แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บันทึกจากแยกมิสกวัน: แกนนำสั่งผู้ชุมนุมลุยตำรวจ

ที่มา ประชาไท


หลังจากปะทะกันไปแล้วรอบหนึ่งที่แยกมัฆวานในตอนเช้า พอตกบ่ายเกือบสองโมงแกนนำหญิงขององค์การพิทักษ์สยามคนหนึ่งที่ไม่ทราบชื่อบน หลังรถหกล้อใกล้แยกมิสกวันซึ่งอยู่ใกลทำเนียบรัฐบาลก็พูดกับผู้ชุมนุมผ่าน ลำโพงขยายเสียง: ‘เราทำเพื่อพระเจ้าอยู่หัวของเราใช่ไหมคะ? แล้วตำรวจทำเพื่อใคร? เพื่อนักการเมืองเลวๆ!’
ผู้ชุมนุมชายฉกรรจ์เป็นร้อยยืนเกือบประชิดแนวตำรวจปราบจลาจลที่สวม หน้ากากกันแก๊สน้ำตาและถือโล่ไฟเบอร์กลาสใส ผมเห็นผู้ชุมนุมบางคนเริ่มเอาน้ำในขวดราดผ้าพันคอและผ้าขนหนู และเดาว่าคงอีกไม่นานก็จะปะทะกันอีกรอบ
เสียงแกนนำหญิงยังคงได้ยินชัด เธอประกาศว่าตอนเช้า มีผู้ชุมนุมถูกจับ 132 คนหลังการปะทะและบาดเจ็บจนต้องรับการรักษาพยาบาลจำนวนหนึ่งและเสริมว่าทาง โรงพยาบาลไม่ยอมให้นักข่าวเข้าไปสัมภาษณ์
บรรยากาศตึงเครียด และอีกไม่กี่นาที แกนนำชายคนหนึ่งบนรถหกล้อคันเดิมก็ประกาศด้วยเสียงแข็งขัน: ‘ฟังเสียงตรงนี้เท่านั้นนะครับ! อย่าเพิ่งขยับอะไรนะครับ’
ผู้ชุมนุมหลายร้อยคนตรงแยกมิสกวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชุมนุมที่ผมคาดว่ามีประมาณ 30,000 คน ก็เริ่มเตรียมพร้อม
แล้วแกนนำชายก็พูดผ่านเครื่องขยายเสียงไปสู่ฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ: ‘ท่านกำลังบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมครับ!’
ณ เวลานั้น พื้นที่สามเขตในกรุงเทพฯ อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่ผ่านโดยสภา สนช. ที่แต่งตั้งโดยเผด็จการ คมช. หลังรัฐประหาร 19 กันยา 2549
เสียงตำรวจชั้นผู้บังคับบัญชาแทรกกลับมาทางฝั่งผู้ชุมนุม และขอให้ผู้ชุมนุมถอยออกจากแนวกั้นของตำรวจ: ‘ช่วยถอยไปครับ เรามาทำตามหน้าที่ครับ’
‘พี่มาทำหน้าที่ ผมก็มาทำหน้าของผม’ แกนนำตอบโต้
นายตำรวจคนเดิมยืนยันว่าจะไม่ทำเกินหน้าที่
แต่พูดจบแกนนำชายก็สั่งให้ผู้ชุมนุมเผชิญหน้าตำรวจ
‘เดินหน้า’
ผู้ชุมนุมเป็นร้อยเดินเข้าเผชิญแนวตำรวจที่ถือโล่ใส ผลักบ้างถีบบ้าง มีการโยนหินก้อนเท่ากำปั้นไปฝั่งตำรวจเป็นระยะๆ มีการโยนดอกไม้ไฟเข้าใส่ทางเจ้าหน้าที่ ผมเห็นผู้ชุมนุมคนหนึ่งใกล้ผมยืนฉีดแก๊สพริกไทยใส่ตำรวจคนหนึ่งอย่างต่อ เนื่องยาวนาน ตำรวจก็ใช้โล่ดันและกระบองตีกลับ ปะทะอยู่ไม่นานแก๊สน้ำตาแบบขว้างและแบบยิงก็ถูกใช้จนส่งเสียงดังบนฟ้า ควันขาวและความชุลมุนจนมองอะไรตรงแยกนั้นไม่เห็น
ผมหายใจสำลักเอาแก๊สน้ำตาเข้าไปโดยไม่รู้ตัว และเริ่มแสบหน้าเหมือนมีกรดอ่อนๆ กัด จึงรีบวิ่งผ่านแนวด่านตำรวจทางทิศตะวันตก โดยรอดผ่านได้เพราะบอกว่าตนเป็นนักข่าว ตำรวจหลายนายที่ไม่มีหน้ากากกันแก๊สน้ำตาวิ่งกรูมาไล่เลี่ยกัน แต่ลมกลับพัดมาทางเรา ผมจึงต้องวิ่งต่อไปกว่า 100 เมตร จนใกล้แยกวังแดง ติดคุรุสภา ต่างคนต่างวิ่งไปเอาผ้าปิดหน้าไป พยายามเอาน้ำขวดล้างหน้าไปซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อบรรเทาความแสบบนใบหน้าและแขนคอ
ที่แยกวังแดง มีตำรวจจากต่างจังหวัดสามสี่จังหวัดภาคกลางรวมเก้ากองร้อยตั้งแนวกั้นหลาย ชั้น หนึ่งในผู้บังคับบัญชาคือนายตำรวจร่างใหญ่หน้าออกจีนๆ ชื่อ พ.ต.อ.ประเสริฐ ศิริพรรณภิวัฒน์ ท่าทางแกดูไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมเข้าไปทัก และไม่นานแกก็พูดออกมาอย่างอารมณ์เสียว่า: ‘คุณก็ดูสิ เขาทำเพื่ออะไร? วิถีประชาธิปไตยทำอย่างนี้เหรอ? กฎหมายก็มี… นี่นักเลงชัดๆ’
พ.ต.อ.ประเสริฐยืนยันว่าตำรวจเพียงรักษาแนวกั้นตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง และผู้ชุมนุมก็สามารถเข้าออกทางถนนศรีอยุธยาได้เป็นปกติ แต่ทำไมต้องมาพยายามทำลายด่านกั้นตำรวจ แกบอกว่าอย่างไรก็ตามตำรวจพร้อมที่จะใช้กำลังปกป้องแนวกั้นต่างๆ
เสียงเพลงตำรวจดังรอบๆ ขณะที่ตำรวจกองปราบสวมหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตาเดินเป็นแถวมุ่งหน้าไปเสริมกำลังที่แยกมิสกวัน
ตอนบ่ายก่อนการปะทะครั้งที่สอง แกนนำบนเวทีใหญ่ประกาศว่าจะฟ้องศาลปกครองให้วินิจฉัยว่าการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าผู้ชุมนุมจะล้มล้างรัฐบาลโดยใช้ความรุนแรง เป็นการกระทำอันมิชอบหรือไม่
แต่พลบค่ำ พล.เอก บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยามก็ได้ประกาศบนเวทีใหญ่ยุติการชุมนุมหลังผู้ชุมนุม จำนวนน้อยกว่าเป้าหนึ่งล้าน บุญเลิศบอกแกแพ้ต่อนักการเมืองชั่ว แต่ผมกลับรู้สึกว่านี่เป็นเพียงบทโหมโรงของการพยายามล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มาจาการเลือกตั้ง และคงมีความพยายามที่จะล้มต่อ ไม่ว่าโดยวิธีรัฐประหารหรือวิธีอื่นใด ไม่ว่าราคาที่สังคมจะต้องจ่าย จะสูงเพียงใด




(แปลและปรับปรุงโดยผู้เขียนจาก Demomstrators told to Confront Police, The Nation on Sunday, by Pravit Rojanaphruk, November 25, 2012 http://nationmultimedia.com/politics/Demonstrators-told-to-confront-police-30194986.html)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น