นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้สัมภาษณ์ มติชนออนไลน์ หลัง "องค์การพิทักษ์สยามยุติการชุมนุม" เมื่อเวลา 17.21 น. โดยนักประวัติศาสตร์ผู้นี้ มองว่า การประกาศยุติการชุมนุมครั้งนี้ ทำให้ กลุ่มของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แกนนำองค์การพิทักษ์สยาม “เสียเครดิตทางการเมือง” ซึ่งสำคัญมากมวลชนคงไม่เชื่อถือแล้ว กลุ่มนี้เสียเครดิต เพราะเริ่มต้นเป็นบ้องไม้ไผ่ เหลาลงไปเป็นบ้องกัญชา และการกระทำเช่นนี้กลับยิ่งทำให้ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีเครดิตทางการเมืองมากขึ้น และเชื่อว่าจะอยู่ครบเทอม
นายชาญวิทย์ กล่าวด้วยว่า รู้สึกแปลกประหลาดใจ ที่มีการลุกขึ้นมาประท้วงเรียกร้องให้แช่แข็งการเมืองไทย เป็นการทวนกระแสประเทศไทย ทวนกระแสอาเซียน และทวนกระแสโลก ขณะที่ ประเทศพม่า ประเทศกัมพูชา กำลังพัฒนา
นอกจากนั้น ยังมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นสงครามตัวแทน “เสธ.อ้าย” ไม่ใช่ตัวจริง แต่ตัวจริง เป็นกลุ่ม ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ชุดเดิมที่เคยโค่นล้ม รัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และสุดท้ายที่น่าประหลาดคือ ขึ้นต้นน่าวิตก แต่กลับยุติการชุมนุมภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ประหลาดมาก แปลว่า กลุ่มนี้ จะไม่มีเครดิตทางการเมือง
การเมืองขณะนี้ เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายมหาศาล การมีนายกรัฐมนตรีหญิง ทำให้ตกเป็นเป้าโจมตีได้ยาก เมื่อเทียบกับสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
สำหรับคลิปเสียงที่มีการเปิดบนเวทีองค์การพิทักษ์สยามและโยงกับการจาบ จ้วงสถาบัน นายชาญวิทย์ กล่าวว่า เป็นการกล่าวหาแบบเดิมๆ ข้อกล่าวหาคลาสสิค จุดไม่ติดอีกต่อไป และใช้บ่อยกระทั่ง ทำให้สถาบันเสียหนักมาก ถ้าไม่เร่งแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ปัญหาจะไปตกอยู่ที่สถาบัน ไม่ใช่ตกอยู่ที่คนถูกกล่าวหา พูดอีกแบบคือ ปัญหาตกอยู่ที่ผู้ถูกนำมาอ้างและผู้ถูกนำมาโหน
เชื่อว่า ถ้าโหนสถาบันแล้วไม่โหนประชาธิปไตยในเวลาเดียวกัน สถาบันจะเสียหาย หากทำให้สองอย่างนี้ตรงข้ามกัน สถาบันจะเสียหาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น