12 พ.ย. 55 - ในการประชุมครม.นัดพิเศษ ก่อนที่นายกรัฐมนตรี
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเดินทางไปอังกฤษ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ าการกระทรวงการคลัง
ได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เสนอวาระด่วน คือ ให้อนุมัติร่างกรอบเจรจาเอฟทีเอ
ไทย-สหภาพยุโรป เพื่อเร่งนำเข้าสู่การพิ จารณาของรัฐสภา
นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้ อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) ตั้งข้อสังเกตว่า เอฟทีเอระหว่างไทยกับสหภาพยุ โรปเป็นการจัดทำหนังสือสั ญญาระหว่างประเทศ ที่มีผลกระทบต่อความมั่ นคงทางเศรษฐกิจหรือสั งคมของประเทศอย่างกว้างขวาง มีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน และงบประมาณของประเทศอย่างมีนั ยสำคัญ เหตุใดรัฐบาลจึงทำอย่างลุกรี้ลุ กรน ทำไมจึงเสนอเป็นวาระจร โดยที่ไม่มีการขอความเห็นหน่ วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ อประกอบวาระ
“จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลโดยกรมเจรจาการค้าระหว่ างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ยังมิได้ดำเนินการถูกต้อง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวตามรั ฐธรรมนูญมิใช่เป็นอุปสรรคหรื อเป็นเรื่องยากอย่างไรทั้งสิ้น แต่เป็นการรับรองให้ การเจรจาการค้าเป็นประโยชน์กั บประเทศและสังคมในวงกว้างอย่ างแท้จริง โดยไม่ปล่อยให้ผลได้กระจุกอยู่ ในวงจำกัด แต่ผลเสียกระจายอย่างที่เคยเป็ นมา
ในความเป็นจริง กิจกรรมที่กรมเจรจาฯได้จัดขึ้ นในช่วงปี พ.ศ. 2553 แม้เป็นการรับฟังความคิดเห็ นจากประชาชน แต่ไม่ได้มีการให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น การออกความคิดเห็นของประชาชนจึ งไม่สามารถสะท้อนท่าทีของรั ฐบาลหรือเนื้ อหา
ในกรอบการเจรจาได้ นอกจากนี้การจัดประชุมกลุ่มย่อย หรือ โฟกัส กรุ๊ป
โดยกรมเจรจาฯ เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แม้มีการนำร่างท่าทีของทางกรมฯ
มาหารือ แต่ก็ไม่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็ นการรับฟังความเห็นประชาชน เนื่องจากเป็นการจัดลักษณะวงย่ อยเฉพาะกลุ่ม แจ้งล่วงหน้าอย่างกระชั้นชิด ที่สำคัญคือกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่ วนเสียสำคัญ เช่น ในประเด็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ ยังไม่ได้มีการหารือแต่อย่างใด
ดังนั้น หากรัฐบาลพิจารณาร่ างกรอบการเจรจาฯ และเสนอให้รัฐสภาพิจารณาโดยไม่ นำร่างดังกล่าว มารับฟังความคิดเห็นประชาชน ก็สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเข้ าข่ายการดำเนินการขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อรั ฐบาลเอง และประเทศชาติในที่สุด ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้ องทำอย่างเร่งด่วนที่สุดคื อการนำร่างกรอบการเจราฯ มาจัดรับฟังความคิดเห็นประชาชน ก่อนเสนอต่อรัฐสภา ซึ่งจะไม่ทำให้เสียเวลาแต่ ประการใด” ผู้ประสานงานกลุ่มเอฟทีเอ ว็อทช์กล่าว
ทางด้านนางสาวกรรณิการ์ กิจติเวชกุล นักวิจัยจากแผนงานพัฒนากลไกเฝ้ าระวังระบบยา (กพย.) กล่าวว่า เท่าที่ทราบมา ร่างกรอบเจรจาฯที่ครม.จะอนุมัติ วันนี้ เป็นเพียงกรอบกว้างๆ ซึ่งไม่สามารถป้องกันข้อห่ วงใยเรื่องผลกระทบจากการเข้าถึ งยาได้เลย
“ในร่างกรอบเจรจาฯ ใช้คำว่า ‘ให้ระดับการคุ้มครองทรัพย์สิ นทางปัญญาสอดคล้องกับระดับการคุ ้มครองตามความตกลงขององค์ การการค้าโลก และ/หรือความตกลงใด ๆ ที่ไทยเป็นภาคี’ โดยกรมเจรจาฯให้เหตุผลว่า เป็นไปตามกรอบการเจรจาอาเซียน- สหภาพยุโรปที่เคยผ่านความเห็ นชอบของรัฐสภา แต่ในการขยายความระหว่ างการประชุม อธิบดีกรมเจรจาการค้าฯขณะนั้น ยอมรับว่า ที่ระบุเช่นนี้แปลว่า อนุญาตให้เจรจาความตกลงที่เกิ นไปกว่าความตกลงทริปส์ได้ เพราะในความตกลงทริปส์ขององค์ การการค้าโลกเป็นมาตรการขั้นต่ำ จึงนับเป็นความสอดคล้อง ซึ่งมีเพียงตัวแทนสภาหอการค้ าฯที่มาจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ และพรีม่า ซึ่งเป็นสมาคมบริษัทยาข้ามชาติ ที่สนับสนุนอย่างแข็งขัน ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่ งชาติ (สช.) กรมทรัพย์สินทางปัญญา นักวิชาการ และภาคประชาสังคมต่างๆไม่เห็นด้ วย
“กรมเจรจาฯในฐานะเลขาฯฝ่ายเตรี ยมการเจรจา ไม่อ้างอิงความรู้และผลงานวิ ชา
การใดๆ ในการจัดทำท่าที และยังพยายามกีดกัน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.) และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความรู้ โดยตรงเข้าร่วมจัดทำท่าที แม้แต่ขณะที่เอาวาระเข้าครม. ยังไม่ยอมถามความเห็นหน่วยงานที ่เกี่ยวข้อง เพราะการศึกษาของสถาบันวิ ชาการหลายแห่งที่ให้ข้อมูลตรงกั นว่า ข้อผูกพันดังกล่าวเป็นการผู กขาดตลาดและส่งผลให้เกิดความเสี ยหายร้ายแรงต่อประเทศชาติ จากการศึกษานี้ชี้ชัดว่าค่าใช้ จ่ายด้านยาของประเทศจะเพิ่มขึ้ นทุกปีจากปกติที่เคยเป็น โดยในปีที่ 5 จะมีผลกระทบมากกว่า80,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสุดท้ายแล้ว จะส่งผลให้ประเทศต้องแบกภาระค่ าใช้จ่ายด้านยาเพิ่มขึ้นโดยไม่ จำเป็น และประชาชนจำนวนมากอาจไม่ สามารถเข้าถึงยาจำเป็นได้ เพราะรัฐบาลอาจไม่มีงบประมาณเพี ยงพอที่จะสนับสนุน และส่งผลถึงระบบสาธารณสุ ขของประเทศโดยรวมในที่สุด”
นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้
“จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลโดยกรมเจรจาการค้าระหว่
ในความเป็นจริง กิจกรรมที่กรมเจรจาฯได้จัดขึ้
ดังนั้น หากรัฐบาลพิจารณาร่
ทางด้านนางสาวกรรณิการ์ กิจติเวชกุล นักวิจัยจากแผนงานพัฒนากลไกเฝ้
“ในร่างกรอบเจรจาฯ ใช้คำว่า ‘ให้ระดับการคุ้มครองทรัพย์สิ
“กรมเจรจาฯในฐานะเลขาฯฝ่ายเตรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น