ที่มา Thai E-News
รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน “โลกวันนี้วันสุข”
ฉบับวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2556
การรุกครั้งล่าสุดของพวกเผด็จการที่กระทำต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ดูจากภายนอกแล้ว ก็ยังคงดำเนินไปตาม “สูตรเดิม” คือ
มีกองหน้าประกอบด้วยกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลือง
ซึ่งคราวนี้ได้ผัดหน้าทาแป้งใหม่เป็น
“คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (กปปส.)
และเปลี่ยนตัวผู้นำขบวนมาเป็นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนแนวรบในสภาผู้แทนราษฎร
พรรคประชาธิปัตย์ได้สั่งสส.ทั้งหมดของตนลาออกเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556
เพี่อตัดหนทางมิให้พรรคเพื่อไทยสามารถใช้กลไกทางสภาได้
รวมทั้งเป็นการกดดันให้นายกรัฐมนตรียอมยุบสภา
ตระกูลชินวัตรและแกนนำพรรคเพื่อไทยยังคงเดินแนวทางประนีประนอมกับพวกจารีต
นิยม แม้จะตระหนักดีว่า ศึกครั้งนี้
ฝ่ายจารีตนิยมหมายมุ่งถึงขั้นทำลายตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย
แต่เมื่อได้รับ “คำสัญญา” ว่า จะให้มีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
นายกรัฐมนตรีก็ได้ยอมต่อแรงกดดัน ประกาศยุบสภา
กลายเป็นรัฐบาลรักษาการที่ไม่มีรัฐสภาและไร้อำนาจบริหาร
รอความหวังแต่เพียงว่า พวกจารีตนิยมจะรักษาคำมั่นสัญญา และหวังว่า
แรงกดดันจากนานาชาติจะทำให้ฝ่ายเผด็จการยอมให้มีการเลือกตั้งในที่สุด
นาทีนี้ จึงเหลือแต่จังหวะเวลาที่ฝ่ายจารีตนิยมจะใช้ตุลาการ ปปช.
และท้ายสุดคือ แรงกดดันจากกองทัพ
เพื่อจัดการกับตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทยเป็นขั้นสุดท้ายเท่านั้น
การรุกครั้งล่าสุดของพวกจารีตนิยมแม้จะดำเนินตาม “สูตรเดิม” เหมือนปี 2549
ที่โค่นล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และปี 2551
ที่โค่นล้มรัฐบาลพรรคพลังประชาชน แต่ในครั้งนี้
ก็มีลักษณะพิเศษกว่าสองครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด
ประการแรก การรุกครั้งนี้มีลักษณะปฏิกิริยาถอยหลังอย่างชัดเจน
มุ่งที่จะล้มเลิกการเมืองแบบเลือกตั้ง
นี่เป็นการเปลี่ยนไปจากแนวทางเดิมที่พวกจารีตนิยมเคยใช้มาตั้งแต่รัฐประหาร
2549 ซึ่งในเวลานั้น
พวกเขายังต้องการใช้เปลือกนอกของระบบรัฐสภาภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550
มาเคลือบคลุมเนื้อในที่เป็นเผด็จการของตนไว้ แต่การเลือกตั้งทั่วไปปี 2550
และ 2554 พิสูจน์ว่า ทั้งรัฐธรรมนูญ 2550
และกลไกตุลาการอันบิดเบี้ยวที่พวกเขาบรรจงสร้างขึ้น
ก็ยังไม่ช่วยให้สามารถเอาชนะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในสนามเลือกตั้ง
แล้วจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นหุ่นเชิดของพวกเขาได้
แต่กลับได้มาซึ่งรัฐบาลพรรคพลังประชาชนและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ซึ่งสามารถฉวยใช้กลไกของรัฐธรรมนูญ 2550
มาแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อบ่อนเซาะอำนาจของพวกเขาอีกด้วย
นัยหนึ่ง รัฐธรรมนูญ 2550 ได้กลายเป็น “หอกทมิฬแทงทมิฬ”
สำหรับพวกจารีตนิยมไปเสียแล้ว!
การเคลื่อนไหวของเผด็จการในวันนี้จึงมีเป้าหมายที่อยู่นอกกรอบของรัฐธรรมนูญ
2550 ซึ่งก็คือ
แทนที่สภาผู้แทนฯและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยฝ่ายนิติบัญญัติและ
รัฐบาลที่แต่งตั้งโดยพวกจารีตนิยม!
ประการที่สอง
การรุกของพวกต่อต้านประชาธิปไตยครั้งนี้ได้เผยธาตุแท้ที่เป็นเผด็จการล้า
หลังออกมาจนหมดสิ้น สะท้อนออกมาเป็นการเคลื่อนไหวของ กปปส.
ที่ชูธงนำทางความคิดว่าด้วย “สภาประชาชน” และ “นายกฯคนกลาง”
ที่ถูกนำเสนอออกมาอย่างเป็นเอกภาพพร้อมกันถึง 4 กลุ่มคือ กปปส.
กลุ่มอธิการบดีมหาวิทยาลัย กลุ่มนักวิชาการที่นิยมกษัตริย์และนิยมทหาร
แล้วโหมกระพือให้เป็นกระแสสังคมคนชั้นกลางด้วยสื่อมวลชนกระแสหลักที่เลือก
ข้างเผด็จการ
ทั้งหมดนี้ได้รวบยอดขึ้นเป็นวาทกรรม “ปฏิรูปประเทศไทย”
ปลุกปลั่นกระแสปฏิเสธการเลือกตั้ง เรียกร้องให้ “ปฏิรูปก่อน
เลือกตั้งทีหลัง” ไม่เอาการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดยอ้างว่า ถ้าไม่
“ปฏิรูป” แล้วรีบเลือกตั้ง “ระบอบทักษิณ” ก็จะหวนกลับมาเถลิงอำนาจอีกอยู่ดี
ฉะนั้น จึงต้อง “ปฏิรูปก่อน” ซึ่งก็คือ ฉีกรัฐธรรมนูญ 2550
ทำลายตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย
ปราบปรามประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยให้หมดสิ้นก่อน
แล้วปกครองด้วยเผด็จการอย่างเปิดเผยอยู่ระยะหนึ่ง
ก่อนที่จะหวนคืนสู่ระบบการเมืองแบบเลือกตั้งอีกครั้ง
การโหมกระแส “ปฏิรูปก่อน เลือกตั้งทีหลัง”
จึงเป็นยุทธวิธีที่มุ่งขัดขวางไม่ให้มีเลือกตั้ง
และเปิดช่องให้ใช้วิธีการนอกรัฐธรรมนูญโดยผ่านตุลาการและทหาร
เพื่อนำเอาระบอบเผด็จการเข้ามานั่นเอง
ประการที่สาม ในการรุกของพวกจารีตนิยมครั้งนี้ ดารานักร้องนักแสดง
นักเคลื่อนไหวเอ็นจีโอ นักวิชาการ ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ปัญญาชนทุกแขนง
สื่อมวลชนกระแสหลัก
ล้วนได้เผยระบบความคิดที่เป็นอุดมการศักดินานิยมออกมาอย่างหมดเปลือก
ซึ่งก็คือ ความคิดพื้นฐานที่ว่า “คนเราเกิดมา ไม่เท่ากัน”
มีชนชั้นศักดินาที่ “เหนือคน เหนือเทวดา” ผูกขาดทั้งอำนาจ โภคทรัพย์
ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมชั้นสูง กับชนชั้นไพร่ที่ “ต่ำชั้นกว่า” ทั้งโภคทรัพย์
ภูมิปัญญาและวัฒนธรรม ความคิดนี้ยังคงฝังรากลึกอยู่ในหมู่ผู้ปกครองไทย
และได้ถูกมอมเมา
แพร่ระบาดไปยังชนชั้นกลางในเมืองที่เป็นหางเครื่องศักดินาในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้
ความคิดศักดินาดังกล่าวถูกแสดงออกโดยดารานักแสดงนักร้องตัวตลกที่ปราศจาก
สมองมนุษย์ ซึ่งผรุสวาทออกมาแล้วก็เป็นที่สมเพชของสังคม
แต่ในการรุกครั้งล่าสุด
ชนชั้นกลางในเมืองจำนวนหนึ่งได้ประสานเสียงร่วมกันแพร่ความคิดดังกล่าวออกมา
อย่างเป็นระบบ ในรูป “คนชนบทนั้นโง่และไร้การศึกษา
ไม่ควรมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง คนเหนือ-อีสาน ลาวนั้นโง่ เลว
ซื้อสิทธิ์ขายเสียง”
ไปถึงขนาดผู้บริหารมหาวิทยาลัยและนักวิชาการใหญ่ที่นิยมกษัตริย์-นิยมทหาร
เอาความคิดดังกล่าวมาวิเคราะห์ ปั้นแต่งอุปโลกน์ให้เป็น “ข้อคิดทางวิชาการ”
อภิปรายกันเป็นคุ้งเป็นแควบนเวทีเสวนาในหอประชุมอันทรงเกียรติ์
ผู้บริหารมหาวิทยาลัย นักวิชาการ
และชนชั้นกลางในเมืองที่ช่วยกันสำแดงความคิดดังกล่าวออกมานั้น
ลืมรากเง่ากำพืดของตัวเองเสียสิ้นว่า
ถ้าย้อนหลังเวลาไปสักร้อยหรือสองร้อยปี ต้นตระกูลของคนพวกนี้
ทั้งปู่ย่าตายายและพ่อแม่ ก็ล้วนเป็นไพร่เลกไร้ศึกษา ถูกสักข้อมือ
ขูดรีดเกณฑ์แรงงานโดยพวกศักดินาด้วยกันทั้งสิ้น
แม้แต่คนชั้นกลางกรุงเทพฯที่มีเชื้อสายจีนและมีการศึกษาสูงในวันนี้
ก็สืบมาจากไพร่ชาวนาที่ยากจนบนแผ่นดินจีน
จากกรรมกรจับกังทำงานแบกหามตามโกดังและโรงสีริมแม่น้ำเจ้าพระยา
หรือคนจีนอันต่ำต้อยที่ค้าขายเบ็ดเตล็ดอยู่ทั่วไปในกรุงเทพและหัวเมืองใน
อดีต เพียงแต่คนชั้นกลางรุ่นปัจจุบันที่เป็นลูกหลานได้รับการศึกษา
อาชีพการงาน สถานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการอุ้มชูโดยพวกศักดินา
ก็ทำให้คนพวกนี้ลืมกำพืดเดิมของตัวเอง
ยกตนเทียบชั้นเป็นศักดินาเสียเองในวันนี้! กระทั่งหลายคนยังลืมไปว่า
บรรพบุรุษของตนก็มีเชื้อสายคนเหนือ อีสาน ลาว เขมร ปะปนกันมาทั้งสิ้น
การรุกของพวกเผด็จการที่มีคนชั้นกลางในเมืองเป็นหางเครื่องครั้งนี้จึงเป็น
อันตรายที่คุกคามต่อฝ่ายประชาธิปไตยมากที่สุดนับแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
แต่ก็เป็นการรุกในสภาพที่มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยได้เข้มแข็งเติบใหญ่ทั่ว
ประเทศ และได้รับแรงสนับสนุนอย่างล้นหลามจากเพื่อนมิตรนานาประเทศทั่วโลก
ซึ่งจะไม่ยอมให้พวกจารีตนิยมหมุนนาฬิกาย้อนกลับไปสู่เผด็จการเบ็ดเสร็จอีก
หากพวกจารีตนิยมจะดันทุรังไม่ให้มีเลือกตั้ง ก็สุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่
“สงครามกลางเมืองที่หลั่งเลือด” ในที่สุด
ฝ่ายประชาธิปไตยมีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะนองเลือดได้
ซึ่งก็คือ เคลื่อนไหวมวลชนทั่วประเทศ ประสานกับเพื่อนมิตรนานาชาติ
ก่อกระแสรณรงค์ให้มีการเลือกตั้งตามกำหนดให้จงได้
รวมทั้งปรามตุลาการและทหาร เพื่อสกัดแผนการของพวกเผด็จการที่จะอ้าง
“การปฏิรูป” มาทำลายขบวนประชาธิปไตย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น