แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเบื้องหลังม็อบ"เสธ.อ้าย" สงครามกลับมาแล้ว!!!

ที่มา มติชน


(ที่มา:มติชนรายวัน 12 พ.ย. 2555)


ที่มา - การสัมภาษณ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แกนนำนปช. ว่าด้วยมุมมองที่มีต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม

@ ขยายความที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ บอกว่าม้าของข้าศึกกำลังวิ่งเข้าประชิดเมือง

นั่น เป็นการอธิบายตัวอย่างของนายจตุพร ซึ่งผมเห็นในมิติเดียวกัน แต่คำอธิบายของผมคือการเคลื่อนไหวของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่สนามม้านางเลิ้งไม่ธรรมดา ถามว่า พล.อ.บุญเลิศเป็นแกนนำเหรอ มันไม่ใช่ ผมพูดตรงไปตรงมาว่า ถ้าเพียง พล.อ.บุญเลิศคนเดียวเป็นแกนนำในการชุมนุมนี้ ชุมนุมกันต่อไปอีกสักครั้งสองครั้งก็พัง เพราะ พล.อ.บุญเลิศไม่เข้าใจมิติการเมืองในปัจจุบันเลย แต่น่าสนใจคือทำไมต้องเป็น พล.อ.บุญเลิศ เราไม่เคยเห็น พล.อ.บุญเลิศแสดงบทบาทเป็นแกนนำประชาชนมาตลอด อยู่ดีๆ ออกมาประกาศการชุมนุม แล้วเปิดเผยเลยว่าจะล้มรัฐบาล ปกติถ้าวันหนึ่งมีใครลุกขึ้นประกาศกลางสังคมแบบนี้ เราจะไม่มีความรู้สึกว่าเขาเป็นผู้นำม็อบ จะรู้สึกว่าเขากำลังไม่สบาย

@ พล.อ.บุญเลิศสามารถนำคนมาชุมนุมได้หลักหมื่นถือว่าไม่ธรรมดา

พล.อ.บุญ เลิศประกาศปั๊บคนมาเป็นหลักหมื่น มันอธิบายว่าคนศรัทธา พล.อ.บุญเลิศเหรอ มันไม่ใช่ แต่อธิบายว่ากลไกที่อยู่เบื้องหลังเขาคุยกันเสร็จแล้ว เขาเตรียมการกันหมดแล้ว แล้วเขาก็ไปสะกิด พล.อ.บุญเลิศให้มาแสดงตัวเป็นผู้นำ บทบาทนี้ความจริงน่าจะเป็นของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณจำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ชั่วโมงนี้เป็นไม่ได้ เพราะยังทะเลาะกันไม่เลิก เขาต้องสร้างตัวละครใหม่ แต่กลไกที่อยู่เบื้องหลังคือกลไกเดิมทั้งหมด

@ กลไกที่อยู่เบื้องหลัง พล.อ.บุญเลิศตามความเชื่อของคนเสื้อแดงทำหน้าที่อะไรบ้าง

พล.อ.บุญ เลิศอยากพูดอะไรก็พูด อยากนำเสนออะไรก็ว่ากันไป แต่กลไกที่อยู่เบื้องหลังเขามีหน้าที่กำหนดให้ พล.อ.บุญเลิศไปนัดว่าจะชุมนุมวันไหน แล้วเขาจัดคนของเขาเอง เขาเตรียมการของเขาเอง ผมว่า พล.อ.บุญเลิศไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ากลไกไหนบ้าง

ที่ จัดคนมาให้ในการชุมนุม ผมเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเวลาเขาทำอะไรกันจะไม่ให้ พล.อ.บุญเลิศรู้ทั้งหมด เพราะเห็นอยู่แล้วว่า พล.อ.บุญเลิศ แม้จะเป็นผู้ใหญ่ แต่เวลาพูดอะไรออกมาเป็นเด็กทุกที ดังนั้น คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังจะให้ พล.อ.บุญเลิศรู้ภารกิจเพียงจำกัดเท่านั้น

พล.อ.บุญ เลิศออกมาอธิบายความว่าจะแช่แข็งประเทศไทย จะปิดประเทศไทย เอาอุดมการณ์แบบนี้มานำเสนอ มันมองได้อย่างเดียวเลยว่า กลุ่มคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังไม่ได้สนว่าจะมีใครในสังคมจะมาสนับสนุน ไม่ได้แคร์ว่าคนที่อยู่กลางๆ จะคิดอย่างไร ไม่ได้แคร์ว่าม็อบจะมีแนวร่วมและขยายตัวไปแค่ไหน เพราะถ้าต้องการแนวร่วมเพิ่มจะให้ พล.อ.บุญเลิศมาพูดอยู่อย่างนี้ไม่ได้ การประกาศปิดประเทศ ประกาศล้มรัฐบาลโดยไม่มีเหตุผล แล้วใครเขาจะมาร่วม ที่สำคัญสิ่งที่ พล.อ.บุญเลิศพูดแสดงให้เห็นถึงจิตใต้สำนึกของคนที่อยู่เบื้องหลังความ เคลื่อนไหวนี้ นี่คือพิมพ์เขียวทางการเมืองของขบวนการทั้งหมดของคนที่อยู่เบื้องหลัง พล.อ.บุญเลิศ

@ การล้มรัฐบาลเพื่อปิดประเทศคือเป้าหมายสูงสุดของคนที่อยู่เบื้องหลัง พล.อ.บุญเลิศ

แน่ นอน เขาคุยกันมาตลอด เขาจัดการคนให้มาชุมนุมได้สบาย การชุมนุมครั้งหน้า พล.อ.บุญเลิศประกาศ 1 ล้านคน ฟังดูน่าตื่นเต้น แต่ผมประเมินว่าจะมีคน

มาร่วมชุมนุม 3-5 หมื่นคน แค่นี้คนเบื้องหลัง พล.อ.บุญเลิศเขาจัดการมาได้สบาย เพราะเขาเตรียมการมาปีกว่า

ผม ทำนายเลยว่า เมื่อคนเบื้องหลังใช้ พล.อ.บุญเลิศเสร็จ ก็จะทิ้ง สิ่งที่ พล.อ.บุญเลิศพูด ใช้ไม่ได้ในสมัยนี้ ผมว่าตอนนี้ยังไม่มีใครบอกให้ปรับแนว ผมถึงบอกว่า พล.อ.บุญเลิศคงไม่อยู่ในวงยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง เขาส่งมวยขึ้นมาต่อยทั้งที แต่ไม่แนะนำเลยว่าให้ชกอย่างไร มวยออกมาต่อยมั่วไปหมด หน้าตาบวมปูดหมดแล้ว

ผมไม่ทราบว่าตัว พล.อ.บุญเลิศวิเคราะห์ตัวเองอย่างไร แต่ผมในฐานะที่อยู่ในสนามรบ ด้วยความเคารพท่านเป็นนักรบที่เสียชีวิตแล้ว เพราะการต่อสู้จะมาประกาศอุดมการณ์เผด็จการไม่ได้ ใครยกชูอุดมการณ์เผด็จการเท่ากับท่านเสียชีวิตแล้ว ที่น่าเจ็บปวดคือคนที่อยู่ข้างหลังยังดันทุรังใช้ พล.อ.บุญเลิศอยู่ ไม่ดูแลกันเลย

@ ลำพังการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศจะมีพลังพอล้มรัฐบาลเพื่อปิดประเทศได้หรือไม่
เขา ไม่ได้คาดหวังว่าจะล้มโดยการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ แต่การชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ เขาเอาไว้อธิบายว่ามีคนออกมาขับไล่รัฐบาล ส่วนดาบประหารเขาซ่อนไว้อีกที่หนึ่ง และจะลงมือเมื่อเขาเห็นว่าถึงเวลา ผมเชื่อว่าดาบที่จะล้มรัฐบาลเขาได้เตรียมการไว้แล้ว อาจจะออกมาในรูปขององค์กรอิสระ หรือกลไกกฎหมายอื่นๆ ก็ตาม ไม่ทราบว่ามันคืออะไร และเชื่อว่า พล.อ.บุญเลิศไม่ทราบเหมือนกันว่าคืออะไร

ผม อยากจะส่งข้อความถึงคนเหล่านี้ว่า ที่คุณคิดกันมันดูเหมือนง่าย แล้วดูเหมือนอาจจะทำได้อีก เพราะคุณทำมาแล้ว 2-3 ครั้งแล้ว แต่ต้องเข้าใจว่าคราวนี้ถ้าจะเป็นอย่างที่คุณต้องการได้ ประเทศต้องไม่มีประชาชนเลย ผมนึกไม่ออกเลยว่าจะมีคนส่วนใหญ่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าคิดจะทำแบบเดิมอีกต้องเข้าใจว่าเดิมพันมันใหญ่ ถ้าคิดว่าพวกคุณเป็นเจ้าของประเทศไทย ประชาชนเป็นเพียงอะไรก็ตามที่จะต้องก้มหัว ยอมรับกับทุกอย่างที่คุณต้องการ พวกคุณกำลังคิดผิด

ประชาชนที่เขาจะออกมาต่อต้านขบวนการปิดประเทศ เขาไม่ได้ออกมาด้วยความรู้สึกว่าจะต้องปกป้องรัฐบาลหรอกนะ แต่เขาออกมาเพราะต้องการปกป้องระบบประชาธิปไตย ผมขอพูดไปยังคนไทยทุกสีเสื้อ ทุกกลุ่มฝ่าย ว่าถ้าไม่ต้องการปิดประเทศ ต้องออกมาต่อต้านการกระทำของคนกลุ่มนี้

@ อธิบายโครงการสร้างของคนที่อยู่เบื้องหลัง พล.อ.บุญเลิศว่ามีใครบ้าง วางแผนที่ไหน และเชื่อมโยงกันอย่างไร

จริงๆ แล้วไม่ต้องอธิบาย ใครติดตามการเมืองหลังปี 2548 รู้หมดว่าอะไรเป็นอะไร เพียงแต่ พล.อ.บุญเลิศเป็นตัวแสดงใหม่ที่เขาผลักออกมายืนอยู่กลางเวที

@ นายจตุพรพูดเป็นนัยยะว่าคนในรัฐบาลประเมินความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามต่ำไป
คน บางกลุ่มอาจจะไม่เคยผ่านสถานการณ์จริงของการต่อสู้ แล้วบางทีในวงล้อมของอำนาจหลายอย่างมันหอมหวาน แล้วก็เย้ายวนใจเกินกว่าจะมานั่งคิดว่าศึกสงครามจะรุกเข้ามาทิศทางไหน ผมพยายามสื่อสารไปยังพรรคเพื่อไทย เข้าไปประชุมกับผู้ใหญ่ของพรรค สื่อสารเรื่องนี้กับคนสำคัญในรัฐบาล ถือว่าผมได้ทำในสิ่งที่สมควรทำแล้ว สิ่งที่เราพูดโดยทั่วกันคือสงครามกลับมาแล้ว แล้วศึกนี้ไม่ธรรมดา แต่ใครจะคิดยังไง จะทำอะไรก็ทำเถอะ แต่ถึงเวลาผมสู้ล่ะ

@ นายจตุพรเปรียบเทียบว่าเมื่อข้าศึกเข้ายึดเมืองได้ อาจจะมีคนในรัฐบาลจะเอาเจ้านายไปเก็บไว้ในตู้ แล้วจะหามตู้ไปส่งให้ศัตรู
ใน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบางทีก็มีเรื่องน่าเจ็บปวดแบบนี้ เราแน่ใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพลวงตา เราก็ทำโลกของความเป็นจริงในหน้าที่ของเราให้เต็มกำลัง

@ วิเคราะห์กันว่าอำมาตย์ฝ่ายแดงก็มีไม่ใช่น้อย

ผม ยังไม่ยอมรับวาทกรรมอำมาตย์ฝ่ายแดงของสื่อนะ ผมไม่อยากจะพยายามสาดแสงไฟไปยังทุกมุมของฝ่ายตัวเอง เพราะผมเห็นว่าถ้าตาเรามองเห็นว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นขอให้อยู่ในความ เข้าใจ แล้วเตรียมการรับมือกับสภาพการณ์อย่างนี้ให้ได้ อันไหนที่ควรสื่อสารก็สื่อสาร อันไหนที่จำเป็นต้องอธิบายก็อธิบาย แต่ในมุมมองผม การที่จะหันหน้าไปยังพวกเดียวกันเอง แล้วไปชี้ว่าตรงนั้นใช่ ตรงนั้นไม่ใช่ อาจจะทำไม่ได้ในสถานการณ์นี้ สถานการณ์นี้สิ่งที่ควรทำคืออันไหนกระซิบ ต้องกระซิบ อันไหนตะโกน ต้องตะโกน อันไหนสื่อสารได้มากน้อยแค่ไหนต้องวางน้ำหนัก

@ คนพวกเดียวกันเองหักหลังกันเองมันน่ากลัว

เวลา ที่เผชิญสถานการณ์สู้รบจะมีบรรยากาศแบบนี้ตลอดเวลา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แข็งแรงที่สุด ยามศึกประชิดตัวหันมาอีกทีไม่เหลือใครแล้ว มีการทรยศหักหลังครั้งแล้วครั้งเล่า มีการย้ายขั้วเปลี่ยนข้าง นี่คือสิ่งที่พวกผมสรุปบทเรียนได้ แต่ถ้ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยังสรุปบทเรียนไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของชะตากรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น