
วันนี้ องค์กรสื่อ ได้ออก แถลงการณ์ร่วมองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง
แถลงการณ์ ดังกล่าวระบุว่า จากกรณีที่ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2555 ได้เกิดเหตุการณ์ยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม ขณะพยายามฝ่าแนวกั้นบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อเข้าไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า จนเกิดเหตุวุ่นวายกระทั่งมีกลุ่มผู้ชุมนุม ตำรวจ และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บและถูกควบคุมตัว โดย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงถึงสาเหตุที่มีการควบคุมตัวช่างภาพสื่อมวลชน โดยอ้างว่ามีการถ่ายภาพขณะเกิดเหตุการณ์รุนแรง ถือเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มีความเห็นร่วมกันว่า
1.การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังควบคุม ตัวช่างภาพสื่อมวลชนขณะปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อนำความจริงมาเสนอต่อสาธารณชนอย่างครบถ้วนรอบด้าน จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจเคารพการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนด้วย
2.การนำเสนอข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง สื่อมวลชนทุกแขนงต้องเสนอข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้สาธารณชนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รอบด้านมากที่สุด และไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำมาเป็นข้ออ้างในการยั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรง
3.เพื่อสร้างมาตรการความปลอดภัยให้กับสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภาค สนาม สมาคมวิชาชีพทั้ง 2 สมาคม ได้ประสานงานกับแกนนำผู้ชุมนุม และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อใช้ปลอกแขนสีเขียวมีตราสัญลักษณ์ของสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่ง ประเทศไทย ตลอดระยะเวลาการชุมนุม โดยเริ่มตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
แถลงการณ์ดังกล่าวขององค์กรสื่อ ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางและรุนแรงว่า เป็นแถลงการณ์ที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ส่วนใหญ่เห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ตามกฎหมาย อย่างพอเหมาะพอสมควรแก่เหตุ และส่วนใหญ่สังคม ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฎิบัติหน้าที่อย่างเหนื่อยยาก ในขณะที่องค์กรสื่อ กลับปล่อยให้สื่อบางสถานีโหมกระแสให้ใช้ความรุนแรง ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น