หลัง‘สุเทพ’โพสต์จับกุม 5 ชาวกัมพูชาเตรียมเผาม็อบ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดญาติชายในรูปเข้าแจ้งกองปราบ เลขากปปส.กักขังหน่วงเหนี่ยว
ยืนยันเป็นคนไทย แต่สติไม่ดีชอบเร่ร่อน หาของกินฟรีตามงานและที่ชุมนุม
7 ธ.ค.2556 หลังจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)
เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ) เมื่อ
วันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า “เวทีที่ราชดำเนินจับชาวกัมพูชาได้ 5 คน
พร้อมแผนที่ชี้จุดตำแหน่งตรงราชดำเนินที่จะให้ก่อเหตุเผาก่อความวุ่นวายใน
งานวันที่ 5 ธันวาคม 2556 โดยทั้ง 5 คน บอกว่ามีผู้ใหญ่บ้าน
ที่จังหวัดปทุมธานีจ้างให้มาเผาและก่อกวนเวทีที่ราชดำเนิน”
ในแฟนเพจของนายสุเทพยังโพสต์ภาพผู้ถูกจับกุม 1 ใน 5 คน และมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก(เมื่อเวลา 14.00 น. 7 ธ.ค.56) กดไลค์กว่า 80,000 ไลค์ และแชร์ไปกว่า 18,000 ครั้ง นอกจากนี้สื่อหลักอย่าง ไทยรัฐออนไลน์, ASTVผู้จัดการออนไลน์, โพสต์ทูเดย์ดอทคอม, แนวหน้า, Voice TV, Tnews, กระปุกดอทคอม และสนุกออนไลน์ ยังได้นำข้อควมดังกล่าวของนายสุเทพไปรายงานต่อด้วย สร้างกระแสชาตินิยมและวิพากษ์วิจารณ์ชาวเขมรผู้ถูกจับกุมอย่างรุนแรง
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวประชาไทตรวจสอบพบผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “สุดชาย บุญไชย” โพสต์ภาพและข้อความโต้แย้งสิ่งที่นายสุเทพและสื่อนำเสนอว่า ชายคนที่ปรากฏการณ์ในรูปนั้นไม่ใช่คนกัมพูชา แต่เป็นคนไทยชื่อ “สมภพ ขันทอง” มีหลักฐานทะเบียนบ้านชัดเจน เพียงแต่สติไม่สมประกอบ มีแหล่งพักพิงแถวท่าเรือบางกะเจ้า กับท่าเรือวัดคลองเตย
นายสุดชาย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเขาพานางระพิน ขันทอง น้าสาวและผู้ปกครองนายสมภพ ขันทอง เข้าแจ้งความกับกองปรากล่าวหานายสุเทพ เลขา กปปส. ในข้อหากังขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมระบุด้วยว่ากองปราบรับปากจะประสานกับศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบ ร้อย (ศอ.รส.) เพื่อดำเนินการนำตัวนายสมภพออกมาจากที่ชุมนุมของ กปปส.
นายสุดชาย กล่าวว่า ทราบข่าวดังกว่าจากไทยรัฐออนไลน์และเฟซบุ๊กแฟนเพจของนายสุเทพ จึงตรวจสอบกับเพื่อนที่เป็นคนดูแลท่าเรือบางกระเจ้าซึ่งเคยพบเห็นชายที่ ถูกระบุว่าเป็นชาวกัมพูชาในรูปจึงได้ทราบว่าเป็นคนไทย มีที่อยู่ที่ ต.บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งบริเวณนั้นเป็นท่าเรือข้ามฟากระหว่างบางกระเจ้ากับคลองเตย เมื่อทราบข้อมูลแล้วเขาจึงไปตรวจสอบกับครอบครัวของนายสมภพ หรือ “แอน” ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เนื่องจากนางระพิน น้าสาวผู้ปกครองนายสมภพไม่อยู่ จึงได้นัดกันในวันนี้เพื่อไปแจ้งความกับกองปราบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
นายสุดชาย กล่าวว่า การที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของนายสุเทพจับนายสมภพไปแล้วอ้างว่าถูกว่าจ้าง มาเพื่อวางเพลิง นั้นเป็นความเท็จ เพราะว่านายสมภพใช้เงินไม่เป็น ดังนั้นการอ้างว่าถูกว่างจ้างเพื่อไปวางเพลิงนั้นน่าจะเป็นการแต่งเรื่อง นายสุดชายยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นการนำประเด็นความเป็นคนกัมพูชามาใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง เป็นไปเพื่อสร้างกระแสชาตินิยมให้กับฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ เพราะประชาชนทั่วไปทราบว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์นี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาล กัมพูชา
นางระพิน น้าสาวของนายสมภพ ให้สัมภาษณ์ว่า บิดาและมารดานายสมภพเสียชีวิตมา 20 กว่าปีแล้ว และนายนายสมภพเป็นคนสติไม่ดี เป็นมาตั้งแต่กำเนิด พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนมากจะใช้การพยักหน้าแทน เออๆ ออๆ ไปกับทุกคน และมักชอบเร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งที่ชุมนุมต่างๆ เพื่อไปรับประทานอาหารฟรี และคาดว่าวันดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระชนพรรษาที่สนามหลวงนายสมภพก็ อาจไปที่นั่นและมาที่ราชดำเนินจนถูกจับกุม
"เพื่อนบ้านเห็นในโทรทัศน์แล้ววิ่งมาเรียกว่านั่นไอ้แอนนี่หว่า ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ตัวกลับมาเลย ไม่รู้ว่าจะมีคนให้ข้าวให้น้ำหรือเปล่า จะโดนอีกแค่ไหนไม่รู้ เพราะวันที่ออกข่าวทีวีก็เห็นหน้าบวม มันสติไม่สมประกอบ ถ้าถามมันว่าจะมาทำโน่นทำนี่ไหมมันก็พยักหน้าหมดแหละ" นางระพินกล่าว
หมายเหตุ ประชาไทเพิ่มเติมเนื้อหาเวลา 18.20 น.
ในแฟนเพจของนายสุเทพยังโพสต์ภาพผู้ถูกจับกุม 1 ใน 5 คน และมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก(เมื่อเวลา 14.00 น. 7 ธ.ค.56) กดไลค์กว่า 80,000 ไลค์ และแชร์ไปกว่า 18,000 ครั้ง นอกจากนี้สื่อหลักอย่าง ไทยรัฐออนไลน์, ASTVผู้จัดการออนไลน์, โพสต์ทูเดย์ดอทคอม, แนวหน้า, Voice TV, Tnews, กระปุกดอทคอม และสนุกออนไลน์ ยังได้นำข้อควมดังกล่าวของนายสุเทพไปรายงานต่อด้วย สร้างกระแสชาตินิยมและวิพากษ์วิจารณ์ชาวเขมรผู้ถูกจับกุมอย่างรุนแรง
ภาพที่
นายสุเทพอ้างเป็นชาวกัมพูชา 5 คนเตรียมเผาที่ชุมนุมแต่ถูกการ์ด
กปปส.จับได้ที่ราชดำเนิน โพสต์เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา
เพียงคนเดียวจากจำนวนที่อ้างทั้งหมด 5 คน (ที่มาเฟซบุ๊กแฟนเพจ Suthep Thaugsuban )
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวประชาไทตรวจสอบพบผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “สุดชาย บุญไชย” โพสต์ภาพและข้อความโต้แย้งสิ่งที่นายสุเทพและสื่อนำเสนอว่า ชายคนที่ปรากฏการณ์ในรูปนั้นไม่ใช่คนกัมพูชา แต่เป็นคนไทยชื่อ “สมภพ ขันทอง” มีหลักฐานทะเบียนบ้านชัดเจน เพียงแต่สติไม่สมประกอบ มีแหล่งพักพิงแถวท่าเรือบางกะเจ้า กับท่าเรือวัดคลองเตย
นายสุดชาย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเขาพานางระพิน ขันทอง น้าสาวและผู้ปกครองนายสมภพ ขันทอง เข้าแจ้งความกับกองปรากล่าวหานายสุเทพ เลขา กปปส. ในข้อหากังขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมระบุด้วยว่ากองปราบรับปากจะประสานกับศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบ ร้อย (ศอ.รส.) เพื่อดำเนินการนำตัวนายสมภพออกมาจากที่ชุมนุมของ กปปส.
นายสุดชาย กล่าวว่า ทราบข่าวดังกว่าจากไทยรัฐออนไลน์และเฟซบุ๊กแฟนเพจของนายสุเทพ จึงตรวจสอบกับเพื่อนที่เป็นคนดูแลท่าเรือบางกระเจ้าซึ่งเคยพบเห็นชายที่ ถูกระบุว่าเป็นชาวกัมพูชาในรูปจึงได้ทราบว่าเป็นคนไทย มีที่อยู่ที่ ต.บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งบริเวณนั้นเป็นท่าเรือข้ามฟากระหว่างบางกระเจ้ากับคลองเตย เมื่อทราบข้อมูลแล้วเขาจึงไปตรวจสอบกับครอบครัวของนายสมภพ หรือ “แอน” ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เนื่องจากนางระพิน น้าสาวผู้ปกครองนายสมภพไม่อยู่ จึงได้นัดกันในวันนี้เพื่อไปแจ้งความกับกองปราบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
นายสุดชาย กล่าวว่า การที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของนายสุเทพจับนายสมภพไปแล้วอ้างว่าถูกว่าจ้าง มาเพื่อวางเพลิง นั้นเป็นความเท็จ เพราะว่านายสมภพใช้เงินไม่เป็น ดังนั้นการอ้างว่าถูกว่างจ้างเพื่อไปวางเพลิงนั้นน่าจะเป็นการแต่งเรื่อง นายสุดชายยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นการนำประเด็นความเป็นคนกัมพูชามาใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง เป็นไปเพื่อสร้างกระแสชาตินิยมให้กับฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ เพราะประชาชนทั่วไปทราบว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์นี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาล กัมพูชา
นางระพิน น้าสาวของนายสมภพ ให้สัมภาษณ์ว่า บิดาและมารดานายสมภพเสียชีวิตมา 20 กว่าปีแล้ว และนายนายสมภพเป็นคนสติไม่ดี เป็นมาตั้งแต่กำเนิด พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนมากจะใช้การพยักหน้าแทน เออๆ ออๆ ไปกับทุกคน และมักชอบเร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งที่ชุมนุมต่างๆ เพื่อไปรับประทานอาหารฟรี และคาดว่าวันดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระชนพรรษาที่สนามหลวงนายสมภพก็ อาจไปที่นั่นและมาที่ราชดำเนินจนถูกจับกุม
"เพื่อนบ้านเห็นในโทรทัศน์แล้ววิ่งมาเรียกว่านั่นไอ้แอนนี่หว่า ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ตัวกลับมาเลย ไม่รู้ว่าจะมีคนให้ข้าวให้น้ำหรือเปล่า จะโดนอีกแค่ไหนไม่รู้ เพราะวันที่ออกข่าวทีวีก็เห็นหน้าบวม มันสติไม่สมประกอบ ถ้าถามมันว่าจะมาทำโน่นทำนี่ไหมมันก็พยักหน้าหมดแหละ" นางระพินกล่าว
หมายเหตุ ประชาไทเพิ่มเติมเนื้อหาเวลา 18.20 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น