คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลาและองค์กรสิทธิฯ
แถลงประณามผู้ก่อเหตุยิงอิหม่ามอับดุลลาเต๊ะ โต๊ะเดร์ ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา
พร้อมเรียกร้องรัฐมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยต่อผู้นำศาสนา
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2555
คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลาและองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานด้านสิทธิ
มนุษยชนและการเข้าถึงความยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม (MAC) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF)
ศูนย์วัฒนธรรมอิสลามเพื่อการพัฒนา (PUKIS)
เครือข่ายผู้ช่วยทนายความมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้
(SPAN) เครือข่ายส่งเสริมสิทธิและเข้าถึงความยุติธรรม (HAP)
สมาคมสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสันติภาพ (Deep Peace)
เครือข่ายบัณฑิตอาสาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (IN south) และ
เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบในคดีความมั่นคง
ได้ร่วมกันแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุยิงนายอับดุลลาเต๊ะ
อิหม่ามมัสยิดบ้านอูเบง อำเภอยะหา
จังหวัดยะลาและเรียกร้องให้รัฐมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยต่อผู้นำศาสนา
นายอับดุลลาเต๊ะ อายุ 50 ปี ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2555
ที่ผ่านมา นอกจากมีตำแหน่งเป็นอีหม่ามมัสยิดบ้านอูเบงแล้ว
เขายังเป็นประธานชมรมอิหม่าม อ.ยะหา
เป็นครูสอนศาสนาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาใน อ.ยะหา
และคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ยะลาอีกด้วย เขาถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11
มม. บนถนนสายยะหา-กาบัง อ.ยะหา จ.ยะลา เหตุเกิดขณะที่นายอับดุลลาเต๊ะ
ได้ขับรถยนต์ออกจาก อ.ยะหา
เพื่อเดินทางไปรับภรรยาและบุตรสาวที่รักษาอาการหอบหืดอยู่ที่โรงพยาบาล
แต่เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นเวลากลางวัน ทั้งยังมีผู้คนพลุกพล่าน
บริเวณใกล้กับโรงพยาบาลพระยุพราชยะหา จังหวัดยะลาได้มีคนร้าย จำนวน 2 คน
ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมา จากนั้น
คนนั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ นายอับดุลลาเต๊ะ
ส่งผลให้รถเสียหลักตกลงข้างทาง เป็นเหตุให้นายอับดุลลาเต๊ะเสียชีวิต
ใบแถลงการณ์ของมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมและเครือข่าวระบุ
นายอับดุลลาเต๊ะ โต๊ะเดร์
ได้รับการแต่งตั้งจากเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศอ.บต.)
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาให้เป็นคณะกรรมการตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริงกรณี
เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านเสียชีวิต 5 รายในพื้นที่ม. 6
บ.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2555
ก่อนหน้านี้ นายอับดุลลาเต๊ะ
เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการประสานให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนและ
กฎหมายแก่ชาวบ้าน
และเป็นสมาชิกเครือข่ายชาวบ้านของมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม
ซึ่งถือว่านายอับดุลลาเต๊ะเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือสังคมตลอด
มา
“เหตุการณ์ลอบสังหารในครั้งนี้
ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกไม่เชื่อมั่นต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและ
ทรัพย์สินของประชาชนและมาตรการทางกฎหมายในการนำคนผิดมาลงโทษ” แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้
แถลงการณ์ได้ระบุด้วยว่าการที่คนร้ายมิได้มีความยำเกรงต่อกฎหมายย่อมทำให้
ผู้นำศาสนาในพื้นที่มีความรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตเพราะมีหลายเหตุการณ์ใน
ห้วงระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา
ที่ผู้นำด้านศาสนามักจะตกเป็นเป้าหมายในการถูกคุกคามหรือถูกลอบสังหาร
และการก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ยังทำให้เกิดผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อการ
แสวงหาวิธีการในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบโดยสันติวิธีในพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง
แถลงการณ์ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม
และองค์กรเครือข่ายขอแสดงความเสียใจต่อญาติพี่น้องและครอบครัวของผู้เสีย
ชีวิต
และประณามผู้ก่อเหตุและขอให้ทุกท่านได้ตระหนักต่อสิทธิของประชาชนผู้
บริสุทธิ์ในการใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
และเรียกร้องให้รัฐเร่งติดตามหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
รวมทั้งจัดให้มีมาตรการป้องกันความปลอดภัยต่อผู้นำศาสนาซึ่งเป็นผู้ที่
ประชาชนเคารพและศรัทธา เพื่อดึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐในการปกป้อง
และคุ้มครองประชาชนและสร้างค่านิยมของการไม่ใช้ความรุนแรงประหัตประหารต่อ
กัน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น