แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

FB จาตุรนต์ โพสต์จวก ปชป.ขนานแท้แถลงการณ์ที่สูญเปล่า

ที่มา Voice TV

 FB จาตุรนต์ โพสต์จวก ปชป.ขนานแท้แถลงการณ์ที่สูญเปล่า


จาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์เฟซบุ๊ก จวกพรรคประชาธิปัตย์ ออกแถลงการณ์กรณีนายกฯปาฐกถาที่มองโกเลีย เป็นแถลงการณ์ที่สูญเปล่า : ประชาธิปัตย์ขนานแท้จริงจริง ตอกย้ำข้อพิสูจน์มีความพยายามขัดขวางทำลายประชาธิปไตยในประเทศตามที่นายก รัฐมนตรีระบุจริง



เฟซบุ๊ก นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก  Chaturon Chaisang  โดยระบุข้อความดังนี้ 
 
" แถลงการณ์ที่สูญเปล่า : ประชาธิปัตย์ขนานแท้จริงจริง " 
 
อ่านแถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ต่อกรณี ปาฐกถามองโกเลียแล้ว บอกได้ตามตรงว่าไม่ผิดคาดเลย ประชาธิปัตย์ยังไงก็เป็นประชาธิปัตย์อยู่นั่นแหละ
 
 
แถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ฉบับนี้ไม่น่าจะ ทำความเสียหายให้เกิดแก่นายกรัฐมนตรีแต่เท่าใด ถ้าจะเกิดความเสียหาย ก็คงจะเป็นความเสียหายต่อประเทศชาติ ซึ่งก็ยังน้อยกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์เคยทำมาก่อนหน้านี้มากนัก ผู้ที่เสียหายมากที่สุดจากการออกแถลงการณ์ฉบับนี้น่าจะได้แก่พรรคประชา ธิปัตย์และผู้นำพรรคคือคุณอภิสิทธิ์นั่นเอง
 
 
แถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ฉบับนี้มุ่งตอบ โต้นายกรัฐมนตรี แต่คำกล่าวหาต่างๆก็ไม่มีอะไรใหม่และไม่มีน้ำหนัก เป็นเพียงคำกล่าวหาเดิมๆที่พรรคประชาธิปัตย์ชอบใช้โจมตีนายกรัฐมนตรีเป็น ประจำ โดยไม่ได้อิงหลักประชาธิปไตยหรือหลักนิติธรรมแต่อย่างใด ที่น่าแปลกและไม่ทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์จะนึกถึงหรือรู้ตัวหรือไม่ก็คือ แถลงการณ์ฉบับนี้ได้ตอกย้ำและเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่า ปาฐกถามองโกเลียของนายกรัฐมนตรีนั้นถูกต้องและเป็นความจริงอย่างแน่ชัดแล้ว
 
 
ทำไมผมจึงพูดอย่างนั้น
 
 
แถลงการณ์ฉบับนี้ได้แสดงให้ชาวโลกเห็นว่า มีผู้ไม่เชื่อในประชาธิปไตย ผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อการพัฒนาประชาธิปไตย และพยายามขัดขวางทำลายประชาธิปไตยอยู่ในประเทศไทยตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าว ไว้จริงๆ และตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ พรรคประชาธิปัตย์กับคุณอภิสิทธิ์นั่นเอง
 
 
แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ได้แก้ต่างและ สร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหารในปี2549อย่างไม่ละอายเลยแม้แต่น้อย พรรคประชาธิปัตย์พูดถึงปัญหาต่างๆของบ้านเมืองก่อนการรัฐประหาร เช่น ปัญหาคอรัปชั่น ความขัดแย้งในสังคม และปัญหาการแทรกแซงองค์กรอิสระเป็นต้น ในทำนองเดียวกันกับที่คณะรัฐประหารเคยกล่าวอ้างเกือบจะทุกประการ แล้วก็พูดถึงการที่"ฝ่ายทหารเข้าแทรกแซง"อย่างนิ่มๆเรียบๆ แบบที่ไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไรเลย
 
 
นี่เท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ได้ย้ำทัศนคติ ของตนที่ว่า หากบ้านเมืองมีปัญหา การรัฐประหารก็สามารถเป็นทางออกที่ชอบธรรมได้ ทัศนคติอย่างนี้เป็นเรื่องตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตยที่คนทั่วโลกเข้าใจ กัน
 
 
ต้องย้ำว่าฝ่ายประชาธิปไตยนั้นถือว่า ไม่ว่าบ้านเมืองที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจะมีปัญหาอย่างไร ก็ไม่สามารถใช้ปัญหาเหล่านั้นเป็นเหตุผลให้เกิดความชอบธรรมในการรัฐประหาร ได้
 
 
ความจริงถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะใช้คำอธิบาย ที่คุณอภิสิทธิ์เคยใช้ อธิบายการรัฐประหารหลังเกิดการรัฐประหารใหม่ๆมาขยายความอีกสักหน่อยก็จะยิ่ง ทำให้ผู้อ่านเข้าใจจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ดียิ่งขึ้น คือควรจะบอกด้วยว่า "การรัฐประหารนั้นเป็นเผด็จการแต่เพียงรูปแบบ แต่เนื้อหาเป็นประชาธิปไตย" และ "การรัฐประหารเป็นการถอยหลังเพียงชั่วคราวเพื่อให้ประชาธิปไตยก้าวหน้าต่อ ไป" อะไรทำนองนี้
 
 
ที่ว่าแถลงการณ์ฉบับนี้ทำความเสียหายต่อ ประเทศชาติ ก็อยู่ตรงที่ไปแสดงให้ชาวโลกเขาเห็นว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่เก่าแก่ที่ สุด ที่เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งเป็นรัฐบาลมาหยกๆ ไม่มีสำนึกที่เป็นประชาธิปไตย และจะออกแถลงการณ์ถึงประชาคมโลกทั้งที กลับไม่เสนออะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างหรือพัฒนาประชาธิปไตยได้บ้าง เลย
 
 
นอกจากรับรองความชอบธรรมของการรัฐประหาร อย่างเป็นทางการต่อชาวโลกแล้ว แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ยังรับรองหรือแม้กระทั่งเชิดชูมรดกที่คณะรัฐ ประหารมอบไว้ให้แก่ประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญหรือการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในทางที่ไม่เป็น ประชาธิปไตยและขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
 
 
พรรคประชาธิปัตย์พูดรับรองรัฐธรรมนูญโดยไม่ ได้พูดถึงที่มาและผู้ร่าง พูดถึงการลงประชามติโดยไม่พูดถึงสภาพบังคับ บีบคั้น และไม่มีทางเลือกของประชาชน
 
 
เมื่อพูดถึงการพ้นจากตำแหน่งของนายก รัฐมนตรี 2 คนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนก็ให้ข้อมูลไม่ครบ จงใจไม่พูดถึงสาระสำคัญ เช่น เมื่อพูดถึงการที่นายสมัคร สุนทรเวชต้องพ้นจากตำแหน่งจากการกระทำซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้บอกว่าการกระทำนั้นคือการทำกับข้าวออกทีวี
 
 
เมื่อพูดถึงการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคพลังประชาชนถูกยุบในข้อหาทุจริตในการเลือกตั้ง ก็ไม่ได้บอกว่าเหตุที่ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทั้งรัฐบาลต้องล้มไป คือการทุจริตในการเลือกตั้งที่ว่านั้น เกิดจากการที่กกต.เชื่อว่ากรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งจ่ายเงินให้แก่ผู้สนับ สนุนรายหนึ่งเป็นเงิน 20,000 บาท หรือประมาณ 600 เหรียญสหรัฐก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง
 
 
ข้อมูลที่ตกไปและผมช่วยเติมให้นี้ ใครๆเขาก็รู้กันทั่วโลกมานานแล้ว ลองนึกดูเถิดครับว่า เมื่อผู้ที่เขาติดตามความเป็นไปของเมืองไทยได้อ่านแถลงการณ์ของพรรคประชาธิ ปัตย์แล้ว เขาจะรู้สึกอย่างไรกัน
 
 
พรรคประชาธิปัตย์ได้อธิบายเช่นเดียวกับที่ คุณอภิสิทธิ์มักอธิบายอยู่บ่อยๆเช่นกันว่า เป็นการสมควรและชอบธรรมแล้วที่นายกรัฐมนตรี 3 คนพ้นจากตำแหน่งไป ทั้งๆที่นายกรัฐมนตรี 3 คนนั้นต่างก็มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และต้องพ้นจากตำแหน่งไปไม่ด้วยการรัฐประหาร ก็ด้วยการใช้อำนาจที่คณะรัฐประหารได้มอบให้ไว้
 
 
แถลงการณ์ฉบับนี้จึงไม่ใช่การแสดงถึงการที่ พรรคประชาธิปัตย์ยืนหยัดต่อหลักการว่าด้วยเสรีประชาธิปไตยอย่างที่อวดอ้าง แต่เป็นการแสดงให้เป็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อถือหลักประชาธิปไตย และยังเป็นพลังต่อต้านประชาธิปไตยด้วย
 
 
พรรคประชาธิปัตย์ยังได้ทำลายภาพพจน์ของ ประเทศไปพร้อมกับการแสดงความบ้องตื้นและการไม่รับผิดชอบของผู้นำของตน ด้วยการอธิบายเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรีว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นการชุมนุมที่ขัดต่อกฎหมาย นำโดยพวกก่อการร้ายและกองกำลังติดอาวุธ ประชาชนและเจ้าหน้าที่บาดเจ็บล้มตายล้วนเกิดจากการกระทำของพวกก่อการร้ายและ กองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ทั้งสิ้น ทั้งๆที่การพิสูจน์พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรื่อยมากลับไม่พบผู้ก่อ การร้าย ไม่พบกองกำลังติดอาวุธ แต่กลับพบว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตรายแล้วรายเล่าเกิดจากการกระทำ ของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้น
 
 
พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์ไม่เคยแสดง ความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง และในการออกแถลงการณ์ต่อชาวโลกก็ยังยืนยันที่จะไม่แสดงความรับผิดชอบ หรือแม้แต่จะแสดงความเสียใจใดๆ มีแต่โยนความผิดให้ผู้อื่นทั้งที่ปราศจากหลักฐานและข้อพิสูจน์ใดๆมารองรับ
 
 
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผมจึงกล่าวว่าผู้ที่เสียหายที่สุดจากการออกแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ใน ครั้งนี้ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์เอง 
 
 
อ่านคำแถลงฉบับนี้แล้วยิ่งรู้สึกว่าคำ ปราศรัยของนายกรัฐมนตรีที่มองโกเลียเป็นการพูดความจริงที่เป็นประโยชน์ต่อ ประชาคมโลก ที่ทำให้เกิดความเข้าใจต่อปัญหาที่เป็นจริงของประชาธิปไตยไทย รวมทั้งเห็นความจำเป็นที่จะต้องสร้างและพัฒนาประชาธิปไตยร่วมกันต่อไป
 
 
ขณะเดียวกัน ก็ยิ่งเห็นว่าดีแล้วที่เป็นนายกฯยิ่งลักษณ์ไปปราศรัยที่มองโกเลีย ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์ เพราะถ้าเป็นคุณอภิสิทธิ์ไปปราศรัยในเวทีประชาธิปไตยอย่างนี้ คนไทยทังประเทศคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
 
 
Source :  Facebook // Chaturon Chaisang 
9 พฤษภาคม 2556 เวลา 16:45 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น