จาตุรนต์
ฉายแสง โพสต์เฟซบุ๊ก จวกพรรคประชาธิปัตย์
ออกแถลงการณ์กรณีนายกฯปาฐกถาที่มองโกเลีย เป็นแถลงการณ์ที่สูญเปล่า :
ประชาธิปัตย์ขนานแท้จริงจริง
ตอกย้ำข้อพิสูจน์มีความพยายามขัดขวางทำลายประชาธิปไตยในประเทศตามที่นายก
รัฐมนตรีระบุจริง
เฟซบุ๊ก นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang โดยระบุข้อความดังนี้
เฟซบุ๊ก นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang โดยระบุข้อความดังนี้
" แถลงการณ์ที่สูญเปล่า : ประชาธิปัตย์ขนานแท้จริงจริง "
อ่านแถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ต่อกรณี
ปาฐกถามองโกเลียแล้ว บอกได้ตามตรงว่าไม่ผิดคาดเลย
ประชาธิปัตย์ยังไงก็เป็นประชาธิปัตย์อยู่นั่นแหละ
แถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ฉบับนี้ไม่น่าจะ
ทำความเสียหายให้เกิดแก่นายกรัฐมนตรีแต่เท่าใด ถ้าจะเกิดความเสียหาย
ก็คงจะเป็นความเสียหายต่อประเทศชาติ
ซึ่งก็ยังน้อยกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์เคยทำมาก่อนหน้านี้มากนัก
ผู้ที่เสียหายมากที่สุดจากการออกแถลงการณ์ฉบับนี้น่าจะได้แก่พรรคประชา
ธิปัตย์และผู้นำพรรคคือคุณอภิสิทธิ์นั่นเอง
แถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ฉบับนี้มุ่งตอบ
โต้นายกรัฐมนตรี แต่คำกล่าวหาต่างๆก็ไม่มีอะไรใหม่และไม่มีน้ำหนัก
เป็นเพียงคำกล่าวหาเดิมๆที่พรรคประชาธิปัตย์ชอบใช้โจมตีนายกรัฐมนตรีเป็น
ประจำ โดยไม่ได้อิงหลักประชาธิปไตยหรือหลักนิติธรรมแต่อย่างใด
ที่น่าแปลกและไม่ทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์จะนึกถึงหรือรู้ตัวหรือไม่ก็คือ
แถลงการณ์ฉบับนี้ได้ตอกย้ำและเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่า
ปาฐกถามองโกเลียของนายกรัฐมนตรีนั้นถูกต้องและเป็นความจริงอย่างแน่ชัดแล้ว
ทำไมผมจึงพูดอย่างนั้น
แถลงการณ์ฉบับนี้ได้แสดงให้ชาวโลกเห็นว่า
มีผู้ไม่เชื่อในประชาธิปไตย ผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อการพัฒนาประชาธิปไตย
และพยายามขัดขวางทำลายประชาธิปไตยอยู่ในประเทศไทยตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าว
ไว้จริงๆ และตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ
พรรคประชาธิปัตย์กับคุณอภิสิทธิ์นั่นเอง
แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ได้แก้ต่างและ
สร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหารในปี2549อย่างไม่ละอายเลยแม้แต่น้อย
พรรคประชาธิปัตย์พูดถึงปัญหาต่างๆของบ้านเมืองก่อนการรัฐประหาร เช่น
ปัญหาคอรัปชั่น ความขัดแย้งในสังคม และปัญหาการแทรกแซงองค์กรอิสระเป็นต้น
ในทำนองเดียวกันกับที่คณะรัฐประหารเคยกล่าวอ้างเกือบจะทุกประการ
แล้วก็พูดถึงการที่"ฝ่ายทหารเข้าแทรกแซง"อย่างนิ่มๆเรียบๆ
แบบที่ไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไรเลย
นี่เท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ได้ย้ำทัศนคติ
ของตนที่ว่า หากบ้านเมืองมีปัญหา
การรัฐประหารก็สามารถเป็นทางออกที่ชอบธรรมได้
ทัศนคติอย่างนี้เป็นเรื่องตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตยที่คนทั่วโลกเข้าใจ
กัน
ต้องย้ำว่าฝ่ายประชาธิปไตยนั้นถือว่า
ไม่ว่าบ้านเมืองที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจะมีปัญหาอย่างไร
ก็ไม่สามารถใช้ปัญหาเหล่านั้นเป็นเหตุผลให้เกิดความชอบธรรมในการรัฐประหาร
ได้
ความจริงถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะใช้คำอธิบาย
ที่คุณอภิสิทธิ์เคยใช้
อธิบายการรัฐประหารหลังเกิดการรัฐประหารใหม่ๆมาขยายความอีกสักหน่อยก็จะยิ่ง
ทำให้ผู้อ่านเข้าใจจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ดียิ่งขึ้น
คือควรจะบอกด้วยว่า "การรัฐประหารนั้นเป็นเผด็จการแต่เพียงรูปแบบ
แต่เนื้อหาเป็นประชาธิปไตย" และ
"การรัฐประหารเป็นการถอยหลังเพียงชั่วคราวเพื่อให้ประชาธิปไตยก้าวหน้าต่อ
ไป" อะไรทำนองนี้
ที่ว่าแถลงการณ์ฉบับนี้ทำความเสียหายต่อ
ประเทศชาติ
ก็อยู่ตรงที่ไปแสดงให้ชาวโลกเขาเห็นว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่เก่าแก่ที่
สุด ที่เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งเป็นรัฐบาลมาหยกๆ ไม่มีสำนึกที่เป็นประชาธิปไตย
และจะออกแถลงการณ์ถึงประชาคมโลกทั้งที
กลับไม่เสนออะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างหรือพัฒนาประชาธิปไตยได้บ้าง
เลย
นอกจากรับรองความชอบธรรมของการรัฐประหาร
อย่างเป็นทางการต่อชาวโลกแล้ว
แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ยังรับรองหรือแม้กระทั่งเชิดชูมรดกที่คณะรัฐ
ประหารมอบไว้ให้แก่ประเทศนี้
ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญหรือการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในทางที่ไม่เป็น
ประชาธิปไตยและขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
พรรคประชาธิปัตย์พูดรับรองรัฐธรรมนูญโดยไม่
ได้พูดถึงที่มาและผู้ร่าง พูดถึงการลงประชามติโดยไม่พูดถึงสภาพบังคับ
บีบคั้น และไม่มีทางเลือกของประชาชน
เมื่อพูดถึงการพ้นจากตำแหน่งของนายก
รัฐมนตรี 2 คนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนก็ให้ข้อมูลไม่ครบ
จงใจไม่พูดถึงสาระสำคัญ เช่น เมื่อพูดถึงการที่นายสมัคร
สุนทรเวชต้องพ้นจากตำแหน่งจากการกระทำซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ก็ไม่ได้บอกว่าการกระทำนั้นคือการทำกับข้าวออกทีวี
เมื่อพูดถึงการที่นายสมชาย
วงศ์สวัสดิ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เพราะพรรคพลังประชาชนถูกยุบในข้อหาทุจริตในการเลือกตั้ง
ก็ไม่ได้บอกว่าเหตุที่ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทั้งรัฐบาลต้องล้มไป
คือการทุจริตในการเลือกตั้งที่ว่านั้น
เกิดจากการที่กกต.เชื่อว่ากรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งจ่ายเงินให้แก่ผู้สนับ
สนุนรายหนึ่งเป็นเงิน 20,000 บาท หรือประมาณ 600
เหรียญสหรัฐก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง
ข้อมูลที่ตกไปและผมช่วยเติมให้นี้
ใครๆเขาก็รู้กันทั่วโลกมานานแล้ว ลองนึกดูเถิดครับว่า
เมื่อผู้ที่เขาติดตามความเป็นไปของเมืองไทยได้อ่านแถลงการณ์ของพรรคประชาธิ
ปัตย์แล้ว เขาจะรู้สึกอย่างไรกัน
พรรคประชาธิปัตย์ได้อธิบายเช่นเดียวกับที่
คุณอภิสิทธิ์มักอธิบายอยู่บ่อยๆเช่นกันว่า
เป็นการสมควรและชอบธรรมแล้วที่นายกรัฐมนตรี 3 คนพ้นจากตำแหน่งไป
ทั้งๆที่นายกรัฐมนตรี 3 คนนั้นต่างก็มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
และต้องพ้นจากตำแหน่งไปไม่ด้วยการรัฐประหาร
ก็ด้วยการใช้อำนาจที่คณะรัฐประหารได้มอบให้ไว้
แถลงการณ์ฉบับนี้จึงไม่ใช่การแสดงถึงการที่
พรรคประชาธิปัตย์ยืนหยัดต่อหลักการว่าด้วยเสรีประชาธิปไตยอย่างที่อวดอ้าง
แต่เป็นการแสดงให้เป็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อถือหลักประชาธิปไตย
และยังเป็นพลังต่อต้านประชาธิปไตยด้วย
พรรคประชาธิปัตย์ยังได้ทำลายภาพพจน์ของ
ประเทศไปพร้อมกับการแสดงความบ้องตื้นและการไม่รับผิดชอบของผู้นำของตน
ด้วยการอธิบายเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสมัยที่นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรีว่า
การชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นการชุมนุมที่ขัดต่อกฎหมาย
นำโดยพวกก่อการร้ายและกองกำลังติดอาวุธ
ประชาชนและเจ้าหน้าที่บาดเจ็บล้มตายล้วนเกิดจากการกระทำของพวกก่อการร้ายและ
กองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ทั้งสิ้น
ทั้งๆที่การพิสูจน์พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรื่อยมากลับไม่พบผู้ก่อ
การร้าย ไม่พบกองกำลังติดอาวุธ
แต่กลับพบว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตรายแล้วรายเล่าเกิดจากการกระทำ
ของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้น
พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์ไม่เคยแสดง
ความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
และในการออกแถลงการณ์ต่อชาวโลกก็ยังยืนยันที่จะไม่แสดงความรับผิดชอบ
หรือแม้แต่จะแสดงความเสียใจใดๆ
มีแต่โยนความผิดให้ผู้อื่นทั้งที่ปราศจากหลักฐานและข้อพิสูจน์ใดๆมารองรับ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้
ผมจึงกล่าวว่าผู้ที่เสียหายที่สุดจากการออกแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ใน
ครั้งนี้ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์เอง
อ่านคำแถลงฉบับนี้แล้วยิ่งรู้สึกว่าคำ
ปราศรัยของนายกรัฐมนตรีที่มองโกเลียเป็นการพูดความจริงที่เป็นประโยชน์ต่อ
ประชาคมโลก ที่ทำให้เกิดความเข้าใจต่อปัญหาที่เป็นจริงของประชาธิปไตยไทย
รวมทั้งเห็นความจำเป็นที่จะต้องสร้างและพัฒนาประชาธิปไตยร่วมกันต่อไป
ขณะเดียวกัน
ก็ยิ่งเห็นว่าดีแล้วที่เป็นนายกฯยิ่งลักษณ์ไปปราศรัยที่มองโกเลีย
ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์
เพราะถ้าเป็นคุณอภิสิทธิ์ไปปราศรัยในเวทีประชาธิปไตยอย่างนี้
คนไทยทังประเทศคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
by
Boonyisa
9 พฤษภาคม 2556 เวลา 16:45 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น