แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"เหวง"โพล่ง "เสงี่ยม"โกหกคำโต ชี้รัฐเห็นประโยชน์ลงนามรับรองเขตศาลอาญาฯ เอาฆาตกรมาลงโทษ

ที่มา Thai E-News

 ที่มา เฟซบุ๊คนพ.เหวง
6 พฤศจิกายน 2555



จากข่าวหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับและออนไลน์เกือบทุกฉบับประจำวันที่ 5 พ.ย. 55  นายเสงี่ยมสำราญรัตน์ได้โกหก ใส่ร้ายป้ายสีผมและอ.ธิดา ถาวรเศรษฐในหลายเรื่อง ดังต่อไปนี้ครับ

1.นายเสงี่ยมกล่าวว่า รีจิสตร้า(Registra)ของศาลอาญาระหว่างประเทศ อยู่ในฐานะผู้ดูแลผู้ต้องขังทั่วโลกนั้นเพราะไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่จะรับ เรื่องราวร้องทุกข์ และผู้ที่จะรับเรื่องราวร้องทุกข์ได้คือ ประธานหรืออัยการศาลอาญาระหว่างประเทศเท่านั้น

ผิด โดยสิ้นเชิงครับ

ไม่รู้ว่า นายเสงี่ยม ไปเอาเรื่องนี้มาจากกฎหมายฉบับใด หรือใครเสี้ยมสอนใช้ให้พูด โดยไม่มีความเข้าใจแม้แต่น้อย ผมต้องการพูดกับคนเขียนบทหรือคนชักใยเบื้องหลัง อย่าเป็นอีแอบเลยครับ

 รีจิสตร้าไม่ได้มีหน้าที่ในการดูแลผู้ต้องขังทั่วโลกครับ แต่รีจิสตร้ามีหน้าที่ทางตรวจรับคำร้องเรียนที่ยื่นมายังศาลอาญาระหว่าง ประเทศ และทำการตรวจสอบเบื้องต้นว่า เป็นเรื่องที่มีสาระมีมูลมีหลักฐานพอที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ หากไม่มีก็จะปัดตกไป แต่ถ้ามีน้ำหนักก็จะออกหมายเลขรับไว้ครับ

ในอดีตที่ผ่านมา รีจิสตร้าของศาลอาญาระหว่างประเทศก็ได้ปัดเรื่องตกไปกว่า สามพันเรื่องแล้วครับ ประธานหรืออัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ เขาจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องการตรวจรับเรื่องร้องเรียน ครับ ไม่งั้น เรื่องกว่าสามพันเรื่องเขาต้องลงมาดูเองหมด นี่เขาจัดระบบของศาลอาญาระหว่าง ประเทศให้มีหน่วยงานรีจิสตร้าทำหน้าที่นี้ก่อนครับ

แล้วฝ่ายรีจิสตร้าก็ได้รับเรื่อง ร้องเรียนจากประเทศที่เสนอไปโดยสำนักงานทนายความอันสเตอร์ดัมและเปรอฟที่ เดินเรื่องไปประมาณสิงหาคม 53 แล้วเสนอเอกสารไปตั้งแต่เดือนตุลาคม2553แล้วครับ (เขาไม่โยนลงตะกร้าไปนะ ครับแสดงว่าเรื่องที่เสนอไปมีมูลมีหลักฐานมีสาระมีความน่าเชื่อถือ) จากนั้น เขาก็ รับเรื่องโดยได้ระบุหมายเลขรับที่ OTP-297/10


แต่ด้วยเหตุผลที่นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะถือสัญชาติอังกฤษที่เป็นประเทศภาคี ของธรรมนูญกรุงโรมตามมาตรา12วรรค2(ข)ครับ(ซี่งจะทำให้ดำเนินการได้เฉพาะนาย อภิสิทธิ์เวชชาชีวะเพียงคนเดียว)

ในคราวที่ผมพร้อมประธานธิดา และคุณพะเยาว์อัคฮาด ทนายคารมพลทะกลาง ศาตราจารย์ธงชัย วินิจจะกุลแห่งมหาวิทยาลัยเยล คุณอมรินทร์ไปศาลอาญาระหว่างประเทศ เขาให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติและได้พบ สนทนากันกว่า 1.30 ชั่วโมงเกินเวลาที่เขากำหนดไว้ แสดงว่าเรื่องที่เรานำเสนอเป็นเรื่องที่มี มูลมีหลักฐานมีสาระ เข้าองค์ประกอบไม่งั้นเขาไม่มัวมานั่งรักษามารยาทคุยกับเรานานมากเช่นนี้

ผู้ที่มาพบและสนทนากับเรา คือนายเอเมอริคโรเจียร์หัวหน้าสำนักงานวิเคราะห์เหตุการณ์ของศาลอาญาระหว่าง ประเทศ หลังการสนทนาเขาก็ได้แสดงความเห็นว่า “เรื่องใหญ่อย่างนี้ลำพังนายอภิสิทธิ์ทำคนเดียวไม่ได้ดอก ดังนั้นพวกคุณควรต้องดำเนินการให้มีการประกาศรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่าง ประเทศเฉพาะกรณีในประเทศของคุณ(หมายถึง12(3)นั่นแหละครับ)

นี่หมายความว่า เขารับฟังแล้วประเมินว่าไม่ใช่เรื่องเหลวไหล แล้วยังเป็นเรื่องที่มีผลกระทบรุนแรง กว้างขวาง จึงไม่น่าที่จะทำได้ด้วยคนเพียงคนเดียว ครับ

ในระหว่างที่อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ นาง ฟาตู เบนซูดา เดินทางมารับรางวัลอัยการดีเด่นในไทย พร้อมนายเอเมอริคโรเจียร์ดังกล่าว และศาสตราจารย์กฏหมายมหาวิทยาลัยนอร์เตอร์ดาม นายดักลาส แอสเซลคณะของอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศนางฟาตูเบนซูดาได้เข้าพบกับรองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีสุรพงษ์โตวิจักษณ์ชัยกุล เพื่อสนทนาในเรื่องการรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศตามมาตรา12(3)ของ ธรรมนูญกรุงโรม

ภายหลังการพบปะกัน รองนรม.และรมต.ต่างประเทศได้ออกมาให้ข่าว ใจความว่า การลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นประโยชน์กับ ประเทศไทย

ที่ นายเสงี่ยม กล่าวหา ผมและประธานธิดาถาวรเศรษฐว่า ไม่รู้จริงและกำลังโกหกต้มตุ๋นคนเสื้อแดงให้ เข้าใจผิดว่าศาลอาญาระหว่างประเทศได้รับเรื่องไว้แล้ว จึงเป็นเรื่องใส่ร้าย ป้ายสีโกหกมดเท็จโดยสิ้นเชิงครับ

และที่บอกว่าศาลไทยต้องไต่สวนการเสียชีวิตและชันสูตรพลิกศพก่อนจึงจะไปยื่น เรื่องให้ศาลอาญาระหว่างประเทศได้นั้น ก็ผิดโดยสิ้นเชิง อีกเช่นกัน

เพราะถ้ามีกรณีที่อยู่ในเขตอำนาจศาลตามธรรมนูญกรุงโรมอย่างใดอย่างหนึ่งในสี่อย่างดังนี้

1. อาชญากรรมอันเป็นการทำลายล้างเผ่าพันธุ์
2. อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
3. อาชญากรรมสงคราม
4. อาชญากรรมอันเป็นการรุกราน

สามารถนำเรื่องไปเสนอต่อศาลอาญาระหว่างประเทศได้ทันที(หากเป็นประเทศในภาคี, หรือใช้มาตร12(3) ,หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติส่งไป)


กรณีไทยเหตุการณ์สังหารประชาชนเมื่อเมษา-พฤษภา53เข้าองค์ประกอบของอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ตามมาตรา7ของธรรมนูญกรุงโรม กล่าวคือ

“การกระทำใดๆที่ได้กระทำในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีอย่างกว้างขวาง หรืออย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายต่อประชากรพลเรือนใด โดยรู้ถึงการโจมตีนั้น ดังต่อไปนี้ การฆ่าคนตายโดยเจตนา การทำลายล้าง.................)

ดังนั้นกรณีการฆ่าประชาชนสองมือเปล่าด้วยอาวุธสงครามเมื่อเมษา-พฤษภา53 จึง สามารถที่จะยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศได้โดยไม่ต้องรอให้มีการ ชันสูตรพลิกศพหรือไต่สวนการเสียชีวิตก่อนดังกล่าว

นอกจากนี้การบอกว่า ต้องผ่านมาตรา 190 ก็เป็นเรื่องที่ไม่จริงเช่นกัน เพราะนี่เป็นการแสดงเจตนาแต่เพียงฝ่ายเดียว ในการประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อพิจารณากรณีอาชญากรรม เฉพาะ(เดือนเมษา-พฤษภา53) จึงไม่ใช่เป็นสนธิสัญญา

เพราะสนธิสัญญา ต้องเป็นการตกลงระหว่างสองฝ่ายมีการลงนามมีการเจรจาอย่างเป็นทางการ

นี่เพียงประเทศไทยโดยผู้มีอำนาจรับผิดชอบทำการประกาศแต่เพียงฝ่ายเดียวก็ถือ ว่า สัมฤทธิ์ผลแล้ว ไม่ใช่เป็นการตกลงร่วมกันระหว่างสองฝ่าย

และแม้จะต้องมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกฏหมายก็ไม่ถือว่าเป็นสนธิสัญญา เพราะศาลโลกเคยมีคำพิพากษาวางบรรทัดฐานไว้แล้วในคดี”Ihren Declaration” และคดี “Nuclear Test case”การประกาศยอมรับแต่เพียงฝ่ายเดียวแล้วก่อให้เกิดพันธกรณีไม่ถือว่าเป็น สนธิสัญญา

ในตราสารระหว่างประเทศ ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมาธิการกฏหมายระหว่างประเทศของสหประชาชาติก็ใช้คำว่า “capable of creating legal obligations”ได้ การประกาศเพียงฝ่ายเดียวที่ก่อให้พันธผูกพันทางกฏหมายจึงไม่ใช่สนธิสัญญาอีก เช่นกัน

ที่กล่าวว่าเป็นการบีบบังคับฝ่ายบริหารก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน เพราะผมไม่ได้แสดงออกในทางการข่มขู่คุกคามแต่อย่างไร ที่ผ่านมา เป็นการแสดงข้อคิดเห็น การอธิบายความทางหลักการ ทั้งทางการเมือง ทางกฎหมายทั้งนั้น อำนาจในการตัดสินใจยังเป็นของฝ่ายบริหารโดยสมบูรณ์ แม้ฝ่ายบริหาร ไม่ยอมประกาศรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศในกรณีเมษา-พฤษภา53 แล้วผมจะไปทำอะไรฝ่ายบริหารได้

เพราะผมมีความบริสุทธ์ที่ต้องการป้องกันประเทศไทยประชาชนไทยจากเหตุการณ์การ ฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางถนนโดยทหารใช้อาวุธสงครามซึ่งเกิดขึ้นต่อหน้าผม อย่างน้อยก็6ครั้งแล้วคือ 14ตุลา16 6ตุลา19 พฤษภา35 เมษา52 เมษา53 และพฤษภา53

ดังนั้นที่ นายเสงี่ยมสำราญรัตน์กล่าวหา ผมและประธานธิดาถาวรเศรษฐ ทั้งหมดเป็นเรื่องเท็จ เป็นเรื่องใส่ร้ายป้ายสีโดยสิ้นเชิง

อ่านเพิ่ม

Thai E-news - คำถามตัวโตๆต่อรัฐบาลนี้(2):เมื่อไรจะเอาคนสั่งฆ่าไปขังคุก มันลำบากตรงไหนกับการให้สัตยาบันICC? / พฤศจิกายน 23, 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น