กลุ่มคนที่ออกคำสั่งสังหารหมู่และ เสวยสุขจากการทำผิดแล้วลอยนวลกลับกำลังโจมตีการนิรโทษกรรมอย่างแท้จริงซึ่ง จะปลดปล่อยเหยื่อของพวกเขาโดย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
บุคคลผู้
แสวงหากระบวนการค้นหาความจริง ความยุติธรรม
และการปรองดองที่แท้จริงควรยินดีกับข่าวในวันนี้(6สิงหาคม)ที่ศาลอาญาใน
กรุงเทพฯระบุว่า
ไม่มีคนเสื้อแดงหรือผู้สนับสนุนคนเสื้อแดงคนไหนในวัดปทุมวนารามติดอาวุธใน
วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
และกองทัพภายใต้การสั่งการของรัฐบาลนำโดยนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะต้องรับผิดชอบการเสียชีวิตของพลเรือน 6 รายในวัดปทุมฯ
เราต้องใช้
เวลานานถึง 3 ปีเพื่อให้ความจริงเริ่มเปิดเผย
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความลวงโลกของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่ตั้งคณะกรรมการอิสระ
ตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.)
ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่มีข้อตำหนิ
เพราะคณะกรรมการไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการค้นหาความจริง
กล่าวคือไม่มีอำนาจในการออกหมายเรียกพยาน
หากปราศจาก
ความจริง ความยุติธรรมไม่มีทางเกิดขึ้นได้ และเมื่อไม่มีความยุติธรรม
จึงไม่มีการนิรโทษกรรมที่แท้จริงและประสบผลสำเร็จ
บางคนอาจกล่าวว่าในทางพฤตินัยแล้ว
กลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยหัวรุนแรงและกลุ่มพันธมิตรของพวกเขา
รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ได้รับนิรโทษกรรมไปแล้ว
นายอภิสิทธิ์และอดีตรองนายกรัฐมนตรีสุเทพถูกแจ้งข้อหาสังหารผู้ชุมนุม
พลเรือนในปี 2553 แต่กลับแสดงพฤติกรรมยะโสโอหัง
เพิกเฉยต่อเงื่อนไขการประกันตัว
ซึ่งเป็นการยืนยันสิทธิพิเศษของพวกเขาในการทำผิดแล้วลอยนวล
ทหารซึ่ง
เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมในปี 2553
ปฏิเสธอย่างโผงผางที่จะไม่ตอบคำถามใดๆเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเพื่อนร่วม
ชาติจากเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่สอบสวนคดีดังกล่าวทั้งสิ้น
หน้ากากของการทำผิดแล้วลอยนวลเช่นนี้แตกต่างอย่างมากจากการนิรโทษกรรมที่
เป็นธรรมและมีประสิทธิผล
เพราะเป็นสิ่งชัวร้ายที่นายอภิสิทธิ์นำมาใช้เพื่อเพิกเฉยต่อข้อหาที่เขาถูก
แจ้ง
ในทางกลับ
กัน การนิรโทษกรรมในทางพฤตินัยและสิทธิพิเศษในการทำผิดแล้วลอยนวลของพธม.
กองทัพและพรรคประชาธิปัตย์
หมายถึงการที่คนเสื้อแดงทั่วไปยังคงถูกคุมขังในเรือนจำอย่างน่าเศร้า
หลายคนถูกป้ายสี ลงโทษโดยกระบวนการยุติธรรมที่มีมลทิล และมีการสร้างหลักฐาน
คนเสื้อแดงเหล่านี้ไม่ได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว ไม่ได้ประกันตัว
และบางครั้งได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี และอาจเรียกได้ว่าเป็นการทารุณกรรม
หลายคนยังคงเศร้าเสียใจกับการสูญเสียมิตรสหายของการสังหารหมู่ปี 2553
หลายคนยังคงมีบาดแผลทางร่างกายและจิตใจจากการสังหารหมู่ครั้งนั้น
กระนั้น
กลุ่มคนที่ออกคำสั่งสังหารหมู่และเสวยสุขจากการทำผิดแล้วลอยนวลกลับกำลังโจม
ตีการนิรโทษกรรมอย่างแท้จริงซึ่งจะปลดปล่อยเหยื่อของพวกเขา
โดยการใช้ตรรกะที่ไร้สาระและคลุมเครือ
มีการอ้างถึงกองกำลังติดอาวุธปริศนาซึ่งไม่เคยมีการพิสูจน์ว่าเชื่อมโยงกับ
คนเสื้อแดง
พวกเขาใช้
เรื่องดังกล่าวสร้างอำนาจทางศีลธรรมและกฎหมายในการยิง
คุมขังและสังหารผู้ชุมนุม
แม้จะมีความพยายามจากนายอภิสิทธิ์ในการจัดตั้งกระบวนการค้นหาความจิรงผ่าน
ทางคณะกรรมการจอมปลอมอย่างคอป. แต่พวกเขากลับไม่มีหน้าที่ที่จะต้องเปิดเผย
“ความจริง” ใดๆ
สิ่งเหล่านี้เป็นภาระหน้าที่ในทางกฎหมายก่อนมีจะการนิรโทษกรรมที่แท้จริง
นิรโทษกรรม
คือวิธีการหนึ่งในการแก้ไขความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม หากไม่มีความจริง
ไม่มีความยุติธรรม
และคนเพียงกลุ่มหนึ่งได้รับสิทธิพิเศษในการทำผิดแล้วลอยนวลเท่านั้น
การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนย่อมไม่เกิดขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น