แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

ศาลอุทธรณ์แก้ยกฟ้อง 'ธรรมรักษ์' จ้างพรรคเล็ก ลต.

ที่มา Voice TV

ศาลอุทธรณ์แก้ยกฟ้อง 'ธรรมรักษ์' จ้างพรรคเล็ก ลต.

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง "พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา" คดีจ้างเจ้าหน้าที่ กกต.เปลี่ยนข้อมูลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยลงเลือกตั้งเมื่อปี 49 ระบุไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
 
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับนายอมรวิทย์ สุวรรณผล อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. /นายชวการ หรือกรกฤต โตสวัสดิ์ อดีตสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย /นายสุขสันต์ หรือจตุชัย ชัยเทศ อดีต ผอ.การเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย และนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ อดีตหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย เป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502
 
จากกรณีเมื่อวันที่ 2 - 7 มี.ค. 2549 พล.อ.ธรรมรักษ์ ร่วมกับ นายชวการ จำเลยที่ 3 และ นายสุขสันต์ จำเลยที่ 4 จ้างวานให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. ดำเนินการตัดต่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย ที่ไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. 2549 แข่งกับพรรคไทยรักไทยได้ โดยมอบเงิน 30,000 บาท เป็นค่าตอบแทน เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย ในเวลาต่อมา 
 
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 ปี 4 เดือน พล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 พร้อมพวกจำเลย ที่ 3,4 และ 5 ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคพรรคพัฒนาชาติไทย ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. ให้จำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญาทั้งหมด และริบเงินสดของกลาง 
 
โดยในวันนี้มีเพียงนายชวการ จำเลยที่ 3 ที่ศาลได้ออกหมายจับไว้ก่อนหน้านี้ไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาอุทธรณ์
 
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมพร้อมปรึกษาหารือ กันแล้วเห็นว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่าพลเอกธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 มอบเงินให้กับจำเลยที่ 3 เพื่อนำไปมอบต่อให้กับจำเลยที่ 2 ถึงแม้โจทก์จะมีภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏภาพ ว่าพวกจำเลยไปพบจำเลยที่ 1 ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยที่ 1 มอบเงินให้ มีเพียงคำซัดทอดของจำเลยที่ 3 และ 4 เท่านั้น ซึ่งมีน้ำหนักน้อย ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้พิพากษาแก้ยกฟ้องจำเลยที่ 1
 
ส่วนจำเลยที่ 2 การนำสืบเป็นประโยชน์ ต่อการพิจารณาคดีบ้างเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน ขณะที่ จำเลยที่ 3,4 และ 5 ที่ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือนเห็นว่าโทษหนักเกินไป เห็นควรให้ลดโทษให้เหลือจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากมีพฤติการณ์ทำลายระบอบประชาธิปไตย
 
7 มกราคม 2557 เวลา 11:00 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น