ที่มา ข่าวสด
เหมือน
กับว่ากระบวนการทางการเมืองเป็น ของการเอาชนะระหว่างกันและกัน กระนั้น
คำถามที่สำคัญยิ่งกว่านั้นยังอยู่ที่ว่าชัยชนะที่ได้มาดำเนินไปอย่างไร
คนบางคนอาจคิดว่า ขอใหั "ชนะ" ไม่คำนึงถึง "วิธีการ"
ขณะที่คนบางคนอาจคิดอย่างจริงจังว่าระหว่าง "วิธีการ" กับ "ชัยชนะ" ที่ได้มาต้องมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
เป็นชัยชนะที่ขาวสะอาด ไม่มีข้อโต้แย้ง
การต่อสู้ทางการเมืองที่มีปัญหา ยุ่งเหยิงและวุ่นวาย ก็เนื่องจากกระบวนการทางความคิดที่แตกต่างกัน 2 แนวทางนั่นแหละ
ลองทบทวนดูให้ดี ดูให้ถ่องแท้ รอบด้าน ไม่มีอะไรเกินไปกว่านี้
เพราะ
คิดแต่เรื่องของชัยชนะอย่างเดียวไม่คำนึงถึงวิธีการจึงนำไปสู่การใส่ร้าย
ป้ายสี นำไปสู่การลอบทำร้ายกัน มิได้เป็นการต่อสู้ตามกฎตามกติกา
ลองย้อนทบทวน ก็จะมองเห็น
ถาม
ว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้เกิดการรัฐประหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลเมื่อเดือน
กันยายน 2549 ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลอันมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ได้ส.ส.จำนวนมากถึง 377 จากทั้งหมด 500
เหตุผลจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) อาจมีมากมาย
แต่ถามว่าเป็นไปตามกฎกติกาแห่งระบอบประชาธิปไตยหรือไม่
ตอบ
ได้เลยว่าไม่เป็นไปตามกฎตามกติกา หากเป็นไปตามกฎแห่งอำนาจจากปากกระบอกปืน
ผลก็คือ อาจดูดีมีสีสันในตอนต้น แต่เวลาผ่านไป 7
ปีผู้ที่ทำรัฐประหารครั้งนั้นก็ออกมายอมรับผิดและหลายคนก็ไม่กล้ามองหน้าและ
สบตา
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนองตอบ
ทั้งๆ
ที่บทเรียนจากรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 มีความแจ่มชัดอย่างยิ่ง
แต่ยังมีคนที่คิดและอยากโค่นล้มทำลายฝ่ายตรงกันข้ามด้วยวิธีการนอกกติกาเช่น
นั้นหรือไม่
มีอยู่
เพียงแต่ที่ยังไม่เกิดขึ้นเพราะว่าเงื่อนไขยังไม่อำนวย หรือไม่สามารถสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดสถานการณ์เช่นนั้นได้
ถามว่าความพยายามเหมือนกับที่เคยสร้างก่อนเดือนกันยายน 2549 มีไหม
ตอบได้เลยว่ามี เห็นได้จากการพยายามจะให้ร้ายป้าย สีรัฐบาล โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์และมารยาท
หวังดิสเครดิต สร้างกระแสนำไปสู่การโค่น
หากไม่มีความพยายามอันเลวร้ายคงไม่มีการกระพือคำทำนายอันมีเส้นตายอยู่ที่วันที่ 8 ตุลาคม
คำทำนายนี้ดำเนินไปเหมือนคำทำนายชี้ช่องของโหรจากภาคเหนือที่เรียกกันว่าโหรคมช.ดำเนินไปในลักษณะของการชี้นำ ปูทางและสร้างกระแส
เพียงแต่ว่าจะเป็นจริงได้หรือไม่ อย่างไรเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น