ที่มา uddred
เมื่อวานนี้(7พย.55)ผมได้อภิปรายสนับสนุนร่างพรบ.ยกระดับโรงเรียนนายร้อยทหารให้ถึงชั้นปริญญาเอกที่เสนอโดยครม.
ผมมีข้อสังเกตบางอย่างมาฝากเพื่อนๆในเฟซของผมดังนี้ครับ
1.ผมเท้าความถึงสมัยเด็กว่า ยุคนั้นเด็กชายที่จบมัธยมต้น
ใฝ่ฝันที่จะเข้ารร.เตรียมทหารกันมาก อาจจะมากกว่ารร.เตรียมอุดม สวนกุหลาย
เทพศิรินทร์เสียด้วยซ้ำไป แต่ความที่มีกฎว่าห้ามบิดาเป็นคนต่างด้าว
และสายตาต้องดี(ห้ามใส่แว่น)
ผมก็เลยไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะไปสอบเข้ารร.เตรียมทหารในปัจจุบันความรู้สึก
ที่อยากเข้ารร.เตรียมทหารของเด็กมัธยมก็ยังมากอยู่ไม่น้อย
หมายความว่ารร.เตรียมทหารดูดเอายุวชนที่คุณภาพดีของประเทศเข้าไปเป็นจำนวน
มาก ดังนั้น หากโรงเรียนทหารทั้งหลายของไทยมีคุณภาพดี
ก็ต้องได้ผลิตผลชั้นเยี่ยมออกมาเมื่อจบการศึกษาแล้ว แล้วเป็นไงครับ???
ผมเองไม่ได้มองทหารหรือกองทัพเลวร้ายเสียทั้งหมด ผมได้ชี้ว่า อันที่จริง
อาจจะแบ่งทหารออกได้เป็นสองยุค คือยุคต้นและยุคท้าย(ก่อนจะถึงยุคปัจจุบัน)
ยุคต้น ทหารนี่แหละครับที่มีบทบาทก้าวหน้า ต่อสังคมไทย
กล่าวคือ
ทหารนี่แหละเป็นกลุ่มบุคคลที่ริเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็น
ประชาธิปไตย(ไม่ได้มองข้ามพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ในสมัยร.5) นั่นคือ
รต.เหรียญศรีจันทร์และรอ.เหล็งศรีจันทร์ครับแต่มีคนทรยศเอาความลับไปบอกจึง
ทำให้พวกเขาทั้งหมดถูกจับเป็นกบฏถูกประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต
ถัดมาก็สมัยอ.ปรีดีที่มีพระยาพหลพลพยุหเสนาครับที่สำเร็จเป็นการเปลี่ยนแปลง
การปกครองและหลวงพิบูลสงครามช่วยปราบกบฏบวรเดชของต่างประเทศ เคลาวิต
ปราชญ์ชาวเยอรมันก็อยู่ในแวดวงทหารครับที่
เสนอหลักการลือลั่นที่เป็นสัจจธรรมสากลทั่วไป ที่กล่าวว่า
“การเมืองก็คือสงครามที่ไม่หลั่งเลือด สงครามก็คือการต่อเนื่องของการเมืองในรูปแบบที่หลั่งเลือด”
และผมก็อภิปรายว่า ความจริง ผลสัมฤทธิ์ทางด้านนววัตกรรมจำนวนมากก็เกิดจากแวดวงทหารเช่นคอมพิวเตอร์ และจรวดสำรวจอวกาศเป็นต้น
ดังนั้นโรงเรียนทหาร หากทำในทิศทางแนวทางที่ถูกต้องก็เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ
แต่น่าเสียดายที่ยุคหลังของทหารไทย ที่โดนครอบงำด้วยรากเหง้าทางความคิดของ
จักรวรรดินิยมอเมริกา และ ระบบคิดอนุรักษ์นิยม จารีตนิยม
จึงทำให้ทหารไทยจำนวนไม่น้อยที่ เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
ในสมัยสงครามเย็น หลักสูตรในกองทัพ สอนแบบอเมริกัน กล่าวคือ
“คอมมิวนิสต์เป็นยักษ์เป็นมาร เอาคนมาทำนา เอาคนแก่มาทำปุ๋ย
เอาผู้หญิงมาเป็นของกลาง”ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหลโดยสิ้นเชิง
ในยุคเดียวก้นก็เห็นการยึดอำนาจรัฐประหาร เป็นอาวุธวิเศษในการก้าวเข้าสู่อำนาจ จนปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น
ผมยกตัวอย่างนายทหารในสองปีที่ผ่านมา พูดอย่างทำอย่าง เช่นบอกว่า
การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง แต่เอาเข้าจริงก็ใช้การทหารมาแก้การเมือง
ก็ไม่ต่างอะไรกับสฤษด์ ถนอม ประภาส ผินชุณหวัณ
(จำได้ไหม?? ใครเอ่ย???
พลอ.อนุพงษ์เผ่าจินดาไงละครับ จริงไหมครับ?) ดังนั้นผมก็เลยบอกว่า
ผมสนับสนุนร่างพรบ.รร.ทหารที่จะยกระดับเป็นปริญญาเอก แต่ผมขอฝาก
รมต.กลาโหมครับว่า
1.ต้องขุดรากถอนโคน ระบบคิดแบบอนุรักษ์นิยม จารีตนิยมออกจากโรงเรียนทหารให้ได้ และต้องแทนที่ด้วยระบบคิดแบบเสรีนิยม
ผมยกตัวอย่าง
ว่าแม้แต่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน(จีนแดง)ที่เขายังมุ่งมั่นที่จะสร้าง
สังคมคอมมิวนิสต์ไม่เลิก แต่ปัจจุบัน
เขายอมรับว่าต้องใช้ระบบแบบเสรีนิยมในทั่วประเทศของเขา
(นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่มีรายละเอียดมากแต่ผมไม่มีเวลาที่จะอธิบายจึงไม่ได้อธิบาย) กองทัพของจีนแดงก็มีระบบคิดแบบเสรีนิยมแล้วครับ
2.รร.ทหารต้องสอน รัฐศาสตร์ ปรัชญาการเมือง โดยเฉพาะปรัชญา
ของระบอบประชาธิปไตย(ที่แท้จริง)อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทหารต้องรู้ว่า ปรัชญาของกองทัพคืออะไร กองทัพมีไว้เพื่ออะไร
คำตอบสำเร็จรูปที่ว่า มีไว้เพื่อปกป้อง ชาติศาสน์กษัตริย์นั้นถูกต้อง
แต่สั้นและเป็นนามธรรมเกินไป
และพวกอนุรักษ์นิยมจารีตนิยมก็ตีความเข้าข้างตัวเองได้ จนนำเอากองทัพไปทำรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำอีก
ต้องอธิบายให้ละเอียดว่า ทหารจะปกปัองอนุรักษ์นิยมจารีตนิยม หรือ เสรีนิยม
(ซึ่งก็มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเฉกเช่นกัน ไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี
เช่นกองทัพอังกฤษก็ต้องปกป้องพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ)
ผมบอกว่าผมดูหลักสูตรที่ทางรัฐสภาได้แจกเป็นเอกสารประกอบร่างพรบ.นั้นเห็น
ชัดว่า ไม่มีการร่ำเรียนทางด้าน
รัฐศาสตร์อย่าว่าแต่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย
ไม่มีการร่ำเรียนทางด้านปรัชญา และไม่มีการศึกษาให้ลึกซึ้งว่า
แท้จริงแล้วปรัชญาของการดำรงอยุ่ของกองทัพคืออะไร
คือการยึดอำนาจรัฐประหารซ้ำซากซึ่งมีถึง22ครั้งแล้วอย่างงั้นหรือเปล่า
3.ผมเสนอให้รร.ทหาร ศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ของชาติไทยโดยละเอียด
ที่ผ่านมาประวัติศาสตร์ไทย มีแต่ฝ่ายพลเรือนศึกษาค้นคว้าเท่านั้น
และอีกส่วนหนึ่งสืบทอดมาจาก ระบบศักดินาเท่านั้น
รร.ทหารนี่แหละน่าจะศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ของไทยเราเองให้ลึกซึ้งแตกฉาน
และนำเสนอต่อสาธารณชนต่อไป
แต่นี่ในอดีตที่ผ่านมาของรร.จปร.ยังไม่เคยปรากฏผลงานด้านนี้เลยครับ(ยกเว้น
ข้อถกเถียงเรื่องวันทำยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้น)
หรือใครเคยพบเห็นกรุณาให้ข้อเท็จจริงผมด้วยครับ
4.ผมเสนอให้ดำเนินการค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี่ให้ทันสมัยหรือล้ำสมัย
ไหนๆจะมีระดับปริญญาเอกแล้ว
ก็ต้องมีสาขาวิชาค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี่สมัยใหม่ให้ทัดเทียม
ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงดูแต่อินเดียซิครับ อย่าว่าแต่จีนแดงเลย
เทคโนโลยี่เขาล้ำหน้าไปถึงกำลังจะส่งคนไปดวงจันทร์แล้วครับแต่ของเรา
ทุกอย่าง ซื้อหมด แล้วซื้อแบบไม่ฉลาดด้วย
(ไม้ชี้ผี จีที200ไงเล่าครับ ใช่ไหมครับ)
ซื้อโดยต้องการคอรัปชั่นด้วยใช่ไหมครับเช่น เครื่องบินกริฟเพน
รถล้อยางหุ้มเกราะจากยูเครน เรือเหาะที่จะถ่ายภาพผู้ก่อความรุนแรงภาคใต้
(ที่ยังเหาะไม่ขึ้นด้วยซ้ำไปด้วยราคาที่แพงกว่าบริษัทกันตนาซือ4-5เท่าโกงกินกันใช่ไหมครับ)
ผมมีเวลาเพียง7นาทีเท่านั้นเอง จึงอภิปรายได้เพียงเท่านี้ครับ
ที่ค้างอีกนิดหน่อยเนื่องจากเวลาไม่พอ ผมตั้งใจจะชี้ให้เห็นว่า
ดูอิสราเอลซิครับ
(ผมไม่ต้องการไปพูดในแง่ของสงครามตะวันออกกลางนะครับ)
เขาเรียนรู้เทคโนโลยี่จากอเมริกัน จนสามารถผลิดปืนเล็กยาว(ทาโว่
แล้วที่ออกมาใหม่กว่าคือx-95 ปืนพกแบบเจอริโม) รถถังหุ้มเกราะแบบใหม่
เครื่องบินไร้คนขับแบบสอดแนมและโจมตีแบบใหม่ สารพัด
แล้วเขาเอามาเสนอขายเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ครับ นอกจากนี้อิสราเอล
เขาได้เทคโนโลยี่จากสหภาพโซเวียด(หรือรัสเซียปัจจุบัน)
เขาสามารถรับซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ของโซเวียดรัสเซียทั้งหมด
หรือรับอัพเกรดได้หมดครับ ทำเงินตั้งเท่าไร และทำให้กองทัพของอิสราเอล
มีเขี้ยวเล็บพิษสงร้ายกาจเท่าไร น่าสพรึงกลัวแบบเล็กพริกขี้หนูตั้งเท่าไร
แล้วที่สำคัญคือไม่มีกองทัพไหนในโลกนี้ครับ
ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงใช้กองทัพในการทำรัฐประหาร
และใช้กองทัพในการฆ่าฟันประชาชนของตนเอง
(ผมพูดไปบางส่วน แต่เวลาไม่พอจึงพูดไม่ได้มากเท่าไรครับ)
ไม่รู้ว่าท่านรมต.กลาโหมจะรับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขอย่างไรหรือไม่นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น