับ
ผมต้องขอแสดงความชื่นชม แล้วก็คารวะ
น้ำใจของพี่น้องประชาชนที่มาปักหลักที่เวทีผ่าความจริงแห่งนี้ ทั้งๆ
ที่ประมาณ 1 ชม. ก่อนหน้านี้ ฝนตกลงมาหนักมาก
และต่อเนื่องแต่มีพี่น้องจำนวนมากครับ ตั้งแต่ผมเข้ามา อยู่ในเต้นท์
อยู่ในบริเวณรอบๆ เวทีปราศรัยแห่งนี้ที่สำคัญที่สุด
มีพี่น้องจำนวนมากนั่งปักหลักที่นี่ไม่ถอยครับ ขอแสดงความคารวะ
ต่อความหนักแน่น มั่นคงของพี่น้องครับพี่น้องครับวันนี้สภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดสมัยประชุมแล้ว วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยประชุมใหม่ เดี๋ยวขออนุญาต ท่านที่ยืนข้างหน้านะครับ ถ้าจะยืนข้างหน้ากรุณาหุบร่มนิดนึงครับ เพราะรู้สึกว่าจะเริ่มหงุดหงิดว่าไม่เห็นหน้าผม สภาเปิดประชุม เปิดสมัยประชุมไปแล้ว ประชุมไปแล้ว 1 วัน โชคดีว่าทางประธานสภา รองประธานสภา ไม่บรรจุกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสู่ระเบียบวาระ แล้วก็ไม่มีความพยายามในการที่จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่การประชุมในวัน พฤหัสบดีที่ผ่านมา
แต่วันนี้ครับ ผมเพิ่งได้รับหนังสือจากสภาผู้แทนราษฎร นัดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งต่อไปคือวันพุธที่ 7 สิงหาคม วันพุธที่จะถึงนี้ครับ เปิดระเบียบวาระออกมาดูเรียบร้อยแล้วครับ ระเบียบวาระที่จะมีเรื่องที่จะเป็นเรื่องพิจารณาเรื่องแรกในการประชุมวันพุธ ที่จะถึงนี้ คือกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับของนายวรชัย เหมะ และพวก หมายความว่าถ้าการประชุมเป็นไปตามปกติ สิ่งแรกที่สภาจะต้องพิจารณาในวันพุธนี้ คือกฎหมายที่ได้รวบรวมพี่น้องประชาชนมาเกือบจะ 60 เวทีทั่วประเทศ แสดงพลังในการต่อต้าน คัดค้านมาโดยตลอด และเป็นกฎหมายที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันมั่นคงในจุดยืนเดิมก็คือว่าคัดค้านจนถึงที่สุด
แน่นอนครับ รัฐบาลเองก็ทราบว่า กฎหมายฉบับนี้ กำลังทำให้เกิดความขัดแย้ง มิฉะนั้น ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ที่รัฐบาลจะต้องประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงครอบคลุม 3 เขตปกครองในกรุงเทพมหานคร ซึ่งก็คือพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล และที่ตั้งของรัฐสภา เพียงเท่านี้ก็ฟ้องไปทั่วโลกแล้วครับว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่มีทางที่จะเรียกได้ว่าเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสมัคร สมานสามัคคีของคนในชาติ เพราะถ้าเป็นกฎหมายเรื่องปรองดอง กฎหมายว่าด้วยการสมัครสมานสามัคคีนั่นหมายความว่าทุกคนจะต้องสนับสนุน ทุกคนจะต้องออกไปบอกว่ารีบออกกฎหมายนี้เร็วๆ และจะไม่เป็นเหตุที่เป็นภัยต่อความมั่นคงได้เลย ฉะนั้นรัฐบาลไม่ต้องถามคนอื่น ถามตัวเองว่าที่ต้องออกกฎหมายความมั่นคง หรือประกาศตามกฎหมายความมั่นคง ห้ามสัญจร 12 เส้นทาง เพราะอะไร ใครเป็นคนก่อเหตุ
เมื่อวานนายกรัฐมนตรีอ้างว่า ที่ต้องประกาศมาตรการ พรบ. ความมั่นคงนั้น จำเป็นที่จะต้องทำเพื่อปกป้องและรักษาระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องป้องกันเหตุร้ายความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ราชการและเอกชนทั่วไป ตลอดจนผู้ชุมนุม พี่น้องฟังแล้วเชื่อมั้ยครับ เชื่อมั้ยครับ ก็ดูสิครับ ประกาศปั๊บ ขู่สารพัดว่าจะจัดการกับประชาชนอย่างไร แล้วก็เคยทำมาแล้ว เมื่อตอนที่มีการชุมนุมใหญ่ครั้งหนึ่งในรัฐบาลนี้ ตอนนั้นเสธ. อ้าย กับคณะ นำคนมาชุมนุม ก็มีการจัดการกับประชาชน ที่อ้างว่าจากเบาไปหาหนัก พี่น้องก็ทราบดีว่า ไม่เป็นความจริงเพราะเจอแก๊สน้ำตาตั้งแต่เช้ามืด
ผมกราบเรียนว่า ข้ออ้างที่พูดถึงทั้งหมด ฟังไม่ขึ้น คุณบอกคุณมาปกป้องระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่คุณกำลังจะเอาเจ้าหน้าที่ความมั่นคง มาพยายามปราบปรามคนที่เขาบอกว่า อย่าออกกฎหมายล้างความผิดให้กับคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คุณบอกคุณกำลังจะคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน ให้ประชาชน แต่คุณกำลังจะออกกฎหมายล้างผิดให้คนที่เอาอาวุธสงครามมาฆ่าประชาชน และเผาทรัพย์สินทั้งของราชการ และของเอกชน มันขัดแย้งโดยสิ้นเชิง และเราก็จึงยืนยันครับว่า เราต้องทำหน้าที่ของเราต่อไปในการคัดค้าน
วันพุธที่ผ่านมา เราปราศรัยที่บริเวณสกายวอร์ค สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี หลายคนอาจจะไปเขียนวิพากษ์วิจารณ์ ตีความสารพัดว่าที่คุณสุเทพบอกว่า การออกไปต่อสู้ ถึงจุดที่จะเป็นประเด็นการแตกหักคือวาระ 3 มันช้าไปมั้ย หรือมันกลายเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาจริง เอาจังหรือไม่ ผมบอกกับพี่น้องครับ อยากทำความเข้าใจว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์แสดงจุดยืนอย่างนั้น เพราะเราบอกว่าเราต้องสู้ ทั้งใน และนอกสภา ถ้าเรากระโดดบอกว่า วันนี้เข้าไปชุมนุมแตกหักนอกสภา แล้วเรายังไม่ได้ทำหน้าที่ในสภา เขาก็จะบิดเบือน เขาก็จะกล่าวหาประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่เคารพในกติกาของระบบสภา แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องทำ ก็คือการแสดงออกในเวทีสภาให้เห็นว่ากฎหมายฉบับนี้ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ต่ออนาคตบ้านเมืองอย่างไร และจะต้องคัดค้านถึงที่สุด และจะต้องเปลี่ยนแปลงสาระของกฎหมาย หรือล้มกฎหมายฉบับนี้ในสภาให้ได้
ผมรู้ว่าเป็นเรื่องยาก แต่ผมจะบอกกับพี่น้องว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา สส. ประชาธิปัตย์ พวกเราหลายคนไปคุยกับสส.พรรคเพื่อไทย ตกใจว่า สส.พรรคเพื่อไทย ยังไม่รู้เลยว่า กฎหมายของนายวรชัยนั้นมันจะมีความหมายอย่างไร เช่น เขาบอกว่า กำลังนิรโทษกรรมคนไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ บังเอิญไปติดคุก สส. เราเอารายชื่อคนที่ติดคุกอยู่ไปให้ดู ว่าที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่นั่นไปยิงวัดพระแก้ว ที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่นั้น ยิง M79 จนคนตาย ที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่นั้นคือคนที่เผาศาลากลาง เผาเซนทรัลเวิล์ด เผาสยามสแควร์ เผาเซ็นเตอร์วัน เผาสารพัดเผา แล้วที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่นั้นคือคนที่ขึ้นเวทีเสื้อแดง หรือสนับสนุนกระบวนการเวทีเสื้อแดง สร้างวาทกรรม เรื่องอำมาตย์ เรื่องไพร่ แล้วก็ลามไปถึงการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ สส. เพื่อไทยหลายคนไม่รู้ครับ เราก็จะให้รู้ เพราะเดี๋ยวจะอ้างว่า ฟังจากพรรค ฟังจากนายวรชัย ฟังจากแกนนำ ฟังจากฝ่ายกฎหมายมันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องให้เขาได้ยินความจริงจากทุกฝ่าย ได้ยินก่อนจะได้รู้ว่า พวกคุณยืนยันใช่มั้ย ที่จะนิรโทษกรรมให้กับคนเผา คนฆ่า คนหมิ่น คนก่อการร้ายทั้งหลาย
ให้โอกาสพวกคุณก่อนที่จะบอกว่า คุณยืนยันจะทำสิ่งนี้ แล้วถ้าผ่าน เราก็จะพยายามเปลี่ยนครับ ให้กฎหมายนี้เป็นไปตามหลักที่ถูกต้อง แล้วจะได้วัด จะได้เป็นตัวชี้ จะได้ฟ้องว่า สส.ทุกคน ไม่ว่าพรรคไหน คิดอย่างไร กับเรื่องเหล่านี้ ผมจะรอดดูว่า ถ้ามีคนแปรญัตติว่าไม่นิรโทษกรรมให้คนทำผิดมาตรา 112 สส.พรรคเพื่อไทย สส. พรรคไหนก็ตาม คนไหนบ้าง จะแสดงจุดยืนให้ชัดว่าคุณจะปล่อยให้มีการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และล้างผิดให้หรือไม่
ต้องทำให้ชัด ให้เป็นที่ปรากฏว่า จุดยืนคืออะไร ขณะเดียวกัน พี่น้องประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ไม่มีโอกาสอย่างพวกผมเข้าไปอยู่ในสภา พี่น้องก็มีสิทธิ เสรีภาพเต็มที่ในการชุมนุมภายใต้กรอบของกฎหมาย และพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเคียงข้างท่านในการทำสิ่งนี้ เราต้องเดินไปอย่างนี้ครับ เพื่อให้เกิดความรัดกุม เราต้องเดินไปอย่างนี้เพื่อพิสูจน์ให้คนที่อาจจะยังไม่รับรู้ รับทราบ คนที่ยังคิดว่ามีพื้นที่ตรงกลาง รอดูสิ่งนั้น สิ่งนี้ ให้ชาวโลกได้รับรู้ รับทราบว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร แต่ผมเห็นแล้วละครับ ว่าขณะที่เราก็ได้มีการรวบรวมแนวความคิดเผยแพร่ จัดเวที และพี่น้องประชาชนเริ่มแสดงออกมากขึ้น รัฐบาลก็รู้ตัวว่ากำลังทำในสิ่งที่ทำให้ประเทศเข้าสู่ความเสี่ยง จึงต้องประกาศกฎหมายความมั่นคง และเมื่อคืนนายกรัฐมนตรี ก็จึงต้องออกมาปราศรัยกับพี่น้องประชาชน ไม่ทราบใครได้ดูบ้าง โอ้ แฟนๆ นายกฯ เยอะ ผมจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้วันนี้ครับ เดี๋ยวมีอีกหลายคนขึ้นมาปราศรัย แต่ผมพูดให้ชัดก่อนว่าที่นายกฯ พูดเมื่อวานนี้ หรือข้างหน้าตะโกนบอกผมว่า ที่อ่านเมื่อวานนี้ ผมต้องทำความเข้าใจ เพราะเจตนาจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ หลายเรื่องนายกฯ ไม่พูดความจริงกับประชาชน ผมขออนุญาตอ่านนะครับ นานๆ จะได้อ่านกับเขาบ้าง
"ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดิฉันและรัฐบาล ได้ดำเนินการเพื่อให้เกิดการปรองดองขึ้นในชาติ ด้วยความพยายามอย่างจริงใจที่จะเดินหน้า อดทน ไม่ตอบโต้ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง สร้างสรรค์ และความไว้วางใจ รวมทั้ง รวมทั้งการเปิดพื้นที่ให้กับทุกกลุ่มที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างทางการ เมือง"
ท่านนายกฯ ไปอยู่ไหนมาครับ ไปอยู่อาฟริกา หรือไปอยู่ยุโรป หรือไปอยู่ที่ไหนมาครับ ไอ้ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกกลุ่มที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง คือให้คนเอาลูกหิน ลูกแก้วมายิงพวกผมใช่มั้ย ไอ้ที่เปิดพื้นที่ให้กับทุกกลุ่มที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองคือให้ เสื้อแดงมาบอกใช่มั้ยว่านายอภิสิทธิ์ไปไหน จะจับตัวแล้วไม่ให้กลับไปแบบมีชีวิต ผมจึงอยากจะบอกกับนายกรัฐมนตรีครับว่า อย่า อย่าพูดไม่จริงกับประชาชน สู้ สู้ยอมรับความจริงแล้วบอกว่าจะแก้ไข อย่างนั้นสิครับ พวกเราพร้อมจะให้โอกาสเพราะพวกเราเป็นคนใจกว้างพอ
บรรยากาศที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอย่างนั้น และผมอยากจะบอกว่าในทางตรงกันข้ามครับ นายกรัฐมนตรีไม่สังเกตเหรอครับว่า ท่านนั้นไปปฏิบัติหน้าที่ได้ทั่วประเทศ เพราะพวกผมไม่เคยคิดจะไปปลุกระดมไปต่อต้าน ภาคใต้ก็ไปได้ จนตั้งจังหวัดใหม่ชื่อ หาดใหญ่ไปแล้ว แล้วจะไปพื้นที่เหล่านี้ที ก็มีลูกน้องนายกฯ นั้นโทรมาขอ โทรมาขอคนของพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดไหน ก็โทรหา สส. จังหวัดนั้น อย่าเอาคนไปต่อต้าน พวกผมก็บอกไปแล้วว่าพวกผมไม่ทำ เพราะไม่มีสันดานเหมือนกับบางพวก ฉะนั้นอย่ามาป้ายสีว่าคนอื่นไม่ปรองดอง พวกผมประกาศมาตลอดว่า เชิญเป็นรัฐบาลให้ครบวาระ แต่เป็นรัฐบาลแล้วมาแก้ปัญหาประชาชน อย่าไปแก้ปัญหาพี่ชาย
โปรดฟังต่อ ที่น่าเสียใจที่สุด คือการที่มีบุคคลบางกลุ่มต้องการการเคลื่อนไหวบนท้องถนน มีท่าทีไม่ยอมรับกติกาของประชาธิปไตย มีการยั่วยุ กระตุ้นเพื่อนำไปสู่การล้มล้างรัฐบาล นี่ถ้าไม่ได้ดูนะ นึกว่ามีคนกำลังพูดถึงเสื้อแดงปี 52 – 53 แล้วก็พอดูแล้วก็ต้องดูอีกครั้งหนึ่งว่า คนที่พูด และอ่านประโยคเมื่อสักครู่นั้น ใส่เสื้อแดงอยู่หลังเวทีหรือเปล่า เมื่อปี 52 – 53 จ่ายสตางค์ให้ด้วยหรือเปล่า ให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างนั้น
ผมอยากจะบอกกับนายกรัฐมนตรีครับว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันจุดยืนของเราที่เชื่อมั่นในระบบสภา และที่เคลื่อนไหวกันมาทั้งหมดทั้งปี ถ้าจะฟังแม้แต่สัก 1 ชม. จะเข้าใจมาโดยตลอดได้ทันทีว่า ประชาธิปัตย์ไม่เคยเรียกร้องให้มีการปฏิวัติ รัฐประหาร ล้มล้างรัฐบาล แต่ประชาธิปัตย์ไม่เอากฎหมายล้างผิด
แล้วก็ไม่ได้ดื้อดึงครับ ไม่ได้บอกว่าไม่ล้างผิดให้ใครทั้งนั้น เวลาที่มันมีข้อเสนอที่พอสมเหตุ สมผล ก็บอกว่า คุยกันได้ นายกฯ เคยขอความร่วมมือให้พวกผมไปทำเนียบ เรื่องปัญหาภาคใต้ พวกผมก็ไป แล้วผมก็เคยบอกด้วยวันนั้น ไปแล้ว ให้ข้อมูลทุกอย่าง รวมทั้งเตือนแนวคิดของทักษิณ ที่จะไปพูดคุยแบบเปิดเผยกับกลุ่ม BRN แล้ววันนี้ก็พิสูจน์แล้ว เตือนแล้วท่านไม่ฟัง แล้วปัญหาก็ยังลุกลามอยู่ แล้วก็แก้ยากขึ้นแต่พวกผมก็ไม่ได้ว่าอะไรในแง่ที่ว่าท่านเป็นรัฐบาล ท่านมีสิทธิ์ตัดสินใจ นี่พิสูจน์แล้วว่า ประชาธิปัตย์พร้อมจะหาทางออกให้กับประเทศ ทั้งๆ ที่ถูกข่มขู่ คุกคาม รังแก แล้วก็พวกผมก็ถูกไล่เช็คบิลดำเนินคดีสารพัดข้อหา เอาเงินบริจาคให้พรรคตัวเอง บำรุงพรรคตัวเอง ยังเอาผิดเลยนี่ ดีนะไม่ได้ไปช่วยเณรคำ ป่านนี้มันเอาตายเลย
กำลังจะนิรโทษกรรมให้คนหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ใครพูดแตะยิ่งลักษณ์ แตะทักษิณ นู้นมาแล้ว สน.นั้น สน.นี้ หมายเรียกไปแล้ว พยายามเล่นงานสารพัด พวกผมก็อดทน เพราะอยากจะประคับประคองบ้านเมืองให้เดินหน้าไปได้ เพราะฉะนั้นอย่ามาสงสัย ระแวงพวกผมว่าทำให้บ้านเมืองไม่มั่นคง คนที่ทำให้บ้านเมืองไม่มั่นคง คือคนเห็นแก่ตัวที่อยู่เมืองนอก ที่ไม่ยอมหยุดทำร้ายประเทศไทย แล้วก็ไปสร้างปัญหาเอาไว้ ทำความผิดเอาไว้ปี 52 – 53 จนมาขอให้คนไทยล้างความผิดให้
หลักเรื่องนี้ หลายคนพูดครับตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตประธานรัฐสภา อย่างคุณอุทัย พิมพ์ใจชน มีนักวิชาการ นักกฎหมาย ญาตินายทหารที่เสียชีวิต ออกมาพูดชัดเจนว่า ทุกคนอยากให้ประเทศมีทางออก แต่ไม่ใช่การยัดเยียดทางออกที่ต้องการเพียงแค่ช่วยคนเพียงกลุ่มเดียว แล้วทำลายหลักการของบ้านเมือง
ฉะนั้นที่ท่านนายกฯ พูดเมื่อคืนว่า ในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะเชิญตัวแทนกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และมีความเห็นที่หลากหลายในมุมมองให้มาหารือร่วมกัน บอกว่าจะขอเชิญชวนตัวแทนจากกลุ่มบุคคลทั้งฝ่ายรัฐบาล พรรคการเมือง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สมาชิกวุฒิสภา องค์กรอิสระ เอกชน และนักวิชาการ มาร่วมโต๊ะ พูดคุยออกแบบประชาธิปไตยของประเทศไทยเพื่อหาทางออกให้กับอนาคตของเรา ผมเห็นหลายกลุ่มที่เกี่ยวข้องพูดไปบ้างแล้วครับ ก่อนออกมาเห็นมี สว. กลุ่มนึง เขาก็บอก เขาไม่ร่วม แกนนำพันธมิตรบางท่านก็ออกมาบอกว่าไม่ร่วม จนกว่าจะมีการถอนกฎหมายนิรโทษกรรม
ผมก็เรียนว่า ผมเองนั้น เป็นคนที่พยายามหาทางออกให้กับประเทศชาติเสมอ ผมฟังเมื่อคืน ผมก็นั่งคิดในใจว่านายกฯ พูดไป หรืออ่านไปนั้น นายกฯ จะพูดถึงกฎหมายนิรโทษกรรมสักคำมั้ย นายกฯ ไม่รู้จริงๆ เลยเหรอว่า ก่อนจะมาทำเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมนี้ บ้านเมืองก็สงบเรียบร้อยดี ไม่ได้มีความขัดแย้ง ไม่ได้จะมีการชุมนุมกันแบบนี้ นายกฯ ต้องรู้ครับ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ทำเป็นไม่รู้ แล้วในที่สุด วันนี้พอถูกสัมภาษณ์เรื่องนี้ก็บอกว่า พูดคุย ก็พูดคุยไป กฎหมายนิรโทษกรรมก็ให้สภาว่าไป มันแล้วจะพูดทำ จุด จุด จุด อะไรล่ะ คือบ้านเมืองกำลังขัดแย้งกันเรื่องนี้ คุณก็บอกว่ามาคุยกัน แล้วอย่าทะเลาะกัน แต่เรื่องนี้ทำต่อ ไม่มีความจริงใจ เพียงแต่เอาตัวนี้มาเป็นฉากหน้า แล้วเบื้องหลังก็เดินหน้าทำสิ่งที่มันเป็นปมความขัดแย้ง ที่คนเขาต่อต้านกันต่อไป อย่างนี้ไม่สามารถนำไปสู่การปรองดองได้เด็ดขาด
ต้องตั้งหลักใหม่ ผมก็นึกว่า เอ้า แล้วยังไงล่ะ นายกฯ จะมานั่งหัวโต๊ะ แสดงออกถึงความเป็นผู้นำว่าจะผ่าทางตัน จริงๆ นั้นผมรอว่าเมื่อไหร่จะมาแสดงความเป็นผู้นำ ปลดแอกตัวเองออกจากพี่ชายเสียที ปรากฏว่าสวมบทผู้นำแถลงกับประชาชนทั้งประเทศเสร็จไม่ถึง 1 คืน บอกว่าเรื่องนี้มอบให้ วรเทพ กับพงษ์เทพ ไปทำ ผมก็คิดในใจอีก แล้วอย่างนี้จะคุยกันทำ จุด จุด จุด อะไร ก็ถ้านายกฯ ยืนยันบอกว่า ก้าวก่ายสภาไม่ได้ เป็นเรื่องของสภา แล้วความขัดแย้งมันกำลังอยู่ในสภา จะมาชวนคุยแก้ปัญหาความขัดแย้ง แล้วไม่ยุ่งกับสภา จะคุยไปทำไม
มันถึงเวลาที่นายกฯ ต้องตัดสินใจ จริงๆ ผมถือว่าตัดสินใจไปแล้ว วันที่บอกว่าเป็นเรื่องของสภา วันที่บอกว่ากฎหมายเดินหน้า ตัดสินใจแล้วไงว่า พร้อมที่จะนำบ้านเมืองสู่ความขัดแย้งเพียงเพื่อนิรโทษกรรม ล้างผิดให้กับพรรคพวกตัวเอง
ผมก็ไม่ต้องการให้บ้านเมืองถึงทางตัน ผมก็เสนอกลับไปว่า อยากคุยจริง พวกผมคุยได้ แต่สิ่งแรกต้องพิสูจน์ความจริงใจก่อน คืออย่าให้มีการถกกฎหมายนิรโทษกรรมในสภา วันพุธนี้ ถ้าคุณยังเดินหน้าพูดวันพุธนี้ ผมไม่ต้องไปคุยบนโต๊ะเจรจา หรือโต๊ะปฏิรูป หรือโต๊ะอะไรที่จะจัดขึ้น ผมต้องไปทำอย่างเดียว ผมต้องไปลุยกันในสภา ให้ถึงที่สุด แล้วผมก็จะดูด้วยว่าที่เรียกร้องว่า มีอะไรไปพูดในสภา มีอะไรไปพูดในสภา พวกผมร้อยกว่าคนเตรียมพูดทุกคน ให้ได้พูดทุกคนสิ อย่าปิดอภิปรายนะ อย่าใช้เสียงข้างมากปิดอภิปราย อย่าอ้างว่า หมดเวลาแล้ว อย่าอ้างว่า เวลามีค่า เวลาของประชาชน ไม่ใช่เวลาของคุณ
ผมจึงยืนยันอีกครั้ง ประชาธิปัตย์ไม่ขัดขวาง กระบวนการใดที่จะนำไปสู่ความปรองดอง แต่ต้องมีความจริงใจต่อกัน และต้องเคารพความจริง ถ้าพรุ่งนี้ มะรืนนี้ นายกฯ แถลงบอกว่า เพื่อให้การพูดคุยเริ่มต้นได้ จะให้พรรคเพื่อไทย ชะลอเรื่องนี้ ไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ วันพุธ ผมยืนยัน ประชาธิปัตย์มีคนไปคุยแน่ จุดยืนประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นจุดยืนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของพวกเรา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความต้องการจะไปล้มล้างรัฐบาล ประชาธิปไตยอะไรทั้งนั้น แต่เราต้องการให้ระบอบประชาธิปไตย และระบบรัฐสภาคงความศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องมีไว้ เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน และส่วนรวม
ผมพูดชัดๆ ยืนยันตามนี้ รอฟังคำตอบจากรัฐบาล นักข่าวไม่ต้องมาถามผมหลายรอบ ผมน่าเบื่อ ผมตอบทีไร ผมตอบเหมือนเดิม รัฐบาลนั่นแหละ ต้องตอบมาว่าจริงใจในการแก้ปัญหาสังคมมั้ย จริงใจจะเริ่มต้นกระบวนการพูดคุยมั้ย ถ้าจริงใจ หยุดกฎหมายนิรโทษกรรมที่ค้างอยู่ไว้ก่อน แต่ระหว่างนี้ เราก็เดินหน้าผ่าความจริง พรุ่งนี้ก็มี ความจริงพรุ่งนี้ผมจะขึ้นไปแม่สอด เพราะว่าไปดูพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย แล้วก็จะรีบบินกลับมาผ่าความจริงกับพี่น้องที่โรงเรียนประชานิเวศน์ วันจันทร์ วันอังคาร ก็คงจะมีเวทีผ่าความจริงต่อเนื่อง ต่อไป เดี๋ยวสาทิตย์มาประกาศ ผมไม่ไปแย่งงานเขา วันพุธ คงมีผ่าความจริงไม่ได้ ถ้ากฎหมายเข้าสภา เพราะผมตั้งใจพูดกันจนสว่างอย่างน้อย
พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย ก็ยังมีหน้าที่กันครับ ช่วยกับพวกผม บอกต่อความจริง ระดมคนทั่วประเทศ หาวิธีการสะท้อนถึงรัฐบาลว่า การหาทางออกบ้านเมืองไม่ได้ยุ่งยาก ไม่ได้ซับซ้อน แค่ถอนกฎหมายนิรโทษกรรม บ้านเมืองเดินหน้าได้ เราตกลงกันอย่างนี้นะครับ ก่อนที่จะให้คนอื่นขึ้นมาพูดต่อ ก็ต้องขอคำยืนยัน สู้ไม่สู้ (สู้) สู้ไม่สู้ (สู้) สู้ไม่สู้ (สู้) กราบขอบพระคุณครับพี่น้องครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น