18 พ.ย. 55 - เวลา 19.10 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการแถลงข่าวร่วมหลังการหารือทวิภาคีระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัค โอบามา และนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวาระที่ปธน. สหรัฐได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะเดินทางไปเยือนประเทศพม่าและกัมพูชาต่อในวันที่ 19- 20 พ.ย. นี้ โดยการแถลงข่าวดังกล่าว ผู้นำทั้งสองประเทศได้กล่าวถึงความร่วมมือที่จะขยายต่อไปในอนาคต ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน โดยเฉพาะความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิค หรือ ทีพีพี รวมถึงด้านความมั่นคงในภูมิภาค เช่น ความมั่นคงทางทะเล การค้ามนุษย์ และการก่อการร้าย
ประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบามา กล่าวว่า
เนื่องจากสหรัฐมีนโยบายที่หันเข้าหาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
การเดินทางมาเยือนประเทศไทยในฐานะที่เป็นพันธมิตรเก่าแก่จึงมีความสำคัญมาก
โดยในปีนี้นับเป็นปีที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 180
ปีและความร่วมมือด้านการทหารเกือบ 60 ปี
โดยเฉพาะการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่จะสร้างโอกาสและงานให้กับ
ชาวอเมริกันและประชาชนในภูมิภาคนี้
ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่ง
ในโลก
"เมื่อเร็วๆ นี้ ประชาชนไทยได้ร่วมแรงเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตย
และเราชื่นชมกับความพยายามต่างๆ ที่ได้บรรลุขึ้น ก่อนหน้าในวันนี้
ผมได้เข้าพบกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผู้นำแห่งปัญญาและศักดิ์ศรีซึ่งเป็นศูนย์รวมของเอกลักษณ์และเอกภาพของชาติ
และวันนี้
ผมยินดีที่ได้มายืนเคียงข้างผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งของประเทศไทย
เพื่อเน้นย้ำความสำคัญของการยึดถือในประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล
นิติรัฐและหลักสิทธิมนุษยชนสากล
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้ง"
ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าว
ในด้านความร่วมมือระหว่างสองประเทศ
โอบามากล่าวถึงการร่วมฝึกทหารระหว่างทหารไทยและสหรัฐ
ซึ่งจะทำให้กองทัพของไทยมีความเข้มแข็งและมีความรับผิดชอบต่อกิจการต่างๆ
ในภูมิภาคนี้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงทางทะเล
การต่อต้านการก่อการร้าย การให้ความช่วยเหลือทางภัยพิบัติ
การป้องกันอาวุธทำลายล้างขนาดใหญ่ (Weapon of Mass Destruction)
และกล่าวชื่นชมที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมในความริเริ่มด้านความมั่นคงเกี่ยว
กับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (Proliferation Security
Initiative) ซึ่งจะสามารถสร้างความมั่นคงและสันติภาพในภูมิภาพนี้ได้
ส่วนทางด้านเศรษฐกิจ
เขากล่าวถึงการขยายช่องทางและโอกาสในการลงทุนและการค้า
โดยเฉพาะช่องทางของความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก (APEC)
และความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิค หรือ ทีพีพี (TPP)
ซึ่งมุ่งผลักดันการค้าเสรี ลดการกีดกันทางการค้า
ในด้านความร่วมมือด้านการพัฒนา และในวาระการครบรอบ 50
ปีของพีซคอร์ปในประเทศไทย ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่า
จะมุ่งพัฒนาในประเด็นสุขภาพสาธารณะและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในบริเวณแถมลุ่ม
แม่น้ำโขง เช่น การพัฒนาวีคซีนต้านเอชไอวี/เอดส์ การลักลอบค้ามนุษย์
และการปกป้องสิทธิของแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในประเทศไทยและชายแดนใกล้เคียง
เขากล่าวต่อว่า ประเทศไทย ในฐานะการกลายเป็นประเทศผู้บริจาค
จะสามารถทำงานร่วมกับสหรัฐอย่างใกล้ชิดในการแก้ปัญหาโรคมาลาเรียในบริเวณชาย
แดนไทย-พม่า รวมถึงการพัฒนาประชาธิปไตยและการปฏิรูปในพม่า
การให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่เห็นต่างกับรัฐบาลพม่า และผู้ลี้ภัยด้วย
และประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศร่วมก่อตั้งอาเซียน โอบามากล่าวว่า
หวังว่าประเทศไทยจะมีบทบาทสำคัญในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศ
กัมพูชา เพื่อพูดคุยถึงเรื่องประเด็นสำคัญๆ เช่นเรื่องความมั่นคงทางทะเล
และขอขอบคุณประเทศไทยสำหรับการสนับสนุนสหรัฐในการะประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย
ตะวันออกที่จะถึงนี้ด้วย
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเรื่องสถานการณ์ประชาธิปไตยในประเทศไทยที่ยังคง
มีนักโทษการเมือง และการปราบปรามผู้ชุมนุมเมื่อปี 2553
ว่าพึงพอใจหรือไม่กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์
ตอบว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องยึดลักษณ์ความเสถียรภาพของประชาธิปไตย
และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงหลักนิติรัฐและสันติวิธี
ในขณะที่ประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่า ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่ง
แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา
"สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
แต่เรา, ในฐานะพลเมือง, จำป็นต้องทำให้แน่ใจว่ามันครอบคลุมถึงทุกๆ คน
และให้แน่ใจว่าเสรีภาพที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ รวมถึงเสรีภาพในการแสดงออก
เสรีภาพในการนับถือศาสนาถูกยึดถือและนำไปปฏิบัติ ฉะนั้น
งานของประชาธิปไตยไม่เคยจบสิ้น สำหรับประเทศไทย
สิ่งที่คุณเห็นก็คือผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามประชาธิปไตย
เชื่อมั่นต่อประชาธิปไตย หลักนิติรัฐ เสรีภาพในการแสดงออก
เสรีภาพสื่อและการชุมนุม" โอบามากล่าว
"แต่ก็ชัดว่า, ซึ่งก็จริงทั้งในไทยและในสหรัฐ,
พลเมืองทุกคนต้องกระตือรือร้นและมันมักจะมีสิ่งที่ปรับปรุงได้เสมอๆ
และกระผมขอแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีต่อความตั้งใจของเธอที่มีต่อ
ประชาธิปไตย และการปฏิรูปหลายๆ
อย่างที่เธอจะทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งยิ่งขึ้น"
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเรื่องความร่วมมือกับประเทศไทย
โดยเฉพาะเรื่องความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิค โอบามากล่าวว่า
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและลงทุนเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับหนึ่งเนื่องจาก
เป็นการสร้างโอกาสและสร้างงานให้กับชาวสหรัฐและประชาชนในภูมิภาค
รวมถึงการเชื่อมช่องทางในการลงทุนเพื่อเป็นโอกาสให้นักธุรกิจสามารถใช้
ประโยชน์จากโอกาสที่จะเกิดขึ้น
เขายังกล่าวถึงความร่วมมือด้านความมั่นคง อาทิ
การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในภูมิภาคนี้
ที่ซึ่งภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
โดยเขาหวังว่าความร่วมมือระหว่างสองประเทศจะทำให้การให้ความช่วยเหลือเป็นไป
อย่างทันท่วงทีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทางด้านการพัฒนา
จะมุ่งเน้นด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์
และทำงานร่วมกันในฐานะประเทศที่ให้บริจาค
เพื่อพัฒนาบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงให้ดีและมั่นคงยิ่งขึ้น
ที่มาภาพทั้งหมด จาก เฟซบุ๊กทางการของนายกรัฐมนตรี Yingluck Shinawatra
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น