แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ลาวเดินหน้าทำ single-visa ร่วมกับไทยและกัมพูชา

ที่มา Voice TV




Asean Review ประจำวันที่ 13 พฤษภาคม 2556 
 
- ลาวเดินหน้าทำ single-visa ร่วมกับไทยและกัมพูชา
- WHO เผยกัมพูชาจะกลายเป็นประเทศปลอดเอดส์ในอนาคต
- "ซูจี" ยืนยันรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันต้องแก้
 
 
ลาวเดินหน้าทำ single-visa ร่วมกับไทยและกัมพูชา
ทางการลาวออกมายืนยันว่า การประสานความร่วมมือกับรัฐบาลไทย และกัมพูชา เพื่อดำเนินการเรื่อง single-visa ไม่ได้ทำให้รัฐบาลลาว สูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าจากชาวต่างชาติ เหมือนที่หลายฝ่ายเข้าใจแต่อย่างใด แต่ในทางตรงกันข้าม กลับช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางมายังลาวมากขึ้น เพราะพวกเขาสามารถขอวีซ่าที่ประเทศไทย หรือกัมพูชาได้ ก่อนที่จะเดินทางมายังลาว ซึ่งเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงลาว ทางการลาวก็จะเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าที่จุดตรวจคนเข้าเมือง ส่วนทางการไทยหรือกัมพูชา ที่เป็นผู้ออกวีซ่าที่ต้นทางนั้น ก็จะเก็บเพียงค่าธรรมเนียมในการให้บริการเท่านั้น
 
 
การออกวีซ่าในลักษณะดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่ไทยและกัมพูชาได้ทำข้อตกลงร่วมกัน และอนุญาตให้นักท่องเที่ยวขอวีซ่าแบบ single-visa ได้ ไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่ไทยหรือกัมพูชาก็ตามเมื่อปีที่ผ่านมา ถือเป็นการนำร่องประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศอื่นๆ เนื่องจากการออกวีซ่าแบบ single-visa นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางปฏิบัติ ที่กลุ่มอาเซียนต้องมีร่วมกันในการรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 นี้
 
 
WHO เผยกัมพูชาจะกลายเป็นประเทศปลอดเอดส์ในอนาคต
องค์การอนามัยโลกหรือ WHO เปิดเผยว่า กัมพูชาเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ พร้อมคาดการณ์ว่า ภายในปี 2563 กัมพูชาจะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลงได้ โดยจะเห็นได้จากอัตราการติดเชื้อ HIV ของชาวกัมพูชาลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในปี 2541 จำนวนผู้ติดเชื้อ HIV ของชาวกัมพูชาอายุระหว่าง 15-49 ปี อยู่ที่ร้อยละ 1.7 ขณะที่ในปี 2555 ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเหลือเพียงร้อยละ 0.7 เท่านั้น ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า ชาวกัมพูชาในรุ่นถัดไป จะเติบโตมาในสังคมที่ปลอดจากโรคเอดส์
 
 
ปัจจุบัน มีชาวกัมพูชา 75,000 คน ที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ โดยในปี 2554 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 1,000 คน แตกต่างจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 15,500 คน ซึ่งการลดลงของผู้ติดเชื้อดังกล่าวเป็นผลมาจาก ความพยายามของรัฐบาลในการรณรงค์ป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาคุณภาพในการเข้าถึงยาต้านเชื้อไวรัส HIV ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ
 
 
"ซูจี" ยืนยันรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันต้องแก้    
นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในเมียนมาร์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า รัฐธรรมนูญของเมียนมาร์เป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไขยากที่สุดฉบับหนึ่งของโลก แต่อย่างไรก็ตาม เธอมีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ให้ได้ โดยเน้น 3 ปัจจัยหลัก นั่นก็คือ การเปลี่ยนแปลงบทบาททางการเมืองของกองทัพเมียนมาร์  การเพิ่มความแข็งแกร่งของระบอบสหพันธรัฐ และ การปฏิรูประบบตุลาการ แต่นางซูจีไม่ได้กล่าวถึงการแก้ไขมาตราที่ห้ามมิให้ชาวเมียนมาร์ ที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ เข้ามาลงสมัครรับตำแหน่งประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีเมียนมาร์แต่อย่างใด โดยระบุแต่เพียงว่า เธอไม่ต้องการคาดการณ์ในเรื่องของอนาคต และยังไม่พร้อมที่จะพูดเรื่องนี้ในตอนนี้
 
 
ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญของเมียนมาร์นั้น ต้องอาศัยคะแนนเสียงรับรองของส.ส.ในสภามากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งปัจจุบัน เสียงส่วนใหญ่ในสภาเป็นของพรรค USDP พรรคต้นสังกัดของพลเอกเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ และยังเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยอดีตรัฐบาลเผด็จการทหารอีกด้วย
13 พฤษภาคม 2556 เวลา 11:38 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น