นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ได้กล่าวสุนทรพจน์และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนักธุรกิจสหราชอาณาจักร
และนักธุรกิจไทยที่ร่วมคณะ จัดโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และ United Kingdom Trade and Investment ซึ่ง
ในงานนี้มีการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนไทยและสหราชอาณาจักรในสาขาธุรกิจประเภท
เดียวกันพบปะแลกเปลี่ยน สร้างเครือข่ายและขยายช่องทางธุรกิจระหว่างกัน เช่น
สาขาอาหารและสินค้าเกษตร สินค้าดีไซน์ เศรษฐกิจสร้างสรรค์
อัญมณีและเครื่องประดับ และชิ้นส่วนยานยนต์
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “2013: The Year of Opportunity in Thailand” ใน
ระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันกับนักธุรกิจที่เข้าร่วมงานเพื่อสร้างความ
เชื่อมั่นต่อเสถียรภาพประเทศไทย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ
และศูนย์กลางการเชื่อมต่อในภูมิภาค นโยบายการส่งเสริมการลงทุน
และแผนการลงทุนของรัฐบาลสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและสหราชอาณาจักร ที่ดำเนินมาอย่างใกล้ชิดถึง 400
ปี และมีความผูกพันธุ์ตั้งแต่ระดับราชวงศ์จนถึงประชาชน
โดยไทยและสหราชอาณาจักร
ต่างยึดมั่นในคุณค่าประชาธิปไตยและเคารพต่อสิทธิมนุษยชน อีกทั้ง
รัฐบาลได้นำประชาธิปไตยกลับสู่ระบบแล้ว ทั้งนี้
นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่าจะสร้างความมั่นคงทางการเมืองและพื้นฐาน
ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งต่อไป โดยยึดหลักนิติรัฐและธรรมาภิบาล
ประชาชนได้ให้อำนาจที่เป็นเอกฉันท์แก่รัฐบาลผ่านการเลือกตั้ง
และด้วยการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ
รัฐบาลจะดำเนินการกับอำนาจที่ต่อต้านประชาธิปไตยที่ยังมีอยู่ในประเทศไทย
ความ
มั่นคงทางการเมือง
เป็นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ซึ่งนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี
รัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมการปรองดองบนพื้นฐานนิติรัฐ
และการเจรจาระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ข้อขัดแย้งทางการเมืองจะต้องแก้ปัญหาในรัฐสภา
ไม่ใช่การประท้วงบนถนนและความรุนแรง
ประชาชน
ไทยและสหราชอาณาจักร
ต่างร่วมได้ประโยชน์จากการส่งเสริมความมั่นคงและความรุ่งเรืองของโลก
ซึ่งในการหารือกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะร่วมกันสร้าง
ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ใหม่
ซึ่งไม่เพียงแต่การขยายความร่วมมือในประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ
แต่ยังเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจโดยการส่งเสริมการเติบโตและการ
จ้างงานร่วมกัน ความร่วมมือจะครอบคลุมทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจการศึกษา
การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและสังคม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงมูลค่าทางการค้าระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรที่สูงถึง 3.6 พันล้านปอนด์ ในปีที่ผ่านมา และอังกฤษถือเป็นผู้ลงทุนอันดับ 1 จากสหภาพยุโรปในไทย ในขณะที่การลงทุนของไทยในอังกฤษก็เติบโตสูงขึ้น การจัดทำ FTA Thai-Europe จะ
เป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มและขยายการค้าและการลงทุน
ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเจรจาในต้นปีหน้า และภายใต้กรอบดำเนินการ
ความร่วมมือยุทธศาสตร์
ไทยและสหราชอาณาจักรจะเป็นหุ้นส่วนการเติบและความมั่งคั่งระหว่างกัน
แต่ทั้งนี้การสนับสนุนจากภาคเอกชนถือเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน
ในครั้งนี้จึงมีภาคเอกชนไทยร่วมเดินทางด้วย
และในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นถึงความสำคัญเร่งด่วนของประเทศไทยใน
ปี 2556
คือการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ประเทศไทยเพื่อความมั่นคงและความมั่งคั่งที่
ต่อเนื่อง
รัฐบาลไทยจะเริ่มการลงทุนสาธารณูปโภคและโครงการบริหารจัดการน้ำในปี2556
ซึ่งจะช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาคและสร้างห่วง
โซ่อุปทานที่มั่นคงในภูมิภาค
และโครงการนี้ถือเป็นการเตรียมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ที่มีศักยภาพเพื่อการแข่งขันด้วยการเชื่อมโยงกัน
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่เข้มแข็ง
อาเซียนจะมีบทบาทนำสำคัญยิ่งขึ้นในเรื่องที่อาเซียนเป็นหลักในการดำเนินการ
เช่น การประชุมผู้นำเอเชียตะวันออก
โดยจะเป็นประตูสู่ความมั่งคั่งในภูมิภาคร่วมกัน
การพัฒนาสาธารณูปโภคจำนวน 42 พันล้านปอนด์ กำหนดไว้ในโครงการต่างๆตั้งแต่ปี 2556-2559 รวมทั้ง รถไฟความเร็วสูง 4
เส้นทาง ที่จะเชื่อม ไทย-จีน-มาเลเซีย-สิงคโปร์-เวียดนาม
ซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้ารวดเร็วขึ้น
และแผ่ขยายความมั่งคั่งไปยังพื้นที่อื่นๆของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ การขยายท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย
และถนนที่เชื่อมต่อระหว่างสองท่าเรือนี้
จะสร้างการเชื่อมต่อทางบกที่มีประสิทธิภาพจากอ่าวไทยไป มหาสมุทรอินเดีย
ซึ่งจะลดเวลาการขนส่งไปครึ่งหนึ่ง
ในการนี้ รัฐบาลยังลงทุน 7.3 พันล้านปอนด์ เพื่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำใหม่ภายใต้ระบบ Single Command ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการประมูลที่โปร่งใส และคาดว่าโครงการเหล่านี้จะเริ่มดำเนินการได้ระหว่างปี 2556-2559
สำหรับงบประมาณโครงการ รัฐบาลระดมทุนทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ
รวมทั้งสนับสนุนการเข้าร่วมจากภาคเอกชน
เพื่อการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและทันเวลา
อีกทั้งการลงทุนเหล่านี้คาดว่าจะนำมาซึ่งการเติบโตในระยะกลางด้วย
ประเทศ
ไทยในฐานะผู้ส่งออกอาหารสำคัญตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบในการช่วยส่ง
เสริมความมั่นคงทางอาหารของโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประชากรโลกเพิ่มสูงขึ้น
ไทยจึงวางแผนที่จะเสริมสร้างการผลิตอาหารและศักยภาพการจำหน่าย
รวมทั้งข้าวด้วย
โดยการพัฒนาไซโลเพื่อยกระดับศักยภาพการเก็บรักษาและลดการสูญเสียของอาหาร
โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มศักยภาพการเก็บรักษาภายหลังการเก็บเกี่ยว
ซึ่งจะช่วยให้สามารถบริหารจัดการปริมาณการจำหน่ายข้าวสู่ตลาดได้อย่างมี
ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อสอดรับกับราคาที่ผันผวน ในการนี้
ไทยได้ริเริ่มความร่วมมือผู้ผลิตข้าว 5
ประเทศ จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เพื่อร่วมกันส่งเสริมเสถียรภาพราคาข้าว
นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนที่เสริมสร้างการเก็บรักษาข้าวและการบริหารจัดการ
เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารของโลกและช่วยบรรเทาในยามเกิดภัยพิบัติ
ดังนั้น ปี 2556 จึง
เป็นปีที่สำคัญของไทยที่จะนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ
สร้างความมั่นคงทางการเมืองและประชาธิปไตย การดำเนินการโครงการสาธารณูปโภค
และเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการข้าว
ซึ่งถือเป็นปีแห่งโอกาสของนักลงทุนสหราชอาณาจักร
เพื่อสร้างความมั่งคั่งและการเติบโตร่วมกันด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น