แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หมอเหวงเสนอให้รร.นายร้อยทหารขุดรากถอนโคนความคิดอนุรักษ์นิยมจารีตนิยม

ที่มา uddred

 เมื่อวานนี้(7พย.55)ผมได้อภิปรายสนับสนุนร่างพรบ.ยกระดับโรงเรียนนายร้อยทหารให้ถึงชั้นปริญญาเอกที่เสนอโดยครม.

 ผมมีข้อสังเกตบางอย่างมาฝากเพื่อนๆในเฟซของผมดังนี้ครับ

1.ผมเท้าความถึงสมัยเด็กว่า ยุคนั้นเด็กชายที่จบมัธยมต้น ใฝ่ฝันที่จะเข้ารร.เตรียมทหารกันมาก อาจจะมากกว่ารร.เตรียมอุดม สวนกุหลาย เทพศิรินทร์เสียด้วยซ้ำไป แต่ความที่มีกฎว่าห้ามบิดาเป็นคนต่างด้าว และสายตาต้องดี(ห้ามใส่แว่น) ผมก็เลยไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะไปสอบเข้ารร.เตรียมทหารในปัจจุบันความรู้สึก ที่อยากเข้ารร.เตรียมทหารของเด็กมัธยมก็ยังมากอยู่ไม่น้อย หมายความว่ารร.เตรียมทหารดูดเอายุวชนที่คุณภาพดีของประเทศเข้าไปเป็นจำนวน มาก ดังนั้น หากโรงเรียนทหารทั้งหลายของไทยมีคุณภาพดี ก็ต้องได้ผลิตผลชั้นเยี่ยมออกมาเมื่อจบการศึกษาแล้ว แล้วเป็นไงครับ???

ผมเองไม่ได้มองทหารหรือกองทัพเลวร้ายเสียทั้งหมด ผมได้ชี้ว่า อันที่จริง อาจจะแบ่งทหารออกได้เป็นสองยุค คือยุคต้นและยุคท้าย(ก่อนจะถึงยุคปัจจุบัน) ยุคต้น ทหารนี่แหละครับที่มีบทบาทก้าวหน้า ต่อสังคมไทย

กล่าวคือ ทหารนี่แหละเป็นกลุ่มบุคคลที่ริเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็น ประชาธิปไตย(ไม่ได้มองข้ามพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ในสมัยร.5) นั่นคือ รต.เหรียญศรีจันทร์และรอ.เหล็งศรีจันทร์ครับแต่มีคนทรยศเอาความลับไปบอกจึง ทำให้พวกเขาทั้งหมดถูกจับเป็นกบฏถูกประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต

ถัดมาก็สมัยอ.ปรีดีที่มีพระยาพหลพลพยุหเสนาครับที่สำเร็จเป็นการเปลี่ยนแปลง การปกครองและหลวงพิบูลสงครามช่วยปราบกบฏบวรเดชของต่างประเทศ เคลาวิต ปราชญ์ชาวเยอรมันก็อยู่ในแวดวงทหารครับที่ เสนอหลักการลือลั่นที่เป็นสัจจธรรมสากลทั่วไป ที่กล่าวว่า

“การเมืองก็คือสงครามที่ไม่หลั่งเลือด สงครามก็คือการต่อเนื่องของการเมืองในรูปแบบที่หลั่งเลือด”
และผมก็อภิปรายว่า ความจริง ผลสัมฤทธิ์ทางด้านนววัตกรรมจำนวนมากก็เกิดจากแวดวงทหารเช่นคอมพิวเตอร์ และจรวดสำรวจอวกาศเป็นต้น

ดังนั้นโรงเรียนทหาร หากทำในทิศทางแนวทางที่ถูกต้องก็เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

 แต่น่าเสียดายที่ยุคหลังของทหารไทย ที่โดนครอบงำด้วยรากเหง้าทางความคิดของ จักรวรรดินิยมอเมริกา และ ระบบคิดอนุรักษ์นิยม จารีตนิยม จึงทำให้ทหารไทยจำนวนไม่น้อยที่ เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว

ในสมัยสงครามเย็น หลักสูตรในกองทัพ สอนแบบอเมริกัน กล่าวคือ “คอมมิวนิสต์เป็นยักษ์เป็นมาร เอาคนมาทำนา เอาคนแก่มาทำปุ๋ย เอาผู้หญิงมาเป็นของกลาง”ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหลโดยสิ้นเชิง
ในยุคเดียวก้นก็เห็นการยึดอำนาจรัฐประหาร เป็นอาวุธวิเศษในการก้าวเข้าสู่อำนาจ จนปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น

ผมยกตัวอย่างนายทหารในสองปีที่ผ่านมา พูดอย่างทำอย่าง เช่นบอกว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง แต่เอาเข้าจริงก็ใช้การทหารมาแก้การเมือง ก็ไม่ต่างอะไรกับสฤษด์ ถนอม ประภาส ผินชุณหวัณ
(จำได้ไหม?? ใครเอ่ย???

พลอ.อนุพงษ์เผ่าจินดาไงละครับ  จริงไหมครับ?) ดังนั้นผมก็เลยบอกว่า ผมสนับสนุนร่างพรบ.รร.ทหารที่จะยกระดับเป็นปริญญาเอก แต่ผมขอฝาก รมต.กลาโหมครับว่า

1.ต้องขุดรากถอนโคน ระบบคิดแบบอนุรักษ์นิยม จารีตนิยมออกจากโรงเรียนทหารให้ได้ และต้องแทนที่ด้วยระบบคิดแบบเสรีนิยม

 ผมยกตัวอย่าง ว่าแม้แต่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน(จีนแดง)ที่เขายังมุ่งมั่นที่จะสร้าง สังคมคอมมิวนิสต์ไม่เลิก แต่ปัจจุบัน เขายอมรับว่าต้องใช้ระบบแบบเสรีนิยมในทั่วประเทศของเขา
(นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่มีรายละเอียดมากแต่ผมไม่มีเวลาที่จะอธิบายจึงไม่ได้อธิบาย) กองทัพของจีนแดงก็มีระบบคิดแบบเสรีนิยมแล้วครับ

2.รร.ทหารต้องสอน รัฐศาสตร์ ปรัชญาการเมือง โดยเฉพาะปรัชญา ของระบอบประชาธิปไตย(ที่แท้จริง)อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทหารต้องรู้ว่า ปรัชญาของกองทัพคืออะไร กองทัพมีไว้เพื่ออะไร คำตอบสำเร็จรูปที่ว่า มีไว้เพื่อปกป้อง ชาติศาสน์กษัตริย์นั้นถูกต้อง แต่สั้นและเป็นนามธรรมเกินไป
และพวกอนุรักษ์นิยมจารีตนิยมก็ตีความเข้าข้างตัวเองได้ จนนำเอากองทัพไปทำรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำอีก
ต้องอธิบายให้ละเอียดว่า ทหารจะปกปัองอนุรักษ์นิยมจารีตนิยม หรือ เสรีนิยม (ซึ่งก็มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเฉกเช่นกัน ไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี เช่นกองทัพอังกฤษก็ต้องปกป้องพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ)

ผมบอกว่าผมดูหลักสูตรที่ทางรัฐสภาได้แจกเป็นเอกสารประกอบร่างพรบ.นั้นเห็น ชัดว่า ไม่มีการร่ำเรียนทางด้าน รัฐศาสตร์อย่าว่าแต่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย ไม่มีการร่ำเรียนทางด้านปรัชญา และไม่มีการศึกษาให้ลึกซึ้งว่า แท้จริงแล้วปรัชญาของการดำรงอยุ่ของกองทัพคืออะไร คือการยึดอำนาจรัฐประหารซ้ำซากซึ่งมีถึง22ครั้งแล้วอย่างงั้นหรือเปล่า

3.ผมเสนอให้รร.ทหาร ศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ของชาติไทยโดยละเอียด
 ที่ผ่านมาประวัติศาสตร์ไทย มีแต่ฝ่ายพลเรือนศึกษาค้นคว้าเท่านั้น และอีกส่วนหนึ่งสืบทอดมาจาก ระบบศักดินาเท่านั้น รร.ทหารนี่แหละน่าจะศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ของไทยเราเองให้ลึกซึ้งแตกฉาน และนำเสนอต่อสาธารณชนต่อไป แต่นี่ในอดีตที่ผ่านมาของรร.จปร.ยังไม่เคยปรากฏผลงานด้านนี้เลยครับ(ยกเว้น ข้อถกเถียงเรื่องวันทำยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้น) หรือใครเคยพบเห็นกรุณาให้ข้อเท็จจริงผมด้วยครับ

4.ผมเสนอให้ดำเนินการค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี่ให้ทันสมัยหรือล้ำสมัย
ไหนๆจะมีระดับปริญญาเอกแล้ว ก็ต้องมีสาขาวิชาค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี่สมัยใหม่ให้ทัดเทียม ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงดูแต่อินเดียซิครับ อย่าว่าแต่จีนแดงเลย เทคโนโลยี่เขาล้ำหน้าไปถึงกำลังจะส่งคนไปดวงจันทร์แล้วครับแต่ของเรา ทุกอย่าง ซื้อหมด แล้วซื้อแบบไม่ฉลาดด้วย
(ไม้ชี้ผี จีที200ไงเล่าครับ ใช่ไหมครับ) ซื้อโดยต้องการคอรัปชั่นด้วยใช่ไหมครับเช่น เครื่องบินกริฟเพน รถล้อยางหุ้มเกราะจากยูเครน เรือเหาะที่จะถ่ายภาพผู้ก่อความรุนแรงภาคใต้
(ที่ยังเหาะไม่ขึ้นด้วยซ้ำไปด้วยราคาที่แพงกว่าบริษัทกันตนาซือ4-5เท่าโกงกินกันใช่ไหมครับ)

ผมมีเวลาเพียง7นาทีเท่านั้นเอง จึงอภิปรายได้เพียงเท่านี้ครับ ที่ค้างอีกนิดหน่อยเนื่องจากเวลาไม่พอ ผมตั้งใจจะชี้ให้เห็นว่า ดูอิสราเอลซิครับ

(ผมไม่ต้องการไปพูดในแง่ของสงครามตะวันออกกลางนะครับ) เขาเรียนรู้เทคโนโลยี่จากอเมริกัน จนสามารถผลิดปืนเล็กยาว(ทาโว่  แล้วที่ออกมาใหม่กว่าคือx-95 ปืนพกแบบเจอริโม) รถถังหุ้มเกราะแบบใหม่ เครื่องบินไร้คนขับแบบสอดแนมและโจมตีแบบใหม่ สารพัด แล้วเขาเอามาเสนอขายเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ครับ  นอกจากนี้อิสราเอล เขาได้เทคโนโลยี่จากสหภาพโซเวียด(หรือรัสเซียปัจจุบัน) เขาสามารถรับซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ของโซเวียดรัสเซียทั้งหมด หรือรับอัพเกรดได้หมดครับ ทำเงินตั้งเท่าไร และทำให้กองทัพของอิสราเอล มีเขี้ยวเล็บพิษสงร้ายกาจเท่าไร   น่าสพรึงกลัวแบบเล็กพริกขี้หนูตั้งเท่าไร

แล้วที่สำคัญคือไม่มีกองทัพไหนในโลกนี้ครับ ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงใช้กองทัพในการทำรัฐประหาร และใช้กองทัพในการฆ่าฟันประชาชนของตนเอง
(ผมพูดไปบางส่วน แต่เวลาไม่พอจึงพูดไม่ได้มากเท่าไรครับ)

ไม่รู้ว่าท่านรมต.กลาโหมจะรับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขอย่างไรหรือไม่นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น