ภาครัฐ ระบุที่นายบารัก โอบามา กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค โดยเฉพาะด้านการส่งออก ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นว่ามีผลดีต่อความเชื่อมั่น
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯของโอบามาในวันนี้ (7 พ.ย.55) จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการส่งออก เพราะที่ผ่านมานายโอบามาได้ให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้อยู่แล้ว จึงเชื่อว่าหากมีการสานต่อนโยบายเดิม ทุกอย่างก็จะเป็นบวกมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกของไทยน่าจะขยายตัวมากขึ้นอย่างแน่นอน
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การที่นายบารัก โอบามา กลับมาจะทำให้การทำงานมีความต่อเนื่องและมีผลทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านยังคงเหมือนเดิม คือไม่รุนแรงและเป็นปฏิปักษ์กับประเทศมหาอำนาจ เป็นผลดีต่อการค้าการลงทุนและเศรษฐกิจอเมริกาและทั่วโลกรวมทั้งของไทย พร้อมกันนี้ยังเชื่อว่า ประเทศในเอเซียจะได้รับผลดีจากการปลดล็อค นโยบายหน้าผาการคลัง หรือ การถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง จนอาจทำให้เศรษฐกิจถูกฉุดให้ลดต่ำลงได้ เพราะเป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดหวังว่าจะเกิดการปลดล็อคในเรื่องนี้ ทั้งนี้กระทรวงการคลัง ยังยืนยันการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ที่ร้อยละ 5.5 และปีหน้าร้อยละ 5.2
ขณะที่นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปตามคาด ถือเป็นข้อดีในแง่ของความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายของสหรัฐ และอย่างน้อยก็ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจสหรัฐก็มีเสถียรภาพมากขึ้น และมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า หลังได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้กำกับดูแล กรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยจะเร่งดูกฎหมายหลายฉบับที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเชื่อว่า หากกฏหมายเหล่านี้ สามารถเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในปีหน้า ก็จะนำผลของการแก้ไขกฏหมายไปหารือกับสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ผ่อนปรนหรือปรับลดการที่ไทยถูกขึ้นบัญชีถูกจับตามองเป็นพิเศษ หรือ PWL ต่อการปราบปรามละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในแบบต่างๆ ซึ่งไทยถูกขึ้นบัญชีมาหลายปี และเชื่อว่า หากมีข้อมูลที่ชัดเจน จะทำให้สหรัฐปลดไทยเป็น บัญชีที่ถูกจับตามองได้
นายณัฐวุฒิ ยังได้กำชับให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ปรับขั้นตอนการยื่นขอจดสิทธิบัตรลงอีก จากเดิม การยื่นขอจดสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร ใช้เวลานานกว่า 1-2 ปี เหลือเพียงไม่เกิน 6 เดือนแล้ว แต่เห็นว่า สามารถปรับลดระยะเวลาลงเหลือ 3 เดือนได้ โดยใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาทในการปรับปรุง
7 พฤศจิกายน 2555 เวลา 18:07 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น