ที่มา
Thai E-News
นับแต่นี้ไป ขอเชิญพี่น้องประชาชนชาวไทย กลับไปใช้ชีวิตตามปกติสุข
หลังจากทนทุกข์กับขบวนเคลื่อนไหวการเมืองปฏิกริยาล้าหลังคลั่งราชาชาตินิยม
ฟาสซิสม์ขวาจัด พันธมิตรมานาน 8 ปีแล้ว
...................................
แถลงการณ์ฉบับที่ 5/2556 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เรื่อง แถลงการณ์ฉบับสุดท้าย
แกน
นำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งรุ่น 1 และ รุ่น 2
จึงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ยุติบทบาทจากฐานะแกนนำ เพื่อเปิดโอกาสให้ แกนนำ
นักปราศรัย ศิลปิน พิธีกร ประชาชน ฯลฯ
ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกับกลุ่มใดก็ได้อย่าง
อิสระเสรี และเปิดโอกาสให้เกิดขบวนการใหม่ในสังคมไทย
โดยไม่ต้องรอแถลงการณ์หรือมติใดๆ
จากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีก (รายละเอียด ถ้าไม่ขี้เกียจอ่าน)
"แม้ต่อให้การชุมนุมขับไล่รัฐบาลไปได้สำเร็จ ก็อาจจบลงด้วยการยุบสภาที่พรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก หรือแม้หากมีการสลับขั้วทางการเมือง หรือการรัฐประหาร โดยปราศจากเป้าหมายในการปฏิรูปประเทศไทย หลังจากนั้นปัญหาวิกฤติของชาติก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตคอร์รัปชัน การแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง และหากมีการเลือกตั้งใหม่พรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณก็จะได้รับชัยชนะกลับมาเป็นรัฐบาลยิ่งกว่าเดิม"
555 อ่านแล้วเศร้าจัง น้ำตาจะไหล ขากรรไกรจะค้าง 555555 เพิ่งเห็นสัจธรรม?
อุดมการณ์
พันธมิตร (พูดจริงๆ นะ สำหรับคนที่มีอุดมการณ์ อย่างพี่เีปี๊ยก
อ.สมเกียรติ) คือความเพ้อฝันว่าจะสร้าง "สังคมอุดมคติ" นอกวิถีประชาธิปไตย
(ซากเดนความคิดคอมมิวนิสต์ ยึดอำนาจรัฐ เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ=เผด็จการคนดี จะนำไปสู่สังคมในฝัน)
แต่ไปฝากความหวังไว้กับรัฐประหาร กับอำมาตย์ กับประชาธิปัตย์ ทั้งที่รู้กันอยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะต่างก็กลุ่มผลประโยชน์ทั้งนั้น (มิพักต้องเอ่ยถึงว่าในพันธมิตรเอง ก็มีคนที่พัวพันผลประโยชน์)
ลึกๆ แล้วอาจหวังว่าจะปลุกพลังล้าหลังมาถ่วงดุล ทำให้เกิด Chaos ฉวยช่องที่ "พลังประชาชน" เติบโต แล้วจะยึดอำนาจรัฐแบบแซนดินิสต้า (ถึงได้ยึดทำเนียบ ยึดกรมประชา) แต่ปรากฏว่าเป็นไปไม่ได้ สำคัญตัวเองผิด ยิ่งดื้อรั้นดันทุรัง ยิ่งเอาตัวเองไปผูกกับอุดมการณ์ล้าหลัง ทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตย ซ้ำยังสุดขั้วสุดโต่งใครเห็นต่างเห็นเป็นศัตรูไปหมด
เอาเข้าจริง พลังประชาชนกลับมาเติบโตอีกด้านหนึ่ง ด้านที่ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาตุลาการภิวัตน์ ด้่านที่เรียกร้องต้องการประชาธิปไตย แม้ัยังผูกกับนักการเมือง แต่ก็มีทิศทางที่เติบโตไปมากกว่า เพราะมีความคิดเสรีชี้นำ ซึ่งผมพูดเสมอว่ามันผิดฝาผิดตัว ถ้าไม่ถลำไปตอน ม.7 ถ้าถอยออกมาแบบหมอเหวง คนอย่างพี่เปี๊ยก อ.สมเกียรติ หรือแม้แต่ยะใส น่าจะเป็นแกนนำเสื้อแดงมากกว่าไอ้ตู่ไอ้เต้น (หรือหมอเหวง)
ท้ายที่สุด ก็ขอให้ยุติบทบาทจริงๆ อย่าไปเป็นอีแอบ เคลื่อนไหวประเด็นอื่นอย่างมี agenda เพราะจะทำให้การเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมบางประเด็นเสียหายไปด้วย สมมติ อ.สมเ้กียรติบอกว่าพรุ่งนี้ไม่เป็นพันธมิตรแล้ว จะกลับไปนำสมัชชาคนจนเรียกร้องปัญหาที่ดินป่าไม้ สมัชชาคนจนอิ๊บอ๋ายเลย จะพากันพังไปหมด ถ้าอย่างพี่เปี๊ยกกลับไปทำ ร.ร.หมู่บ้านเด็กอย่างเดียวยังโอเค
ฟังๆ ดูไม่เชื่อว่ายุติจริง เพราะบอกว่าจะไปทำหน้าที่ตามบทบาทแต่ละคน และยังต่อสู้เรียกร้องอยู่ โถๆๆๆ รู้จักคำพระเสียบ้าง
.....เตสัง วูปสโม สุโข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น