แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สร้างเขื่อน สร้างความไม่เป็นธรรม

ที่มา ประชาไท

 

นอกเหนือจากปัญหาเรื่องการจัดการป่าไม้ที่ดินที่เป็นปัญหาเรื้อรังของ สังคมไทยมานานแล้ว  ปัญหาเรื่องการจัดการน้ำก็ยังคงเป็นปัญหายืดเยื้อเรื้อรังอีกเรื่องหนึ่ง  จนหลายคนพูดว่าขบวนการต่อสู้ของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ในเรื่องนี้เป็นมหา กาพย์ยาวๆ ได้หลายเรื่องเลยทีเดียว  ประเด็นขัดแย้งที่สำคัญประเด็นหนึ่งในเรื่องของการจัดการน้ำคือการสร้าง เขื่อน    ซึ่งมีหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ เช่น กรมชลประทาน  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  เป็นต้น  หน่วยงานเหล่านี้สามารถสร้างค่านิยมให้คนไทยเชื่อได้ว่าการสร้างเขื่อนเป็น คำตอบสุดท้ายและเป็นคำตอบที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดการน้ำ  โดยเฉพาะเมื่อเกิดภาวะวิกฤตไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมหรือน้ำแล้ง    
การโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลในเรื่องการสร้างเขื่อน  ที่สร้างภาพฝันให้เห็นว่าถ้าสร้างเขื่อนแล้วจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วม  น้ำแล้ง  จะสามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร  จะเพิ่มความมั่นคงในระบบอุตสาหกรรม สร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของต่างชาติ   อันจะนำมาสู่ความมั่งคั่งของประเทศชาติ  ประชาชน
แต่รัฐบาลไม่เคยพูดถึงคนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนไม่ว่าจะเป็น เขื่อนภูมิพล  เขื่อนสิริกิตติ์  เขื่อนอุบลรัตน์  เขื่อนสิรินธร  เขื่อนศรีนครินทร์  ฯลฯ ไม่เคยมีการติดตามสอบถามว่าคนเหล่านั้นอยู่กินกันอย่างไร  ได้รับผลประโยชน์จากการสร้างเขื่อนแค่ไหน   แม้กระทั่งมีการร้องเรียน  มีการประท้วงอยู่มากมายแต่รัฐบาลก็ไม่เคยให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาดัง กล่าวอย่างจริงจัง  ไม่เคยแม้จะเปิดเผยและยอมรับข้อมูลความเดือดร้อนที่เป็นจริง  หนำซ้ำหน่วยงานของรัฐบางหน่วยงานยังใส่ร้ายป้ายสีกลุ่มชาวบ้านที่ออกมา เรียกร้องอีกด้วย  เช่น ช่วยเหลือไปมากมายแล้วไม่รู้จักพอ  ชาวบ้านไม่ได้เดือดร้อนจริง  เป็นต้น
ต่อมาในสมัยรัฐบาลอานันท์  ปันยารชุน  ยังได้มีการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยาการน้ำ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่กำหนดเรื่องการจ่ายค่าชดเชยว่า  
กรณีโครงการขนาดเล็ก   ไม่ต้องมีการจ่ายค่าชดเชย
กรณีโครงการขนาดกลาง จ่ายค่าชดเชยที่ดินเพียงอย่างเดียว
กรณีโครงการขนาดใหญ่ นอกจากจ่ายค่าชดเชยที่ดินแล้วยังต้องจัดหาที่ดินรองรับการอพยพด้วย
เรื่องนี้ดูง่าย ๆเหมือนจะเป็นธรรม  แต่ถ้าลองดูรายละเอียดจริง ๆ ในโครงการขนาดเล็กเช่น เขื่อนห้วยละห้าของยายไฮ  ขันจันทา  ไม่สามารถจ่ายค่าชดเชยได้เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็กทั้งที่น้ำท่วมที่ทำ กินแกหมด   แล้วด้วยสาเหตุอะไรที่แกไม่ควรจะได้ชดเชย  และถ้าว่ากันตรงไปตรงมาสิ่งที่ยายไฮควรจะได้รับไม่ใช่เป็นค่าชดเชย  แต่ต้องเป็นการชดใช้ความเสียหายเพราะแกไม่ได้ยินยอม  แต่สุดท้ายสิ่งที่ออกมาคือกลายเป็นการช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรมเพียงเท่า นั้น
คนที่ต้องการให้สร้างเขื่อนนึกถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง  นึกถึงแต่ความเสียหายที่ตัวเองจะได้รับ  แต่ไม่เคยคิดถึงคนที่จะต้องเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน  ไม่เคยสนใจว่าคนที่ถูกน้ำท่วมจะกินจะอยู่อย่างไร  ผมอยากให้คนที่ต้องการสร้างเขื่อนออกไปดูบ้างว่าคนที่ได้รับผลกระทบจากการ สร้างเขื่อนเขาอยู่เขากินกันอย่างไร  สิ่งที่รัฐบาลจ่ายให้เขาไปนั้นมันคุ้มค่า  มันเป็นธรรมหรือไม่อย่างไร  ไม่ใช่เอาแต่จะได้อย่างเดียว  
ในสังคมที่เราเรียกร้องความเป็นธรรม  ไม่เอาสองมาตรฐาน  เราก็ควรจะมาช่วยคิดด้วยว่าการสร้างเขื่อนที่เป็นธรรมควรจะต้องทำอย่างไร      สมมติว่าถ้าต้องการให้สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น  ก็ต้องมาดูว่าใครบ้างที่จะได้รับประโยชน์และได้รับประโยชน์เท่าไร  ถ้าคิดตลอดการใช้งานของเขื่อนแก่งเสือเต้น  เขาจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเท่าไร  และเขาจะจัดสรรผลประโยชน์นั้นให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมอย่างไร  ไม่ใช่จะมาจ่ายเงินชดเชยแค่ครั้งเดียวแล้วก็จบไปปล่อยให้ชาวบ้านไปผจญชะตา กรรมเอาเอง  ที่สำคัญคือเงินค่าชดเชยก็ไม่เป็นธรรมอีกด้วย  และค่าชดเชยที่เป็นธรรมต้องไม่ใช่แค่เอาเงินไปฟาดหัวเท่านั้น  แต่ต้องคิดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างถาวรและไม่มีวันกลับคืนมาได้อีก
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่อ้างว่ามาจากฝ่ายประชาชนที่รักความเป็นธรรม  ไม่เอาสองมาตรฐาน   ควรจะต้องคิดคำนึงถึงเรื่องนี้ให้รอบคอบรอบด้านและรับฟังเสียงของคนที่จะได้ รับผลกระทบให้มากกว่านี  ไม่ใช่จะดันทุรังสร้างเพียงอย่างเดียว  เพราะหากยังคงดำเนินการในแบบเดิมต่อไปการสร้างเขื่อนก็จะกลายเป็นการสร้าง ความไม่เป็นธรรมในสังคมยิ่งขึ้นไปอีก

หมายเหตุ : ข้อเขียนนี้ไม่ได้ต้องการโต้เถียงในเรื่อง ระบบนิเวศ  ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ  การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้จริงหรือไม่  และไม่ได้เป็นข้อเสนอใด ๆ จากชาวบ้านว่าต้องการแบบนี้  แต่เป็นมุมมองของผู้เขียนเองที่ต้องการชี้ให้เห็นถึงความเป็นสองมาตรฐาน  เป็นการเลือกปฎิบัติจากรัฐบาลที่อ้างว่าไม่เลือกปฎิบัติ  ไม่เอาสองมาตรฐาน  เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น