นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย
กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมเซ็นคำสั่งถอดยศนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
และผู้นำฝ่ายค้าน
รวมทั้งให้เรียกคืนเบี้ยหวัดบำนาญในกรณีการใช้เอกสารเท็จในการสมัครเข้ารับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจปร.ว่า
เรื่องนี้ประชาชนได้ให้ความสนใจรวมทั้งสังคมก็ติดตามอย่างใกล้ชิดว่าอดีตผู้นำประเทศและเป็นผู้นำฝ่ายค้านในปัจจุบันนั้น
มีการใช้เอกสารเท็จจริงจริงหรือไม่
ซึ่งเมื่อกระทรวงกลาโหมเซ็นคำสั่งให้ถอดยศและเรียกคืนเบี้ยวหวัดบำนาญนั้น
แม้ว่าทางคดีอาญาจะหมดอายุความไปแล้วแต่เรื่องทางวินัยยังคงมีอยู่คือการปลดออกหรือให้ออก
ดังนั้นตรงนี้จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติการเป็นส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ด้วยว่า
ยังมีคุณสมบัติที่จะเป็นส.ส.อยู่หรือไม่นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า
ตนมองว่าเรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองและทางจริยธรรม
โดยอยากให้นายอภิสิทธิ์แสดงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำและความเป็นนักการเมืองอาชีพ
เหมือนกับที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เคยถูกพรรคประชาธิปัตย์ตรวจสอบ
ซึ่งแม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญและกกต.จะยังไม่มีคำตัดสินก็ตามแต่นายยงยุทธก็ได้สร้างบรรทัดฐานด้วยการลาออกจากตำแหน่ง
ดังนั้นเมื่อนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคที่เก่าแก่เกินกว่า 60 ปี และอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน
ก็น่าจะสร้างบรรทัดฐานให้กับคนรุ่นหลังเหมือนกับที่เคยประกาศไว้ว่า
ความรับผิดชอบทางการเมืองจะต้องมาก่อนความรับผิดชอบทางกฎหมาย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า
หากนายอภิสิทธิ์ยังไม่แสดงสปิริตด้วยการลาออก ตนก็อาจจะรวบรวมหลักฐาน
รวมถึงผลสอบของกระทรวงกลาโหมส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความถึงคุณสมบัติความเป็นส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ต่อไป
ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ต้องการเรียกร้องความผิดชอบจากคนที่เป็นถึงอดีตผู้นำประเทศ
ซึ่งหากนายอภิสิทธิ์ยังดื้อรั้นต่อไปก็อาจจะไม่สง่างาม
แล้วนายอภิสิทธิ์จะมองหน้าเด็กนักเรียนที่เรียนรด.ได้อย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น