14 พฤศจิกายน 2555 - นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ได้ลงนามในหนังสือบันทึกความเห็ นและข้อเสนอแนะคณะกรรมการปฏิรู ปกฎหมาย 2 เรื่อง ได้แก่ ร่างพ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ ามพรมแดน พ.ศ. ....และร่างพ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติ การตามความตกลงว่าด้ วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่ งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคแม่ น้ำโขงตอนบน) เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้ แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา โดย คปก.ได้ศึกษาพิจารณาร่างพ.ร.บ. ทั้งสองฉบับในคราวเดียวกัน ซึ่งเห็นควรให้มีการปรับปรุงร่ าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับ
โดยในร่าง พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ ามพรมแดน พ.ศ.
....คปก.ตั้งข้อสังเกต 3 ประเด็นหลัก คือ กรณีการลงโทษซ้ำ
ซึ่งกำหนดไว้ในร่างมาตรา 10(3) คปก.เห็นว่า ในกรณีที่มีการกระทำความผิ ดตามกฎหมายไทยและกฎหมายต่ างประเทศซึ่งฐานความผิดของแต่ ละประเทศกำหนดไว้ต่างกัน หรือผิดตามกฎหมายอื่ นโดยกฎหมายของประเทศภาคี หรือกฎหมายของไทยอาจกำหนดแตกต่ างกัน รัฐบาลประเทศภาคีอาจร้องขอให้ส่ งตัวบุคคลดังกล่าวเพื่อมาดำเนิ นคดีตามฐานความผิดหรือกฎหมายอื่ นของประเทศภาคีได้ ประเด็นถัดมา ในการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ เมื่อพิจารณาตามหลักกฎหมายระหว่ างประเทศแผนกคดีอาญาแล้วเห็นว่า การกำหนดมาตรา 8 ของร่างพ.ร.บ. ซึ่งระบุว่า “ให้เจ้าหน้าที่ของรั ฐบาลประเทศภาคีตามความตกลงที่ ดำเนินพิธีการในพื้นที่ควบคุมร่ วมกันในราชอาณาจักรเป็นเจ้าพนั กงานตามประมวลกฎหมายอาญา” ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่ างประเทศแผนกคดีอาญา อีกทั้งการจะให้ความคุ้มครองแก่ เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศภาคี ตามความตกลงที่ดำเนินพิธี การในพื้นที่ควบคุมร่วมกั นในราชอาณาจักรก็ไม่เป็ นไปตามเอกสิทธิและความคุ้มกั นตามรัฐธรรมนูญ และสิทธิพิเศษของบุ คคลตามกฎหมายระหว่ างประเทศกำหนดไว้
ประเด็นต่อมา หากกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรั ฐบาลประเทศภาคีฯ เป็น “เจ้าพนั กงานตามประมวลกฎหมายอาญา” จะเกี่ยวพันเรื่องสิทธิ หน้าที่ และความรับผิด ทั้งนี้ หากโทษตามกฎหมายไทยกำหนดไว้สู งกว่าประเทศภาคี มีประเด็นซึ่งต้องพิจารณาเช่นกั นว่ารัฐบาลประเทศภาคีจะยอมรั บหรือไม่
นอกจากนี้ การนำความตกลงระหว่ างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิ ปไตยประชาชนลาวให้มีการตั้งด่าน ที่ด่านพรมแดนมุกดาหาร (สะพานมิตรภาพ 2) และด่านสากลขัวมิตรภาพแขวงสะหวั นนะเขต ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้ เฉพาะระหว่ างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิ ปไตยประชาชนลาวมากำหนดหลักเกณฑ์ ในร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ เจตนารมณ์ของผู้ร่างต้องการให้ มีผลใช้บังคับกับทุกพื้นที่ ไม่ได้รองรับเฉพาะความตกลง CBTA เท่านั้น แต่รวมถึงความตกลงอื่นที่รั ฐบาลไทยอาจไปทำกับรั ฐบาลประเทศอื่นในภายหน้า หากกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวไว้ ในร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดมารับรองว่ารั ฐบาลประเทศอื่นๆ ซึ่งประเทศไทยจะไปทำความตกลงด้ วยจะเห็นชอบกับหลักเกณฑ์ดังกล่ าวและจะกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ ทำนองเดียวกับที่ ประเทศไทยทำความตกลงกับสาธารณรั ฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
อย่างไรก็ตาม บางกรณีทรัพย์สินที่ได้ จากการกระทำความผิดเกี่ยวกั บการขนส่งข้ามพรมแดน อาจมีกรณีการลักลอบขนส่งสัตว์ป่ า หรือโบราณวัตถุซึ่งมีแหล่งที่ มาในประเทศไทยหรือประเทศภาคีอื่ น ดังนั้นการที่กฎหมายได้เปิดช่ องให้เจ้าหน้าที่ของรั ฐบาลไทยได้ใช้ดุลพินิจหากเจ้ าหน้าที่ของรัฐบาลไทยใช้ดุลพินิ จไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิ ดความเสียหายต่อประเทศไทยได้เช่ นกัน ส่วนประเด็นเรื่องการส่งผู้ร้ ายข้ามแดนในร่างมาตรา 10 และ มาตรา 11นั้น คปก.มีข้อสังเกต2 ประการ ได้แก่ 1.การส่งตัวผู้ต้องหาหรือบุ คคลซึ่งกระทำความผิด ควรให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การส่ งผู้ร้ายข้ามแดน และ 2.การพิจารณาเรื่องการส่งผู้ต้ องหาหรือบุคคลซึ่งกระทำความผิด ควรคำนึงถึงการให้ความคุ้ มครองบุคคลสัญชาติไทยเป็นกรณีพิ เศษมากกว่าบุคคลสัญชาติอื่นด้วย
สำหรับร่างพ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติ การตามความตกลงว่าด้ วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่ งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคแม่ น้ำโขงตอนบน) เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกั บการนำเข้าส่งออกโดยเฉพาะจึ งจำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์ และรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน ซึ่ง คปก.เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมถ้ อยคำในร่างมาตรา 37 สัตตรส จากเดิม “ให้กรมศุลกากรมีอำนาจในทางศุ ลกากรทั้งปวงในพื้นที่ควบคุมร่ วมกันเช่นเดียวกับในเขตศุลกากร” เป็น “ให้กรมศุลกากรมีอำนาจในทางศุ ลกากรทั้งปวงในพื้นที่ควบคุมร่ วมกันและพื้นที่ ตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ ยวกั บการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ ามพรมแดนเช่นเดียวกับในเขตศุ ลกากร” เพราะร่างพ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ ามพรมแดนฯ กำหนดเขตพื้นที่ควบคุมร่วมกั นไว้กว้างกว่า ทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในเขตศุ ลกากรเท่านั้นอาจไม่ครอบคลุ มกรณีที่มีความตกลงเพิ่มเติ มขยายเขตพื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้ าที่ศุลกากรไปปฏิบัติหน้าที่ ในเขตพื้นที่นั้นได้
สำหรับเรื่องทรัพย์สินที่ได้ จากการกระทำความผิดเกี่ยวกั บการขนส่งข้ามพรมแดน และการลงโทษซ้ำ ในร่างมาตรา 37 เอกูนวีสติ (3) คปก.เห็นชอบให้มีการเพิ่มเติมข้ อความในวรรคหนึ่ง โดยเพิ่ม “เว้นแต่จะมีความตกลงเป็นอย่ างอื่น...” เข้ามา เพื่อรองรับความตกลงซึ่งรั ฐบาลไทยอาจทำกับรั ฐบาลของประเทศต่างๆ ซึ่งอาจไม่เห็นชอบกับหลักเกณฑ์ ในร่างมาตรา 37 เอกูนวีสติ ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนิ นการในกรณีที่มีการกระทำความผิ ดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่พนั กงานศุลกากรตรวจพบในพื้นที่ ควบคุมร่วมกัน ส่วนประเด็นการส่งผู้ร้ายข้ ามแดน คปก.มีความเห็นทำนองเดียวกันกั บร่างพ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ ามพรมแดนฯ เนื่องจากได้นำหลักเกณฑ์ของพ.ร. บ.ดังกล่าว มากำหนดหลักเกณฑ์ให้สอดคล้ องโดยมีการปรับเปลี่ยนถ้ อยคำบางคำให้ใช้เฉพาะกับเรื่ องที่เกี่ยวกับศุลกากร
ดาวน์โหลด:
โดยในร่าง พ.ร.บ.
ประเด็นต่อมา หากกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรั
นอกจากนี้ การนำความตกลงระหว่
อย่างไรก็ตาม บางกรณีทรัพย์สินที่ได้
สำหรับร่างพ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติ
สำหรับเรื่องทรัพย์สินที่ได้
ดาวน์โหลด:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น