หลายคนเข้าใจผิดว่าโฉนดชุมชนเป็นแนวทางการช่วยเหลือคนจน
หรือเป็นนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจที่สวยหรู แต่แท้จริงกลับตรงข้าม
คนที่ได้รับความช่วยเหลือไม่ใช่คนจน
แต่เป็นอภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยที่ได้โอกาสเอาสมบัติส่วนรวมของชาติไปใช้เพื่อ
ประโยชน์ส่วนตน นอกจากนี้โฉนดชุมชนยังถือเป็นการปลูกฝังพิษร้ายอนาธิปไตย
เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างน่าอันตราย
คลองโยง: จุดเริ่มต้นของความไร้ขื่อแป
เมื่อเอ่ยถึงโฉนดชุมชน ทุกคนคงนึกถึงชุมชนคลองโยงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไปแจกโฉนดชุมชนให้เป็นแห่งแรก จึงทำให้ดูเหมือนว่าคลองโยงเป็นตัวอย่างความสำเร็จของโฉนดชุมชน แต่แท้ที่จริงแล้ว กรณีนี้อาจถือได้ว่ารัฐบาลปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นำเอาสมบัติของแผ่นดินไปแบ่งให้กับคนบางกลุ่ม โดยรัฐบาลได้ประโยชน์เพราะเป็นการหาเสียง ส่วนชาวบ้านส่วนน้อยนี้ได้ที่ดินไป
จู่ ๆ วันหนึ่ง ชาวบ้านชุมชนคลองโยงก็เหมือนถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 กันครอบครัวละหลายใบ เพราะถือว่าได้ที่ดินไปเปล่า ๆ แม้ชาวบ้านจะไม่ได้เป็นโฉนดที่ดินเฉพาะตน แต่ก็ได้ที่ดินไปใช้สอยกันชั่วลูกชั่วหลาน ทั้งที่เมื่อปี 2518 ขณะที่ที่ดินคลองโยง 1,800 ไร่นี้ มีราคาไร่ละ 2,500 บาท ชาวบ้านก็ยินดีจะซื้อ หรือเมื่อต้นปี 2552 ชาวบ้านกับทางราชการยังเห็นร่วมกัน ณ ราคาไร่ละ 500,000 บาท การที่รัฐบาลใช้อำนาจแจกโฉนดชุมชนจึงทำให้ประเทศสูญเสียเงินถึง 900 ล้านบาท
ชุมชนบุกรุก: ยิ่งทำผิดกฎหมาย ยิ่งได้ดี
โฉนดชุมชนถือเป็นกลอุบายที่อ้างความจนมาเอาสมบัติของชาติไป ในกรณีปกติ กว่าประชาชนทั่วไปจะมีบ้านเป็นของตนเองได้ ต่างจะต้องเก็บหอมรอมริบ ถ้าจะซื้อที่อยู่อาศัยอยู่ใกล้ใจกลางเมืองก็จะซื้อได้แค่ห้องชุดขนาดเท่าแมว ดิ้นตาย ถ้าจะซื้อทาวน์เฮาส์หรือบ้านเดี่ยวก็ต้องออกไปไกลถึงชานเมือง จะไปทำงาน ก็ต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืด กว่าจะกลับถึงบ้านแสนรักที่ลงทุนทั้งชีวิตซื้อไว้ ก็มืดค่ำ รุ่งขึ้นก็ต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืดอีก วนเวียนยากลำบากอยู่อย่างนี้
แต่สำหรับชุมชนแออัดที่รัฐบาลจะนำมาเข้าโครงการโฉนดชุมชนนั้น เป็นชุมชนบุกรุกผิดกฎหมายที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่สามารถเดินทางสะดวกด้วย ระบบรถไฟฟ้า เจ้าของบ้านในชุมชนเหล่านี้อยู่โดยไม่ต้องเสียค่าเช่ามาหลายสิบปี ประหยัดเงินส่วนตัวไปได้หลายแสนบาท ราวหนึ่งในสามยังเก็บกินประโยชน์จากการให้เช่าบ้านราคาดี เดิมทีหากชุมชนเหล่านี้สามารถเช่าที่ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย พวกเขาก็ดีใจหายแล้ว แต่พวกเขากลับจะโชคดีดั่งถูกรางวัล จะได้สมบัติของแผ่นดินไปในนามโฉนดชุมชน
อย่าให้คนอยู่ป่าเขา ฉวยโอกาส
เมื่อ 50 ปีที่แล้ว แทบไม่มีหมู่บ้านชาวเขาอยู่บนเขาเลย แต่เดี๋ยวนี้มีมากมาย บุกรุกกันเพิ่มแทบทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี บางแห่งกลายเป็นเมืองไปแล้ว อย่างนี้จะบอกว่าชาวเขาอยู่อย่างพอเพียง รักษาป่า ไม่ขยายตัว ได้อย่างไร แผ่นดินไทยคงไม่กว้างใหญ่ให้เหยียบย่ำทำกินได้เท่าความโลภของคน ประเทศจะปล่อยให้ชุมชนขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัดเช่นนี้ คงไม่ได้
ป่าเขา แม่น้ำ หนอง บึง ชายทะเลหรือทรัพยากรธรรมชาติ เป็นของทุกคนในชาติโดยไม่แบ่งแยก ไม่ใช่ของชุมชนใดชุมชนหนึ่ง ถ้าแต่ละชุมชนอ้างสิทธิ์เฉพาะตน ชุมชนอื่นและประชาชนไทยโดยรวมก็เข้าไม่ถึงทรัพยากร ของหลวงคือสมบัติของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ให้ใครอยู่ใกล้ทรัพยากร ก็มือใครยาว สาวได้สาวเอา จนไม่เหลือหรอไว้ให้ลูกหลานในอนาคต เราต้องคิดเสียใหม่ว่า ของที่ไม่ใช่ของเรา ไม่ควรถือครอง ไม่ว่าตนจะเป็นคนรวยหรือคนจน ของส่วนรวม ของหลวงก็คือสมบัติของประชาชนไทยที่ต้องรักษาไว้เพื่อทุกคน
กลอุบายแยบยล: อ้างความจน
คนที่มารับประโยชน์จากโครงการโฉนดชุมชนนั้นไม่ได้เป็นคนยากจนดัง อ้าง เช่น จากผลวิจัยหนึ่งพบว่า ชาวบ้านชุมชนคลองโยง มีรายได้หัวละ 6,278 บาท โดยที่ครัวเรือนหนึ่งมีประชากร 4.5 คน ก็เท่ากับมีรายได้เดือนละประมาณ 28,000 บาท ซึ่งรายได้ขนาดนี้สามารถซื้อบ้านในตลาดเปิดได้ ณ ราคา 2 ล้านบาท (โดยสมมติให้กู้ได้ 85% ของราคาบ้าน ณ อัตราดอกเบี้ย 6% ผ่อน 20 ปี) นอกจากนี้ทุกครอบครัวยังมีรถปิกอัพ 1.5 คัน และมีรถยนต์ 1.1 คัน แม้แต่ชาวบ้านในชุมชนแออัดบุกรุก ซึ่งผู้เขียนเคยสำรวจไว้ให้กับองค์การสหประชาชาติก็พบมีรายได้ระดับกลาง ในบ้านมีสิ่งอำนวยสะดวกแทบจะครบถ้วน ไม่ใช่คนยากจนดังที่เข้าใจ
โครงการโฉนดชุมชนจึงไม่ได้พุ่งเป้าไปช่วยคนจน เช่น ชาวนายากจนที่เช่านาหรือขาดที่ทำกินจริง ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป รัฐบาลควรสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยให้กับคนเร่ร่อนไร้บ้านในเมือง คนงานก่อสร้าง คนงานตัวเล็กตัวน้อย คนจนในเมืองที่ต้องเช่าที่ซุกหัวนอนถูก ๆ ฯลฯ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่แทบไร้คนสนใจในสังคม คนเหล่านี้ต่างหากที่รัฐจำเป็นเข้าช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนโดยเฉพาะ แต่โดยที่คนเหล่านี้อาจไม่มีกระทั่งบ้านเลขที่ จึงไม่อาจเป็นกลุ่มก้อนที่ฝ่ายการเมืองจะไปหาเสียงด้วยการล่อด้วยโฉนดชุมชน
ทำลายระบบโฉนดที่ดิน
โฉนดชุมชนนี้ยังทำลายหลักการออกโฉนดที่ดินที่ออกโดยพระพุทธเจ้า หลวงตั้งแต่ พ.ศ. 2444 หรือร้อยกว่าปีก่อน และเป็นระบบโฉนดที่ดินที่พัฒนาเรื่อยมา จนกระทั่งประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีระบบโฉนดที่ดินที่ดีที่สุด ประเทศหนึ่งในโลก โฉนดที่ดินเป็นการให้กรรมสิทธิ์สมบูรณ์แก่ผู้ถือครองเพื่อให้ไว้เป็นทุน ทรัพย์ สามารถจำนอง จำหน่ายจ่ายโอนได้ในยามจำเป็น หรือหากมีฐานะดีขึ้นก็สามารถที่จะซื้อที่ดินเพิ่มเติมได้
โฉนดชุมชนยังถือเป็นการสร้างความไร้ขื่อแปของการจัดการที่ดิน แทนที่ชาวบ้านจะสามารถซื้อที่ดินเป็นทุนของตนเองแบบโฉนดทั่วไปเช่นคนอื่น กลับได้โฉนดชุมชนกำมะลอนี้ขึ้น ในกรณีคลองโยง เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เลิกทำนา ที่ดินดังกล่าวก็คงมีสภาพเป็นนาร้าง หรือผู้ครอบครองแต่ละรายอาจเช่าให้ผู้อื่นมาใช้ประโยชน์ในทางอื่น ซึ่งคงเหลือผู้คัดค้านเพียงน้อยรายที่ยังอาจทำการเกษตรอยู่
ทำลายระบอบประชาธิปไตย
การอ้างสิทธิชุมชนลอย ๆ เป็นอนาธิปไตย สร้างความไร้ขื่อแป เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย เป็นการสร้างความไร้ขื่อแป เอากฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่าอนาธิปไตย เป็นการหักล้างระบอบประชาธิปไตยโดยคนส่วนใหญ่ แต่กลับไปติดสินบนคนส่วนน้อย เพื่อหาเสียง เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เข้าใจว่าเป็นการช่วยประชาชน แต่แท้จริงเป็นการช่วยเฉพาะกลุ่มกฎหมู่ที่ไม่ใช่คนจนเป็นสำคัญ
ในระบอบประชาธิปไตยนั้นที่ถือมติของคนส่วนใหญ่ ก็ใช่ว่าคนส่วนใหญ่จะบีฑาคนส่วนน้อย ทุกคนมีศักดิ์ สิทธิ์และประโยชน์ของตนโดยเท่าเทียมกัน ประเทศสามารถให้ความอนุเคราะห์พิเศษแก่คนส่วนน้อยในฐานะที่เป็นผู้ขาดแคลน เช่น กรณีพิบัติภัย หรือกรณีคนส่วนน้อยที่เป็นคนยากจนและจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ แต่สำหรับโฉนดชุมชน เรากลับจะให้อภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยที่ไม่ได้มีฐานะยากจน มาฉวยทรัพยากรของชาติและประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
ข้อสังเกตส่งท้าย
หลังจากมีโฉนดชุมชนคลองโยงแล้ว อาจมีการแอบอ้างเอาอย่างในการเอาสมบัติของแผ่นดินไปแบ่งกันในพื้นที่อื่น ๆ ในอนาคตอีก แต่เชื่อว่าคงเลียนแบบกันได้ไม่มาก เพราะในความเป็นจริง บุคคลก็ย่อมต้องการโฉนดที่ดินที่ให้กรรมสิทธิ์สมบูรณ์เพื่อเป็นทุนทรัพย์ มากกว่า โฉนดชุมชนคงไม่ใช่ทางออกที่เป็นจริงในการจัดการที่ดินของประเทศ ไม่อาจถือเป็นแบบอย่างที่เลียนแบบได้ทั่วไป
โดยสรุปแล้วโฉนดชุมชนหาใช่นวัตกรรมการบริหารรัฐกิจ ผู้ได้รับประโยชน์ไม่ใช่ไม่ใช่คนจนแต่เป็นคนส่วนน้อย เช่น ชาวนาชั้นกลาง ชาวชุมชุนบุกรุกที่หลายคนมีบ้านให้เช่า หรือแม้แต่ชาวเขาที่ไม่ได้ยากจน โฉนดชุมชนยังทำลายระบบโฉนดที่ดินและทำลายระบอบประชาธิปไตยเพื่อกฎหมู่ ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่ควรดำเนินการออกโฉนดลักษณะนี้อีกต่อไป
บางคนอาจบอกว่า ตอนนี้ไม่ต้องห่วงแล้ว เพราะรัฐบาลที่ทำโฉนดชุมชนไปซะแล้ว แต่จริง ๆ ข้าราชการประจำหรือพนักงานราชการที่ทำด้านนี้ ก็อาจตั้งแท่นได้เสมอ ถ้ารัฐบาลใหม่จะแสวงหาผลงานแบบง่าย ๆ สุกเอาเผากินเพื่อหาเสียง เข้าทำนอง “ผีกับโลง” ก็เสร็จพวกนี้อีก ดังนั้นเราจึงควรรู้ทันแนวคิดที่ควรทบทวนนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น