ชอว์น คริสปิน
ตัวแทนจากคณะกรรมการพิทักษ์ผู้สื่อข่าวระบุผิดหวังกับคำสั่งศาลกรณีช่างภาพ
อิตาลี เนื่องจากใช้เวลาถึง 3 ปีแต่ยังมีความคลุมเครือ
อย่างไรก็ตามชี้เป็นก้าวแรกของความยุติธรรม
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 56 เวลา 19.00 น.
ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย
มีการแถลงข่าวสืบเนื่องจากกรณีการออกคำสั่งศาลในคดีการไต่สวนสาเหตุการเสีย
ชีวิตของช่างภาพชาวอิตาลี ฟาบิโอ โปเลนกี
ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตบริเวณถนนราชดำริระหว่างการสลายการชุมนุมของกลุ่มคน
เสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 โดยผู้ร่วมแถลงได้แก่ ชอว์น คริสปิน
ตัวแทนจากคณะกรรมการเพื่อพิทักษ์ผู้สื่อข่าว (Committee to Protect
Journalists) และเอลิซาเบ็ตต้า โปเลนกี น้องสาวของฟาบิโอ โปเลนกี
ชอว์น คริสปิน กล่าวว่า คำสั่งที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกมาในวันนี้
ซึ่งชี้ว่ากระสุนที่ยิงนายฟาบิโอเสียชีวิตมาจากทิศทางของทหาร
แต่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ยิงนั้น ถือว่าเป็นก้าวแรกของความยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม ยังมีความคลุมเครืออยู่มาก
แม้ระยะเวลาหลังการเกิดเหตุจะเป็นราว 3 ปีแล้ว
แต่คำสั่งของศาลที่ออกมากลับยังมีความไม่ชัดเจน ทั้งๆ
ที่มีพยานหลักฐานและพยานแวดล้อม
รวมถึงผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ให้การเป็นพยานว่าทหารน่าจะเป็นผู้ยิงกระสุน
ที่ทำให้ฟาบิโอเสียชีวิต
ชอว์น กล่าวถึงการพิจารณาของศาลด้วยว่า
ฝ่ายญาติผู้เสียชีวิตได้พยายามยื่นพยานหลักฐาน เช่น คลิปวีดีโอ
และพยานบุคคลซึ่งเป็นนักข่าวต่างประเทศเพิ่มเติม
แต่ศาลได้ปฏิเสธไม่รับพิจารณา เนื่องจากกล่าวว่าซ้ำซากกับพยานอื่นๆ
ที่ได้เบิกไปแล้ว ซึ่งชอว์นมองว่า
ฝ่ายญาติผู้เสียชีวิตควรต้องสามารถยื่นหลักฐานเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมได้โดย
ไม่ต้องกลัวจะถูกปฏิเสธ
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ
ยังแสดงความกังวลต่อกรณีที่ตำรวจกดดันให้นักข่าวส่งมอบหลักฐานต่างๆ เช่น
คลิปวีดีโอ นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่ามีการบุกค้นห้องนักข่าว
และการคุกคามในรูปแบบอื่นๆ ต่อนักข่าวในช่วงหลังการชุมนุม
และชี้ว่าควรให้เป็นไปตามสมัครใจมากกว่า
เขากล่าวว่า ทางคณะกรรมการฯ
เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มความพยายามในการค้นหาชายสวมหมวกสีเงิน
ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายว่าเป็นคนเอากล้องถ่ายรูปของฟาบิโอไป
ซึ่งจนบัดนี้ยังคงค้นหากล้องดังกล่าวไม่พบ
รวมถึงเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ให้คัดค้านการผ่านร่างพ.ร.บ. ปรองดองแห่งชาติของร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง
รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นการนิรโทษกรรมเหมาเข่งแก่ผู้กระทำผิด
ด้านเอลิซาเบ็ตตา เห็นด้วยเช่นกันว่า พ.ร.บ.
นิรโทษกรรมที่ให้แก่ทุกฝ่าย จะเป็นสิ่งที่
"เลวร้ายที่สุดที่รัฐบาลจะกระทำต่อประชาชนของตนเอง"
และหวังว่ารัฐบาลจะไม่ผ่านพ.ร.บ. ดังกล่าว
"การให้นิรโทษกรรมแก่ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบในการละเมิดสิทธิมนุษยชนอัน
ร้ายแรงเช่นนี้
เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่รัฐบาลจะกระทำต่อประชาชนของตนเอง
เพราะถือว่าพวกเขาเป็นพี่น้อง เป็นพลเมืองของตนเอง และสำหรับ 90
กว่าชีวิตที่เสียไป ก็เหมือนกับจะไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น" เธอกล่าว
"ไม่เพียงแต่เท่านั้น แต่ครอบครัว และญาติๆ ของพวกเขา
ก็รู้สึกสูญเสียเช่นเดียวกัน"
เอลิซาเบ็ตตากล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตนได้รับการติดต่อจากนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีเพื่อขอเข้าพูดคุยเป็นการส่วนตัว แต่ตนไม่ได้พบ
และในวันนี้ได้เชิญนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรีมาร่วมที่งานแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศต่อกรณี
คำสั่งคดีฟาบิโอด้วย แต่มิได้ให้การตอบรับเป็นอย่างใด
ทั้งนี้ ในงานดังกล่าว
เอลิซาเบ็ตตาได้เปิดตัวหนังสือรวมภาพถ่ายของฟาบิโอ ในชื่อ "Bangkok Last
Pictures 2010"
โดยภาพบางส่วนจัดแสดงอยู่ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย
และขายแก่ผู้ที่สนใจทั่วไป รายได้ที่ได้จากการขายหนังสือและภาพถ่าย
เอลิซาเบ็ตต้ากล่าวว่า จะนำไปมอบให้แก่โรงเรียนต่างๆ
ที่ขาดแคลนทรัพยากรในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น