แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"ยิ่งลักษณ์"ชูการเมือง-ศก.มั่นคงแข็งแกร่ง ย้ำสร้างปรองดอง

ที่มา เพื่อไทย

 


          นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุนทรพจน์และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนักธุรกิจสหราชอาณาจักร และนักธุรกิจไทยที่ร่วมคณะ จัดโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และ United Kingdom Trade and Investment ซึ่ง ในงานนี้มีการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนไทยและสหราชอาณาจักรในสาขาธุรกิจประเภท เดียวกันพบปะแลกเปลี่ยน สร้างเครือข่ายและขยายช่องทางธุรกิจระหว่างกัน เช่น สาขาอาหารและสินค้าเกษตร สินค้าดีไซน์ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ อัญมณีและเครื่องประดับ และชิ้นส่วนยานยนต์
          ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “2013: The Year of Opportunity in Thailand” ใน ระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันกับนักธุรกิจที่เข้าร่วมงานเพื่อสร้างความ เชื่อมั่นต่อเสถียรภาพประเทศไทย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และศูนย์กลางการเชื่อมต่อในภูมิภาค นโยบายการส่งเสริมการลงทุน และแผนการลงทุนของรัฐบาลสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
          นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและสหราชอาณาจักร ที่ดำเนินมาอย่างใกล้ชิดถึง 400 ปี และมีความผูกพันธุ์ตั้งแต่ระดับราชวงศ์จนถึงประชาชน โดยไทยและสหราชอาณาจักร ต่างยึดมั่นในคุณค่าประชาธิปไตยและเคารพต่อสิทธิมนุษยชน อีกทั้ง รัฐบาลได้นำประชาธิปไตยกลับสู่ระบบแล้ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่าจะสร้างความมั่นคงทางการเมืองและพื้นฐาน ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งต่อไป โดยยึดหลักนิติรัฐและธรรมาภิบาล ประชาชนได้ให้อำนาจที่เป็นเอกฉันท์แก่รัฐบาลผ่านการเลือกตั้ง และด้วยการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ รัฐบาลจะดำเนินการกับอำนาจที่ต่อต้านประชาธิปไตยที่ยังมีอยู่ในประเทศไทย
          ความ มั่นคงทางการเมือง เป็นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี รัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมการปรองดองบนพื้นฐานนิติรัฐ และการเจรจาระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ข้อขัดแย้งทางการเมืองจะต้องแก้ปัญหาในรัฐสภา ไม่ใช่การประท้วงบนถนนและความรุนแรง 
          ประชาชน ไทยและสหราชอาณาจักร ต่างร่วมได้ประโยชน์จากการส่งเสริมความมั่นคงและความรุ่งเรืองของโลก ซึ่งในการหารือกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะร่วมกันสร้าง ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่การขยายความร่วมมือในประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ แต่ยังเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจโดยการส่งเสริมการเติบโตและการ จ้างงานร่วมกัน ความร่วมมือจะครอบคลุมทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจการศึกษา การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและสังคม 
          นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงมูลค่าทางการค้าระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรที่สูงถึง 3.6 พันล้านปอนด์ ในปีที่ผ่านมา และอังกฤษถือเป็นผู้ลงทุนอันดับ 1 จากสหภาพยุโรปในไทย ในขณะที่การลงทุนของไทยในอังกฤษก็เติบโตสูงขึ้น การจัดทำ FTA Thai-Europe จะ เป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มและขยายการค้าและการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเจรจาในต้นปีหน้า และภายใต้กรอบดำเนินการ ความร่วมมือยุทธศาสตร์ ไทยและสหราชอาณาจักรจะเป็นหุ้นส่วนการเติบและความมั่งคั่งระหว่างกัน แต่ทั้งนี้การสนับสนุนจากภาคเอกชนถือเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน ในครั้งนี้จึงมีภาคเอกชนไทยร่วมเดินทางด้วย และในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นถึงความสำคัญเร่งด่วนของประเทศไทยใน ปี 2556 คือการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ประเทศไทยเพื่อความมั่นคงและความมั่งคั่งที่ ต่อเนื่อง รัฐบาลไทยจะเริ่มการลงทุนสาธารณูปโภคและโครงการบริหารจัดการน้ำในปี2556 ซึ่งจะช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาคและสร้างห่วง โซ่อุปทานที่มั่นคงในภูมิภาค และโครงการนี้ถือเป็นการเตรียมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่มีศักยภาพเพื่อการแข่งขันด้วยการเชื่อมโยงกัน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่เข้มแข็ง อาเซียนจะมีบทบาทนำสำคัญยิ่งขึ้นในเรื่องที่อาเซียนเป็นหลักในการดำเนินการ เช่น การประชุมผู้นำเอเชียตะวันออก โดยจะเป็นประตูสู่ความมั่งคั่งในภูมิภาคร่วมกัน
          การพัฒนาสาธารณูปโภคจำนวน 42 พันล้านปอนด์ กำหนดไว้ในโครงการต่างๆตั้งแต่ปี 2556-2559 รวมทั้ง รถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง ที่จะเชื่อม ไทย-จีน-มาเลเซีย-สิงคโปร์-เวียดนาม ซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้ารวดเร็วขึ้น และแผ่ขยายความมั่งคั่งไปยังพื้นที่อื่นๆของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ การขยายท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย และถนนที่เชื่อมต่อระหว่างสองท่าเรือนี้ จะสร้างการเชื่อมต่อทางบกที่มีประสิทธิภาพจากอ่าวไทยไป มหาสมุทรอินเดีย ซึ่งจะลดเวลาการขนส่งไปครึ่งหนึ่ง
          ในการนี้ รัฐบาลยังลงทุน 7.3 พันล้านปอนด์ เพื่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำใหม่ภายใต้ระบบ Single Command ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการประมูลที่โปร่งใส และคาดว่าโครงการเหล่านี้จะเริ่มดำเนินการได้ระหว่างปี 2556-2559 สำหรับงบประมาณโครงการ รัฐบาลระดมทุนทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนการเข้าร่วมจากภาคเอกชน เพื่อการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและทันเวลา อีกทั้งการลงทุนเหล่านี้คาดว่าจะนำมาซึ่งการเติบโตในระยะกลางด้วย
          ประเทศ ไทยในฐานะผู้ส่งออกอาหารสำคัญตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบในการช่วยส่ง เสริมความมั่นคงทางอาหารของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประชากรโลกเพิ่มสูงขึ้น ไทยจึงวางแผนที่จะเสริมสร้างการผลิตอาหารและศักยภาพการจำหน่าย รวมทั้งข้าวด้วย โดยการพัฒนาไซโลเพื่อยกระดับศักยภาพการเก็บรักษาและลดการสูญเสียของอาหาร โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มศักยภาพการเก็บรักษาภายหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งจะช่วยให้สามารถบริหารจัดการปริมาณการจำหน่ายข้าวสู่ตลาดได้อย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อสอดรับกับราคาที่ผันผวน ในการนี้ ไทยได้ริเริ่มความร่วมมือผู้ผลิตข้าว 5 ประเทศ จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมกันส่งเสริมเสถียรภาพราคาข้าว นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนที่เสริมสร้างการเก็บรักษาข้าวและการบริหารจัดการ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารของโลกและช่วยบรรเทาในยามเกิดภัยพิบัติ
          ดังนั้น ปี 2556 จึง เป็นปีที่สำคัญของไทยที่จะนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ สร้างความมั่นคงทางการเมืองและประชาธิปไตย การดำเนินการโครงการสาธารณูปโภค และเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการข้าว ซึ่งถือเป็นปีแห่งโอกาสของนักลงทุนสหราชอาณาจักร เพื่อสร้างความมั่งคั่งและการเติบโตร่วมกันด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น