หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ของสหรัฐฯ ชูประเทศไทย
เป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
พร้อมชื่นชมรัฐบาลไทยที่ใช้วิธีประนีประนอม
จนลดความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศได้มากขึ้น
นายโจนาธาน เทปเพอร์แมน
บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร "Foreign Affairs"
เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์
ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้หลายประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะอียิปต์ เวเนซุเอลา และซิมบับเว
ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง
อันเนื่องมาจากความแตกแยกภายในประเทศ
หันมาศึกษาบทเรียนจากประเทศไทย
ที่สามารถพลิกฟื้นความขัดแย้ง
ตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2549
จนกลับมามีความเงียบสงบมากขึ้น
และสามารถดึงดูดชาวต่างชาติ
ให้มาเยือนได้อย่างคึกคักในปัจจุบัน
บทความดังกล่าว ได้กล่าวชื่นชมรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ที่สามารถรับมือกับความขัดแย้งได้เป็นอย่างดี
โดยสูตรสำเร็จของการจัดการความขัดแย้งของไทย
คือ การใช้การปกครองที่ใสสะอาด และถูกต้องเหมาะสม
ตลอดจนการประนีประนอมกับฝ่ายตรงข้าม
และเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นหลัก
คอลัมนิสต์ของนิวยอร์กไทมส์ ยังระบุว่า
นางสาวยิ่งลักษณ์ตระหนักดีว่า
เธอจะไม่สามารถทำตามเป้าหมายต่างๆ ที่วางไว้
รวมถึงช่วยให้คนยากจนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้
หากไม่สามารถทำให้ความวุ่นวายในประเทศสงบลง
และอยู่บริหารประเทศจนครบวาระ 4 ปี
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไทยจึงผลักดันนโยบายปฏิรูป
และกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้
เริ่มตั้งแต่การเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
และอุดหนุนการซื้อรถยนต์
ผ่านโครงการรถคันแรก ซึ่งเป็นการเอาใจคนชั้นล่าง
พร้อมทุ่มงบประมาณ
พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และลดภาษีเงินได้
ที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้มีฐานะดีด้วยเช่นกัน
ส่วนในด้านการเมืองนั้น นายเทปเพอร์แมน
ระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ พยายามยุติความขัดแย้ง
ด้วยการประนีประนอมกับฝ่ายตรงข้าม
รวมถึงให้ความเคารพกับสถาบันที่ทรงอิทธิพล
และประชาชนให้ความนิยม หรือแม้แต่บรรดานายทหาร
ซึ่งเคยอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารโค่นล้มอำนาจ
ของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นพี่ชายของเธอ
บทความดังกล่าว อ้างอิงคำพูด
ของนายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์
อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ซึ่งระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์
สามารถปกครองร่วมกับชนชั้นนำของไทยได้
ด้วยการต่อรองอย่างมีนัยยะ นั่นคือ การปล่อย
ให้บรรดาชนชั้นนำได้อภิสิทธิ์ต่างๆต่อไป
ขณะที่คนพวกนั้นก็ไม่เข้าไปขัดขวางการกุม
http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=47712.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น