ที่มา Thai E-News
ที่มา ASTVผู้จัดการ
"ปาน
เทพ" ติงปชป.ทำมวลชนผิดหวัง อาจทำคนเอือมไม่กลับมาร่วมม็อบอีก
แล้วจะยิ่งทำให้รัฐบาลลุแก่อำนาจ
ชี้ควรชุมนุมต่อควบคู่กับอภิปรายในสภาเพื่อกดดันรัฐบาล
แนะเอาเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ด้าน "คำนูณ"
จี้ปชป.ต้องตัดสินใจแล้ว
จะนำประชาชนสู้เพื่อแค่เปลี่ยนขั้วหรือปฏิรูปประเทศ
วัน
ที่ 7 ส.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และนาย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว”
ทางเอเอสทีวี
โดยนายคำนูณ กล่าวว่า สถานการณ์ก่อนวันที่ 7
ส.ค. เอื้อหลายอย่าง ประธานรัฐสภามีอาการรนไล่รถถ่ายทอดสดออก
กระแสออนไลน์ก็จุดติดในแง่รัฐบาลปิดหูปิดตาประชาชน
สิ่งที่เกิดขึ้นไปต่อได้แน่ ฉะนั้นประชาธิปัตย์ต้องคิดกิจกรรม
ไม่ใช่นำมวลชนไปปะทะกับตำรวจ แต่การตั้งมั่นชุมนุมต่อ
และใช้แทคติกสภาคงมวลชนไว้ จะเป็นพลังกดดันสภาได้ผลทีเดียว
นาย
คำนูณ กล่าวอีกว่า เมื่อพันธมิตรฯไม่เอา
การนำของกลุ่มอื่นก็ไปไม่ได้ทุกกลุ่ม มีแต่ราคาคุย ก็เหลือแต่ประชาธิปัตย์
อันนี้อาจเป็นเหตุที่กดดันให้ประชาธิปัตย์ทำสิ่งที่ไม่ถนัด
เดินแล้วเดินไม่สุด จะออกวาระ 3 จะเอาตรงไหนต้องพูดกับประชาชนให้ชัด
ไม่ใช่ต่อด้วยฝากความหวังที่ ส.ว. 3 วาระ ซึ่งแพ้แน่นอน
แล้วต่อด้วยรอศาลรัฐธรรมนูญค่อยเป่านกหวีด ขออย่าให้เป็นอย่างนั้น
ถ้าเป็นจบเลย
คนทำงานมวลชนมันต้องมีจริยธรรมบางอย่างในการ
นำมวลชน เมื่อตัดสินใจเดินหน้า ความเสี่ยงก็มีมาตั้งแต่วินาทีนั้น
อย่างพันธมิตรฯไม่ได้สุขสบาย มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
ปลุกม็อบยากแต่สลายม็อบยากกว่า เพราะหากไม่ถึงเป้าหมายที่ประกาศไว้
ต้องทำอย่างไรให้มวลชนพอใจที่สลายไปแล้วกลับมาได้อีก
แต่วันนี้มันไม่ได้จริงๆ มาส่งส.ส. แล้วให้กลับบ้านอาบน้ำดูทีวี
นี่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ส่วนในสภาประชาธิปัตย์อภิปรายได้ยอดเยี่ยมมาก
แต่พูดให้ตายก็แพ้ แต่ถ้าตัดสินใจนำมวลชนหลังวาระ 3 จะเป่านกหวีดยาว
ยาวอย่างไรและแค่ไหน
วันนี้
ต้องถือเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาไม่เคยต่อสู้แบบนี้
เมื่อประชาธิปัตย์ออกมาก็คล้ายๆเป็นหนึ่งในความหวังเดียว
ที่ช่วยเติมความพร่องของคนที่อึดอัดรัฐบาลอยู่
ประชาธิปัตย์ต้องคิดให้สุดกระบวนและตัดสินใจว่าพรรคจะเดินไปทางไหน
ไม่ได้ให้ทิ้งระบอบรัฐสภา ทำไป แต่งานมวลชนก็ทำไปด้วย
แล้วต้องบอกมวลชนว่าเป้าหมายสู้เพื่ออะไร
เพียงแค่เปลี่ยนตัวขึ้นไปครองอำนาจหรือเปลี่ยนเชิงปฏิรูป
เพราะวันนี้ก็ไม่ได้บอกว่าระบอบสภาไม่ดี บอกแต่ว่าคนขึ้นมาเป็นใหญ่มันไม่ดี
แต่ถ้าเราขึ้นไปแล้วจะดี ประชาธิปัตย์ไม่เคยคิดปฏิรูปที่ระบอบเลย
แต่ถึงเวลานี้ต้องตัดสินใจแล้ว
นาย
คำนูณ ยังได้ฝากถึงเวทีชุมนุมที่สวนลุม ว่า เป้าหมายต้องชัดเจน
และจะมีวิธีการอย่างไร จะก่อสถานการณ์แล้วให้ทหารตาม มันเป็นไปได้ไหม
ไม่ใช่แถลงออกมาวิลิศมาหรา แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตนอาจโดนด่ากลับว่าไม่ทำอะไรเอาแต่วิจารณ์คนอื่น
แต่ตนคิดว่าไม่ใช่เราไม่ทำอะไร แต่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
และบอกว่าสิ่งที่รัฐบาลทำผิดอะไร คนผิดไม่สามารถคงดำรงอยู่ได้นานหรอก
บางคนบอกว่าจะรอให้ประเทศล่มจมก่อนหรือ ตนเห็นว่าบางครั้งมันก็จำเป็น
เพราะความล้มเหลวของรัฐบาลหลายอย่างก็เริ่มประจักษ์ออกมา
แต่พอการต้านที่มีแต่ภาพ กลับเป็นการไปต่ออายุให้เขา
เขากำลังเริ่มไปไม่เป็น แต่พอมีคนมาล้ม เขากลับรวมตัวกันใหม่
ภาย
ใต้สถานการณ์ตอนนี้ การชุมนุมไม่เหมือนปี 48 - 49 ถ้ายังไม่พร้อม ไม่แน่ใจ
ยังไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นนัดชุมนุม ถ้าไม่พร้อมหยุดได้
มันมีวิถีทางที่จะทำงานได้ มีหลายทาง
อย่างน้อยประชาธิปัตย์ก็เป็นขุมกำลังมวลชนที่ใหญ่ 1 ใน 2 ของประเทศนี้
อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งสำคัญ ซึ่งต้องตัดสินใจในช่วง 2-3
เดือนนี้ว่าจะเอาอย่างไร
ด้านนายปานเทพ
กล่าวถึงการเคลื่อนขบวนของประชาธิปัตย์ ว่า ไม่ควรล้มเลิกไปง่ายๆ
ต้องตั้งเวทีตรงนั้น ในฐานะที่รัฐบาลปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารประชาชน
เพราะหากมีมวลชนจำนวนเยอะและอยู่ใกล้ๆสภา จะสร้างความกดดันให้รัฐบาล
ประชาธิปัตย์เดินสายปลุกระดมมาหลายเดือนจนคนฮึกเหิมห้าวหาญ
ประชาธิปัตย์อาจไม่ถนัดการนำมวลชน
เลยไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกว่าอาจทำให้พวกเขาผิดหวัง
และไม่อยากมาในคราวหน้า ซึ่งรัฐบาลก็จะย่ามใจมากกว่าเดิม
แม้
เวทีประชาธิปัตย์ช่วงดึกของวันที่ 6 ส.ค.
พยายามลดโทนอารมณ์ของมวลชนด้วยการประกาศว่าจะเคลื่อนแค่ไหน
แต่คนก็ยังมาเยอะทำให้กลุ่มกองทัพประชาชนที่สวนลุมฝ่อไปเลย
ถ้าคนเยอะขนาดนี้ไม่ควรให้มวลชนกลับบ้านมือเปล่า
ต้องสร้างความหวังครั้งต่อไป เพื่อให้เขาไม่ผิดหวัง
จะเห็นว่ามีประชาชนบางส่วนยังไม่อยากกลับบ้าน
นี่ยังดีที่ประกาศก่อนล่วงหน้า
แต่ถ้าไม่บอกล่วงหน้าสถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้
การตัดสินใจไม่ปะทะนั้นถูกแล้ว แต่ไม่ควรปลุกเร้าจนมวลชนคาดหวัง
ตรงนี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญมาก เพราะทำให้กองทัพประชาชนที่สวนลุมคนน้อย
คนไปก็ผิดหวัง กลายเป็นมวลชนทั้งสองกลุ่มที่ผิดหวังพร้อมกัน
ตนยังให้กำลังใจทุกกลุ่มในการเดินหน้าต่อ ให้เอาเป็นบทเรียน คราวหน้า 2
กลุ่มต้องนัดแนะกันให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบวันนี้อีก
นาย
ปานเทพ กล่าวต่อว่า การนำของประชาธิปัตย์มีแรงดึงดูดอยู่มาก
มีทุกอย่างพร้อมสรรพมากกว่าทุกกลุ่ม
เพียงแต่ยังไม่ก้าวข้ามความเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา
การลั่นว่าจะเป็นเจ้าภาพนำมวลชนหลังวาระ 3
ต้องชัดเจนว่าตกลงจะใช้มวลชนในการจัดการปัญหา หรือยังเชื่อระบอบรัฐสภา
ตนเชื่อว่าที่ประชาธิปัตย์รอถึงวาระ 3 เพราะหวังว่าขัดรัฐธรรมนูญ
แล้วจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ
หากนอกสภาเป็นแบบนี้
ในสภาก็มีโอกาสที่จะถูกหักดิบ ประชาธิปัตย์ต้องมีจุดยืนชัดเจน
ว่ามองการเคลื่อนไหวของประชาชนว่ามีปฏิกิริยาสูงเพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างใด
อย่างหนึ่ง หรือมองว่าเป็นแค่การสร้างภาพให้ตัวเองในการสร้างคะแนนนิยม
ถ้าทำไม่ได้ตามสิ่งที่ประชาชนคาดหวังอย่าทำอีก มันอันตราย
ไม่ใช่เรื่องสนุกที่เอาประชาชนเข้าไปเสี่ยง แล้วตัวเองไม่รับผิดชอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น