แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

ข่าวหุ้นธุรกิจ: รักสงบสู้อนาธิปไตย

ที่มา Thai E-News


กปปส.นัด “ชัตดาวน์บางกอก” นอกจากหุ้นตก บาทอ่อน ยังทำให้นักท่องเที่ยวหนีกระเจิง

ไม่มีอำนาจใดยับยั้งคนเป็นแสนๆ ที่ไร้สติ ไร้เหตุผล แต่เชื่อว่าตนเป็นฝ่ายถูก ใช้กำลังข่มขืนสังคมให้ยอมตาม ไม่แยแสว่าจะเกิดความวิบัติฉิบหายสักเพียงไร ฉะนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รัฐบาลไม่จำเป็นต้องคิดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ปล่อยให้พวกเขา “ชัตดาวน์” ไป ถ้าไม่ใช้ความรุนแรง กปปส.จะทำอะไรได้ ถ้าใช้ความรุนแรง พวกเขาก็ทำลายตัวเอง 

ซึ่งเท่าที่เห็น ผลจากการใช้กำลังขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งในกรุงเทพฯ และภาคใต้ แม้ประสบความสำเร็จ ทำให้ไม่สามารถรับสมัครใน 8 จังหวัด 28 เขต ก็ทำให้เกิดพลังที่เห็นต่างอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่เฉพาะเสื้อแดง ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ ที่ตบเท้าออกมาปกป้องศักดิ์ศรี ทั้งภาค 3 ภาค 4 แต่ยังมีผู้รักสันติ ชักชวนกันไปจุดเทียน “หยุดการชุมนุมที่สร้างเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรง” ยังมีสภาคาทอลิกที่ออกคำแถลงว่า คริสต์ศาสนิกชนมีหน้าที่ไปเลือกตั้ง และยังมีองค์กรภาคธุรกิจ ที่พยายามเป็นตัวกลางหาทางออกในการปฏิรูปประเทศ

ผู้มีชื่อเสียงที่คัดค้าน กปปส.มีหลากหลายขึ้น เช่น อ.จอน อึ๊งภากรณ์ อดีตวุฒิสมาชิก อดีตกรรมการ TPBS อ.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตกรรมการ ป.ป.ช.ชุด คมช.ตั้ง (ซึ่งชัดเจนว่าไม่ใช่ “พวกทักษิณ”) ยืนยันว่าไม่สามารถมีนายกฯ คนกลางตามที่อ้างมาตรา 7 หรือบรรยง พงษ์พานิช CEO เกียรตินาคินภัทร ผู้เขียน “ข้อเสนอต่อประเทศไทย” 7 ตอน วิพากษ์ทั้ง “ระบอบทักษิณ” และ กปปส.อย่างตรงไปตรงมาน่าชื่นชมไม่กลัวทั้งสองฝ่ายโกรธ 

กล่าวได้ว่า ความย่ำแย่ของรัฐบาลเพื่อไทย และการไม่เอากติกาของ กปปส.กำลังจะทำให้เกิดพลังที่สาม ที่น่าจะถ่วงดุลทั้งสองข้างได้ เป็นพลังที่จะเติบใหญ่นำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริง

ถ้า กปปส. “ชัตดาวน์” กรุงเทพฯ จริง ก็วัดใจว่า คนกรุงเสียงข้างมากยังสนับสนุนอยู่หรือไม่ แม้เสียงข้างมากอาจไม่สามารถรวมกำลังไปสู้รบตบมือกับม็อบ (เป็นธรรมดาที่ผู้มีสติ 10 คนไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใช้อารมณ์แค่ 1 คน) แต่ความเสื่อมถึงที่สุด จะเกิดกับ กปปส.ลามไปถึง ปชป.และใครก็ตามที่จะเข้ามาร่วมมือล้มรัฐบาลล้มการเลือกตั้ง

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้า กปปส.ปิดเมือง อาละวาด แล้วเกิดรัฐประหารเข้าข้างม็อบ รัฐประหารที่ครองอำนาจได้ยากยิ่งอยู่แล้ว ก็นับถอยหลังทวีคูณ 

หรืออำนาจใดก็ตาม ที่จะเข้าข้าง กปปส.ไม่ว่าฝ่ายตุลาการ องค์กรอิสระ หรืออำนาจพิเศษแบบไหน ก็ต้องคิดหนัก

ณ วันนี้ กกต.ที่แม้ถูกประณามจากการทำหน้าที่อย่างพร้อมจะโยนผ้าขาว ก็ถูกสังคมดันหลังจนต้องเดินหน้าเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.โดยมี ส.ส.ไม่ครบ 500 คน แต่ก็ต้องเลือกตั้ง หลังจากนั้นจึงประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งเพิ่มใน 180 วันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 93 การเลื่อนเลือกตั้งเป็นไปไม่ได้แล้ว

วันที่ 7 มกราคมนี้ ป.ป.ช.จะแจ้งข้อหา 381 ส.ส. ส.ว.ฐานแก้รัฐธรรมนูญให้วุฒิสภามาจากเลือกตั้ง แต่จะชี้มูลความผิดทั้งหมดหรือ ป.ป.ช.จะทำลายตัวเองยอมเป็นหนังหน้าไฟล้มประชาธิปไตยหรือ (และต่อให้ชี้มูลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็เป็นการชี้มูลในฐานะ ส.ส.ไม่ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ) 

ถ้าไม่เกิดรัฐประหาร ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่กลัว (เกิดแล้วหัวร่อก๊ากอีกต่างหาก) กปปส.จะทำอะไรได้ ปิดเมืองวันที่ 13 มกราคมถ้าไม่เกิดความรุนแรง แล้วจะทำอะไร จะปิดไปเรื่อยๆ หรือ

ม็อบ กปปส.มี 2 ลักษณะที่ขัดแย้งกันเอง คือเวทีราชดำเนินเป็น “ม็อบครอบครัว” คนกรุงจูงลูกหลานมาฟังปราศรัยถ่ายอินสตาแกรม แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นมวลชนฮาร์ดคอร์ ที่พร้อมลุย พร้อมแรง กระนั้นถ้าแรงไป คนกลุ่มแรกก็เผ่นเหมือนกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น