แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

นายกฯ ชี้ปัญหาไม่อาจแก้ในวันเดียว แนะหากไม่อยากให้กลับมาต้องสู้ผ่านการเลือกตั้ง

ที่มา ประชาไท


5 ม.ค.2557 เวลา 11.05 น. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่าปัญหาปัจจุบันซับซ้อนไม่อาจแก้ในวันเดียว รวมทั้งการเลือกตั้งไม่อาจแก้ทุกอย่างได้ทันที แต่เป็นยาที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาตามระบอบประชาธิปไตยและต้องมีกระบวนการ ปฏิรูปและการเตรียมความพร้อมของท้องถิ่นควบคู่ไปด้วย แนะหากไม่อยากให้รัฐบาลกลับมาก็ต้องต่อสู้ผ่านการเลือกตั้ง และเปลี่ยนการชุมนุมมาเป็นพลังในการตรวจสอบเป็นหูเป็นตา เรียกร้องให้ประชาชนอดทนอดกลั้น ระบุไม่อยากเห็นภาพเหตุการณ์ความรุนแรงเหมือนปี 2553

โดยมีรายละเอียดดังนี้

เรียนพี่น้องประชาชนชาวไทย นับวันปัญหาของบ้านเราจะยิ่งมีความซับซ้อน ขึ้นไปเรื่อยๆการแก้ปัญหาต่างๆก็ไม่สามารถแก้ได้ในวันเดียว และยอมรับว่าการเลือกตั้งก็อาจจะไม่ใช่ยาขนานเอกที่แก้ทุกอย่างได้ทันที แต่การเลือกตั้งคือยาที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งตามครรลองของ ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็ต้องมีการทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การปฏิรูปประเทศ การเตรียมความพร้อมของท้องถิ่น เป็นต้น
กลับกันหากเราไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ก็จะทำให้ประเทศไม่มีทางออก เพราะลำพังปัจจุบัน รัฐบาลหลังยุบสภาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้มากนัก การใช้จ่ายภาครัฐที่จะเป็นการช่วยขับเคลื่อนจีดีพีและเศรษฐกิจภายในประเทศก็ ไม่สามารถทำได้ และยิ่งส่งผลกระทบกับการลงทุนในอนาคตของภาคเอกชนอีกด้วย ซึ่งวันนี้ก็จะเห็นได้ชัดแล้วว่านักท่องเที่ยวได้ยกเลิกเที่ยวบินมาประเทศ ไทยและมีหลายประเทศประกาศเตือนการมาประเทศไทยแล้ว ซึ่งล้วนไม่เป็นผลดีทั้งสิ้น
ดิฉัน จึงอยากขอวิงวอนให้เราช่วยกันอดทนอดกลั้นและให้เวลาในการแก้ปัญหาดีกว่า เพราะการเลือกตั้งคือวิธีการที่จะให้ประชาชนได้ไปใช้สิทธิของท่านตามระบอบ ประชาธิปไตย เพราะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ หากท่านไม่อยากให้รัฐบาลกลับมาก็ต้องต่อสู้ผ่านการเลือกตั้ง และเปลี่ยนการชุมนุมมาเป็นพลังในการตรวจสอบเป็นหูเป็นตา ใช้เวทีปฏิรูปเพื่อแก้ไขในสิ่งที่ท่านเห็นว่าควรปฏิรูปประเทศในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกตั้งให้โปร่งใส ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชน ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยการแก้กฎหมายที่ต้องใช้รัฐบาลและรัฐสภาในการขับเคลื่อน ทั้งสิ้น ซึ่งดิฉันยินดีสนับสนุนและร่วมมืออย่างเต็มที่
ดิฉันไม่อยากจะเห็นภาพเหตุการณ์ความรุนแรงเหมือนปี 2553 หรือภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำมีหนี้สินท่วมตัว ปัญหาอาชญกรรม ยาเสพติดสูง เพราะคนตกงาน ภาคธุรกิจปิดกิจการขายทอดตลาดต่างชาติย้ายฐานการผลิตซึ่งล้วนแล้วแต่สร้าง ความเดือดให้กับพวกเราทุกคน
พี่น้องประชาชนคะ เรามาร่วมกันหันหน้ามาคุยกัน ต่างความคิดแต่ไม่จำเป็นต้องแตกแยก อย่าให้ความขัดแย้งนี้ตกทอดไปยังรุ่นลูกของเราอีกเลยคะ มาเปลี่ยนความเห็นต่างให้เป็นพลังที่จะแก้ไขปัญหา เพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกันเถอะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น