องค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการเพิ่มพลังของ
ผู้หญิง แห่งสหประชาชาติ (UN Women)
วิจารณ์สื่อไทยไม่ให้ความสำคัญกับมิติทางเพศ
เรียกร้องให้สื่อในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย
เพิ่มพื้นที่ข่าวที่สนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างหญิง ชาย
และเพศอื่นๆ ที่หลากหลาย อีก 15 %
มณฑิรา นาควิเชียร เจ้าหน้าที่สื่อสารองค์กร ยูเอ็นวีเมน
เอเชียแปซิฟิก (UN Women Regional Office for Asia and the Pacific)
เปิดเผยระหว่างจัดอบรมผู้สื่อข่าวในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก
ในประเด็นว่าด้วยสิทธิสตรี สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์
และประเด็นการพัฒนาของโลกที่สำคัญอย่างยิ่งยวด
ว่าสื่อในประเทศไทยยังคงมีบทบาทในการร่วมสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมกัน
ทางเพศน้อย เมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศในภูมิภาคเดียวกัน
“คิดว่าสื่อไทยยังตามไม่ทันกระแสสังคมที่มีการเคลื่อนไหวเรื่อง gender
ซึ่งไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้หญิง แต่รวมถึงความหลากหลายทางเพศ
ซึ่งสื่อไทยมีความจำกัดมากในการเข้าถึงมิติทางเพศ
การนำเสนอทางสื่อจะมีการใช้ศัพท์ว่า เกย์ ตุ๊ด กะเทย ทอม ดี้
แสดงให้เห็นถึงการเอาเพศมาเป็นตัวกำหนดมากกว่าการดูที่คุณสมบัติหรือความ
สามารถของบุคคล หรือพอมีข่าวผู้หญิงทำแท้งสื่อพาดหัวทันที “แม่ใจร้าย”
โดยไม่ได้มองเลยว่าก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ผู้ชายมีบทบาทอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง
ผู้หญิงไม่ได้ตั้งท้องได้เองโดยอัตโนมัติ” มณฑิรา กล่าว
มณฑิรา นาควิเชียร
ทั้งนี้มณฑิราเปิดเผยว่า
ในต่างประเทศมีการศึกษาเรื่องความหลากหลายทางเพศและสรุปว่าประชากร
บนโลกใบนี้ประกอบด้วยบุคคลที่มีเพศที่หลากหลายถึง 9 เพศ เช่น ชาย หญิง
ชายรักชาย หญิงรักหญิง ชายรักชายและหญิง เป็นต้น ซึ่งบุคคลในทุกเพศ
ล้วนไม่ต้องการการถูกสังคมมองอย่างแปลกแยก
UN Women และ United Nations Population Funds (UNFPA)
ได้ร่วมมือกันจัดงานฝึกอบรมให้กับผู้สื่อข่าวในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกในช่วง
กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาที่ประเทศไทย
ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้สื่อที่รับผิดชอบหรือมีความสนใจในมิติความ
หลากหลายทางเพศ ที่่ทำงานในประเทศต่างๆ
ในภูมิภาคนี้ได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
“นักข่าวจากหลายประเทศที่มาเรียกได้ว่าเป็น gender reporters เลย
ถามว่าจะให้ identify สื่อเป็นการเฉพาะแบบนี้ในประเทศไทยได้ไหม
หาแทบไม่ได้เลย ดิฉันอยากให้ประเทศไทยมีโต๊ะข่าวที่เรียกว่า Gender Desk
ขึ้นมาเพื่อพัฒนาคนด้านนี้เลย ขณะเดียวกันก็อยากเรียกร้องสื่อในทั้งหมด 24
ประเทศ ที่เข้าร่วมอบรมกับเราในครั้งนี้ว่าขอให้เพิ่มพื้นที่ข่าวด้าน
gender อีก 15 % จากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2015
เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงชาย
สร้างให้ตระหนักถึงความรุนแรงในครอบครัว และสิทธิของเพศที่หลากหลาย”
มณฑิรากล่าว
ด้านประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสจากหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น
ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้
กล่าวแสดงความเห็นด้วยกับมณฑิราว่าสื่อในสังคมไทยยังให้ความสำคัญกับการนำ
เสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับสิทธิผู้หญิง และมิติทางเพศในด้านอื่นๆ น้อย
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสัดส่วนข่าว “ไร้สาร” ที่มีลักษณะของการเป็นข่าว
“ปิงปอง” คือ สัมภาษณ์ฝ่ายนั้นครั้งหนึ่งฝ่ายนี้ครั้งหนึ่ง
ประวิตรบอกเล่าประสบการณ์รูปธรรม
ที่แสดงให้เห็นว่าสื่อในสังคมไทยให้ความสำคัญกับเรื่องราวของ Gender
น้อยกว่าที่ควรจะเป็นว่าเมื่อครั้งที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
(คปก.) จัดเวทีระดมความเห็นระดับภูมิภาค ที่จังหวัดภูเก็ตและเชียงราย
เพื่อผลักดันร่างพระพระราชบัญญัติความเสมอภาคทางเพศ
เขาเป็นเพียงนักข่าวคนเดียวที่เข้าร่วมรับฟังเพื่อรายงานข่าว
ประวิตร (นั่งกลาง) ระหว่างร่วมการอบรมของ UN Women
“แสดงให้เห็นว่าสื่อยังไม่ตระหนักถึงบทบาทตัวเองในการสร้างให้เกิดความ
เท่าเทียมกันในสังคม แต่ผมก็ไม่คิดว่าเราควรจะต้องมีการตั้งโต๊ะข่าวผู้หญิง
หรือโต๊ะ gender ขึ้นมา
ผมว่าแค่สื่อให้ความสำคัญกับการนำเสนอเรื่องราวตรงนี้
และสร้างนักข่าวให้มีความเชี่ยวชาญประเด็น gender ก็พอ เมื่อกอง บก.
ให้ความสำคัญ
สนับสนุนงานด้านนี้โดยธรรมชาติเราจะมีนักข่าวที่เก่งทางนี้ขึ้นมาเอง”
ประวิตรกล่าว
ประวิตรมีความเห็นว่า
ปัจจุบันสื่อในสังคมไทยยังมีการใช้วาทกรรมที่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติทางเพศ
ที่ล้าหลัง เช่น “ไม่ใช่ลูกผู้ชาย” หรือ “ไปเอาโสร่งมานุ่ง”
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวคิดชายเป็นใหญ่
อย่างไรก็ดีเขามองว่าไม่ใช่เฉพาะสื่อเท่านั้นที่ขาดความตระหนักหรือขาด
ความละเอียดอ่อนทางเพศ เพราะหลายปรากฏการณ์ในสังคม
สะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่ผู้หญิงที่พยายามขับเคลื่อนเพื่อสิทธิของผู้หญิงเอง
ก็ขาดความตระหนักตรงนี้
“การที่ สส. หญิงเอาโสร่งไปให้คุณอภิสิทธิ์
เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของคุณ
อภิสิทธิ์เอง
มันแปลว่าผู้หญิงเองก็ตอกย้ำความเชื่อว่าเพศหญิงไม่มีความกล้าหาญพอที่จะยอม
รับผิดชอบในความผิดที่ตนเองได้กระทำ”
ตีพิมพ์ครั้งแรกที่ http://www.mediainsideout.net/local/2013/09/149
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น