โดย ปรัชญา นงนุช
ที่มา ประชาไท
ผู้ที่มีภาพจำที่ว่าเข้มแข็งอย่างคุณอภิสิทธิ์ ต้องพ่ายต่อภาพจำในความอ่อนโยนอย่างคุณยิ่งลักษณ์
จากกรณีที่มีชายผู้หนึ่งที่ได้ไปร่วมงานที่หอศิลปวัฒนธรรม
กรุงเทพ ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่กลางห้องประชุม พร้อมเป่านกหวีด 1
ครั้ง และ ชูแผ่นกระดาษหันไปทางนายอภิสิทธิ์ มีข้อความว่า "RESPECT MY
VOTE" พร้อมตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า
“ถ้าคุณยังปฏิรูปตัวเองไม่ได้แล้วจะมาปฏิรูปประเทศได้อย่างไร”
ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวว่า “ขอบคุณครับ ๆ”
ต่อมา ชายคนดังกล่าวยังคงตะโกนต่อเนื่องว่า
“ตอนคุณเป็นรัฐบาลทำไมไม่ทำ หยุดวาทะกรรมการโกงได้แล้ว
คุณข่มขู่คุกคามคนอื่นได้ แต่คนอื่นข่มขู่คุกคามคุณไม่ได้หรืออย่างไร”
นายอภิสิทธิ์ จึงตอบกลับว่า “นี่คือตัวอย่างที่ต้องปฏิรูป
นี่คือรูปแบบของคู่แข่งพรรคประชาธิปัตย์” ทำให้ชายคนนี้ตะโกนกลับว่า
"ผมไม่ใช่คู่แข่ง ผมคือประชาชน”
จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาพาตัวชายคนดังกล่าวออกจากห้องประชุมไป
โดยนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวตามหลังไปว่า
“จะเห็นได้ว่าการทำกิจกรรมของเราสามารถแสดงความเห็นได้
แต่การทำกิจกรรมของเราถูกรบกวนมาโดยตลอด มาสร้างปัญหาให้กับเวทีของเรา
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงบอกว่าการเลือกตั้งเป็นธรรมไม่ได้
เพราะมีขบวนการแบบนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือไม่ใช่การจัดฉาก”( http://prachatai.com/journal/2014/01/50982)
ถ้าเราเทียบกับกรณีของคุณยิ่งลักษณ์ที่ได้มีผู้หญิงได้
เข้ามาเป่านกหวีดใส่นายกรัฐมนตรีชนิดประชิดตัว
แต่คุณยิ่งลักษณ์ได้เดินเข้าไปหาผู้หญิงคนดังกล่าว
และเมื่อเผชิญหน้ากันผู้หญิงคนดังกล่าวก็กล่าวท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
"จะจับมั้ยๆ" คุณยิ่งลักษณ์กล่าวว่า "ไม่ค่ะ ไม่มีการจับ เชิญตามสบาย
ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไร อยากเป่าก็เป่าเลยค่ะ ขอจับมือหน่อยนะคะ"
แต่ผู้หญิงท่านี้ไม่ยอมให้จับมือ
จากนั้น ผู้หญิงท่านนี้กล่าวว่า “ขอคุยหน่อยได้หรือไม่”
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “ยินดี” โดยผู้หญิงท่านนี้ พยายามสอบถามมาทำอะไร
มาเที่ยวหรือ? แล้วจะกลับกรุงเทพฯวันไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “มาทำงาน
ตรวจติดตามงานตามนโยบาย ซึ่งมาได้ 2 วันแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเดินทางกลับ”
ผู้หญิงคนดังกล่าวพยายามถามย้ำอีกว่า จะกลับกรุงเทพฯวันไหน
น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงย้อนถามกลับว่า “ถามทำไมหรือ” จากนั้น ได้ถามกลับว่า
“เป็นคนที่เพชรบูรณ์หรือคนกรุงเทพฯ” ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นคนกรุงเทพฯ
แต่มาทำงานที่เขาค้อ และก่อนจากลากัน ก็ได้มีการหันมาเป่านกหวีดใส่อีกครั้ง
ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่า “ไม่ตกใจอะไร ถือเป็นการแสดงตามสิทธิ จากนั้น
ได้เดินทักทายชาวบ้านต่อ โดยชาวบ้านได้ออกมาให้กำลังใจและให้ต่อสู้
โดยระบุว่า “การเป่านกหวีดดังกล่าวเป็นเพียงคนคนเดียว”
ดิฉันจะไม่ขอกล่าวถึงการแสดงออกของประชาชนว่าเหมาะสมหรือ
ไม่เหมาะสม เพราะ
เป็นสิทธิของบุคคลที่จะแสดงออกและจะวิพากษ์วิจารณ์ประชาชนด้วยกันเอง
แต่ในฐานะผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งทั้ง 2 ท่าน
ในส่วนตรงนี้ดิฉันขอกล่าวถึงวุฒิภาวะการเป็นผู้นำ
คุณอภิสิทธิ์ยังคงมองฝั่งตรงข้ามว่าคือ “คู่แข่ง” การมองเช่นนี้
มันสะท้อนภาพว่าคุณต้องการเอาชนะเขา เพราะ การแข่งขัน ย่อมมีแพ้มีชนะ
การปฏิรูประเทศเราต้องพูดถึงความสามัคคีของชาติมากกว่าการแข่งขัน
เขากล่าวว่ากิจกรรมของเขาแสดงความเป็นต่างได้
แต่เป็นความเห็นต่างที่ต้องถูกใจคุณอภิสิทธิ์ เพราะ
คุณได้กล่าวว่าเป็นการรบกวนและสร้างปัญหาให้เวทีของเราสะดุด
การกล่าวว่ารับความเห็นต่างได้จึงไม่น่าเชื่อถือเสียเลย และ
คุณจะปฏิรูปประเทศบนพื้นฐานความคิดเช่นนี้
ก็คงปฏิรูปแค่ให้ตัวเองอยู่รอดไม่ใช่ประเทศชาติ
ปฏิรูปกับพวกเดียวกันที่คิดเหมือนกัน
คนอื่นคิดต่างต้องกำจัดเสียเพราะทำให้เกิดการรบกวนและสะดุด
การกล่าวว่าการเลือกตั้งจะไม่เป็นธรรมจากการกระทำของ
ผู้ชายท่านนี้ ไม่มีความสมเหตุสมผลเสียเลย
การแสดงออกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่จะไม่เป็นธรรมเสียเลย
เพราะ การเลือกตั้งกับการแสดงความเห็นเชิงสัญลักษณ์ดั่งที่ชายคนนี้กระทำ
ถือเป็นคนละประเด็นกัน
คุณอภิสิทธิ์ได้สร้างเงื่อนไขที่จะไม่ให้นำไปสู่การเลือกตั้งผ่านแค่ว่าคน
คิดต่างการเลือกตั้งจะไม่เป็นธรรม
การเลือกตั้งมันคือวิธีการที่ให้คนเห็นต่างอยู่ร่วมกันได้ผ่านการตัดสินใจ
ร่วมกัน แต่การพยายามสร้างเงื่อนไขหลีกหนีการเลือกตั้งของกลุ่มกปปส. นี้คือ
สิ่งที่น่าอายกว่าการกระทำของชายผู้นี้เสียอีก เพราะ
คุณขัดเจตนารมณ์ของคนทั้งชาติ
แต่ผิดกับการแสดงออกของคุณยิ่งลักษณ์ที่มีทีท่าไม่มองว่า
ผู้หญิงท่านนั้น คือ คู่แข่งหรือคู่ตรงข้าม
และไม่มีการสั่งให้จับกุมหรือแสดงทีท่ากีดกันความเห็นต่างและพร้อมที่จะพูด
คุย ไม่เอาความเห็นต่างมาสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง
พร้อมอยู่กับความเห็นต่าง
เป็นภาพลักษณ์ผู้นำที่สังคมต้องการในสังคมที่จะต้องร่วมกันปฏิรูป
ในสังคมชายเป็นใหญ่มักมองว่าผู้ชายเข้มแข็ง อดทน และมองว่าผู้หญิงอ่อนแอ
ไม่อดทน แต่เหตุการณ์นี้ก็แสดงให้เป็นว่า “มายาคติเช่นนี้” ไม่เป็นความจริง
ความเข้มแข็งของคุณอภิสิทธิ์ถ้าใช้ไม่เหมาะสมก็จะมองเป็น
ความบ้าบิ่น
ในส่วนของความอ่อนโยนของคุณยิ่งลักษณ์ถ้าใช้ไม่เหมาะสมก็จะมองว่าเธออ่อนแอ
ผู้นำที่ดีต้องรู้ว่าเวลาใดคุณต้องเล่นบทใด
การตีบทผู้นำที่ประชาชนพึงปรารถนาไม่แตก
ก็อย่าหวังได้ไปนั่งอยู่ในใจประชาชน
ระบอบประชาธิปไตยคือระบอบโดยประชาชนเพื่อประชาชน ไม่ใช่โดยประชาธิปัตย์เพื่อประชาธิปัตย์ตามที่คุณอภิสิทธิ์ต้องการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น