ที่มา Thai E-News
โดย ลูกชาวนาไทย
เมื่อ ศุกร์, 06/12/2013 - 12:47
ภาพ ผบ.ทหารสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิกเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์
ชินวัตร มันมีนัยยะทางการเมืองมากมาย
เพราะมีสภาพเหมือนเดินฝ่าควันปืนในสงครามกลางเมืองเข้าพบอีกฝ่าย
หากเรามองให้ลึกคือการแสดงภาพเพื่อปรามฝ่ายขวาจัดในไทยไม่ให้ทำรัฐประหาร
เพราะหากไม่ต้องการยุ่งในสถานการณ์ที่ยากลำบากของไทยแล้ว
อเมริกันคงไม่โง่พอที่จะเลือกส่ง ผบ.กองทัพสหรัฐ ชั้นนำแบบนี้เข้ามา
เขาคงรอดูมากกว่า
เราเห็นชัดเจนว่ามหาอำนาจหลายประเทศทั้งจีน อเมริกา อียู
แสดงท่าทีทางการเมืองไทยอย่างชัดเจน แม้เขาจะพูดได้เพียงว่า
ต้องการให้เจรจา เพราะทางการทูตย่อมพูดได้แค่นั้น แต่นัยยะคือ
ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยการใช้กำลัง
ทุกฝ่ายทราบดีว่า หากเมืองไทยไร้สเถียรภาพทางการเมือง
มันจะกระทบสเถียรภาพทางการเมืองในอาเซียนอย่างแน่นอน
มันจะทำให้ภูมิภาคนี้ไร้เสถียรภาพยิ่งขึ้น
อาเซียนที่กำลังรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ
เป็นจุดหนึ่งของโลกที่กำลังเติบโตทั้งการค้าและการลงทุน ผ่าน
"ประชาคมเศรษฐกิจ AEC " ทุกประเทศได้ประโยชน์ แต่มันจะสะดุดทันที
หากมีการทำรัฐประหารในไทย ที่ทุกคนรู้ว่า
รัฐประหารครั้งนี้ไม่มีทางจบแบบสันติแน่
การปรามฝ่ายทหารไม่ให้คิดเลยเถิด จึงต้องเกิดขึ้น เมื่อไม่มีรัฐประหาร
การแก้ไขปัญหา การใช้กำลัง นองเลือดจะไม่เกิดขึ้น
สุดท้ายก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย Rule of law ในที่สุด
อันที่จริงหากจะดูท่าทีอเมริกัน เราต้องดูที่ทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคือ
ทูตคริสตี้ ที่ย้ายมาจากฟิลิปปินส์ มาประจำประเทศไทย
ทูตคริสตี้เคยมีประสบการณ์ ช่วงความยุ่งยากในฟิลิปปินส์ ที่เธอสามารถช่วย
Calm Down สถานการณ์ได้มาก
ดังนั้น เมื่อมีปัญหาในไทยและทูตคนเก่าของสหรัฐที่มีภรรยาเป็นคนไทย
พูดไทยได้ นั้นเลือกข้างฝ่ายชนชั้นนำมากเกินไป
ทำให้ฝ่ายบริหารอเมริกันประเมินสถานการณ์ผิดพลาด การส่งทูตคริสตี้มา คือ
การเปลี่ยนนโยบาย เป็น ถอยห่างออกไปจากชนชั้นนำไทย ไปหลายก้าว
แม้จะไม่เลือกข้างชัดเจน แต่อเมริกันก็ยืนตรงกลางมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น