ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 18 พ.ย. ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21
แบบเต็มคณะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
กล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการผลักดันสู่การเป็นประชาคมอา
เซียน มีสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรี แสดงความขอบคุณแก่นายกรัฐมนตรีฮุนเซน
ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
และขอแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสรรคตของพระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุ
โดยในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรี
ได้ยกย่องความเป็นผู้นำและคำมั่นของกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนที่จะสานต่อ
ข้อริเริ่มต่างๆ ในการกระชับความร่วมมือที่เข้มแข็งของอาเซียน
และการเตรียมความพร้อมไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2015
ประการแรก
ในปีนี้อาเซียนประสบความสำเร็จในการพัฒนาร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิ
มนุษยชน
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของอาเซียนในการส่งเสริมและคุ้ม
ครองสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยรอคอยให้การนำ AHRD
ไปใช้ให้เกิดผลอย่างสมบูรณ์
การส่งเสริมและการปกป้องสิทธิมนุษยชนกำลังเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดยหวังว่า AHRD จะปูทางให้เกิดการพัฒนาสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค
ทั้งนี้ไทยยังได้มีการทำงานอย่างแข็งขันในการส่งเสริมสิทธิของเด็กและสตรี
กำจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรี การสร้างอำนาจแก่สตรี
การสร้างความเท่าเทียมกัน และการพัฒนาเด็ก
ประการที่สอง
การต่อยอดความร่วมมือทั้งสามเสาเพื่อสร้างประชาคมอาเซียนที่แข็งแกร่ง
สำหรับเสาเศรษฐกิจต้องขจัดอุปสรรคทางการค้าด้านภาษี
การอำนวยความสะดวกในการค้าการลงทุนได้อย่างเสรี
การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อประโยชน์
และการสร้างกลไกและสถาบันของอาเซียนให้ตอบสนองต่อการรวมกลุ่มเศรษฐกิจได้ดี
ยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การบูรณาการด้านเศรษฐกิจของภูมิภาค
และใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC
รวมถึงเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในระยะยาว
ประเทศไทยยินดีที่ได้มีการพัฒนาต่อยอดความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับ
ภูมิภาค RCEP และรอคอยการประกาศเจรจาความตกลง RCEP ในอีกสองวันข้างหน้า
และเห็นว่าควรมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เริ่มต้นการเจรจาช่วงต้นปี 2556
สำหรับเสาด้านการเมือง-ความมั่นคง
นายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรให้ความสำคัญในการต่อสู่กับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ
และการฟอกเงิน
ในด้านยาเสพติดนั้นควรผลักดันผลสำเร็จจากการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัย
พิเศษด้านยาเสพติดซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ
และขยายความร่วมมือในการต่อต้านยาเสพติดระหว่างพรมแดน
ส่วนปัญหาด้านการค้ามนุษย์
ไทยเห็นว่าควรเร่งรัดอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการค้ามนุษย์
และผลักดันให้มีการจัดทำแผน Regional Plan Action to Combat Trafficking in
Persons
เสาด้านสังคม-วัฒนธรรม
ควรขยายความร่วมมือด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ
ไทยยินดีที่ศูนย์ประสานงานอาเซียนสำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในการ
จัดการภัยพิบัติได้ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ
และเห็นว่าควรมีการประสานงานและทำงานร่วมกับศูนย์ภัยพิบัติอื่นๆ
ในภูมิภาคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการภัยพิบัติ
โดยเฉพาะในเรื่องข้าว
ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางสนับสนุนในด้านข้าว
นอกจากนี้ไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อจัดการฝึกซ้อมตามแผน
ARF Disaster Relief Exercise 2013
เพื่อให้รับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านภัยพิบัติทางน้ำ
ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับจีนใน
ปีหน้า เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหารจัดการน้ำ
ประการที่สาม การลดการช่องว่างด้านการพัฒนา
ไทยยืนยันที่จะให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแก่ประเทศเพื่อนบ้าน CLMV
โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสาธารณูปโภค ทั้งในกรอบระดับทวิภาคี
กรอบอนุภูมิภาคและกรอบอาเซียน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในลักษณะไตรภาคี
เพื่อเร่งให้การลดช่องว่างด้านการพัฒนาของประเทศเพื่อนบ้านประสบผลสำเร็จโดย
เร็ว
ประการที่สี่
การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน
ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญสูงสุดอย่างหนึ่งของอาเซียน
ในการสร้างความเชื่อมโยงนั้นสิ่งสำคัญคือการระดมเงินทุนเพื่อสร้างเครือข่าย
สาธารณูปโภค อำนวยความสะดวกในการไปมาหาสู่และการค้าการลงทุนระหว่างกัน
ขณะนี้ประเทศไทยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเมียนมาร์
ในโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายเพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้กับเอเชียใต้
ซึ่งจะส่งเสริมให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค
สำหรับด้านการศึกษา ได้มีโครงการเคลื่อนย้ายนักศึกษาในภูมิภาค
การแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกัน
ประการที่ห้า
การทำให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง
ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
จึงต้องมีความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารอย่างใกล้ชิด
แสวงหาแนวทางและวิธีการเพื่อให้มีอาหารที่เพียงพอ ทั้งในกรอบทวิภาคี
อนุภูมิภาค และอาเซียน+3
โดยไทยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต
ข้าว ยางพารา
นอกจากนี้ ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความขอบคุณแก่นายสุรินทร์
พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน
ที่ได้มีบทบาทในการสร้างประชาคมอาเซียนอย่างแข็งขันมาตลอดระยะเวลาห้าปี
และไทยยินดีสนับสนุนเลขาธิการคนต่อไปคือ นายเลอ เลือง มินห์
ซึ่งเป็นชาวเวียดนาม และเชื่อมั่นว่าด้วยความรู้
ความสามารถและประสบการณ์ของนายเลอ เลือง มินห์
จะนำอาเซียนไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในปี 2015 อย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น