"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศธ.คนใหม่
ที่ไม่ได้ดูแลเฉพาะกระทรวงเสมา แต่ยังควบเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี
ดูแลฝ่ายการต่างประเทศและด้านกฎหมายอีกตำแหน่ง
ซึ่งเขาบอกว่าตำแหน่งที่ได้มาไม่ได้เกิดจากการร้องขอแต่อย่างใด
และที่เข้ามานั่งตำแหน่งนี้ก็ไม่ใช่เพราะพรรคเพื่อไทยหาใครมาลงไม่ได้ !
- นโยบายเร่งด่วนที่จะทำ
ส่วน
ของแท็บเลตจะขยายการจัดสรรไปให้นักเรียนชั้น ม.1 ในปีการศึกษาหน้า
โดยจะเป็นการใช้งานแบบออนไลน์มากขึ้น
ด้วยการติดตั้งไวไฟให้ครอบคลุมเพื่อให้สามารถใช้เทคนิคจากแท็บเลตในการเรียน
การสอนได้มากขึ้น
ขณะที่กองทุนตั้งตัวได้กำลังอยู่ระหว่างการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบาย
เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารต่อไป
คาดว่าจะเริ่มปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการได้ประมาณปลายไตรมาสแรกหรือ
ต้นไตรมาส 2 ของปีหน้า เน้นให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ
เพราะต้องการกระตุ้นให้เกิดกิจการที่มีความคิดสร้างสรรค์และต่อยอดได้
"เนื่อง
จากเป็นการกู้เงินไปทำอาชีพ
และมีศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจเป็นฝ่ายติดตามและให้คำแนะนำ
ส่วนที่มีคนกังวลเรื่องจะเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)
ก็ต้องบอกว่า รัฐไม่ได้หวังหากำไรจากโครงการนี้
แต่ต้องการอุดหนุนให้เกิดผู้ประกอบการใหม่
เพราะคนเหล่านี้จะสร้างรายได้ให้กับประเทศ และจากงบประมาณของโครงการกว่า 5
พันล้านบาท ถ้าสร้างผู้ประกอบการได้ 1 พันคนก็เหลือเฟือแล้ว"
ยิ่ง
กว่านั้น
ผมอยากพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยด้วยการปรับปรุงหลักสูตรตั้งแต่ระดับอนุบาลถึง
อุดมศึกษา โดยเน้นที่ผู้เรียนเป็นสำคัญ
ซี่งการปฏิรูปหลักสูตรต้องฟังความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงการศึกษา
และขณะนี้เรากำลังขายความคิดให้คนมาเข้าร่วม โดยมี ศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์
เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
- ยุทธศาสตร์การศึกษาไทยต่อการเปิดเออีซี
ขณะ
นี้เราไม่ได้คิดจะแข่งขันเฉพาะในอาเซียน
แต่ต้องแข่งขันกับคนทั้งโลกโดยเฉพาะเรื่องภาษาอังกฤษ
ต้องสร้างความพร้อมของเขาก่อนออกไปทำงานต่างประเทศ
แล้วการที่คนของเราออกไปทำงานในต่างประเทศได้ก็เป็นเรื่องดี ดังนั้น
จะส่งเสริมเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษให้มาก
โดยกำหนดให้วันหนี่งในสัปดาห์เป็นวันที่นักเรียนทั้งโรงเรียนใช้ภาษาอังกฤษ
กันทั้งวัน ขณะเดียวกัน จะจัดโครงการ Let"s Speak English
เด็ก
คนไหนที่อยากพูดภาษาอังกฤษกับคนอื่น
หรืออยากให้คนอื่นพูดภาษาอังกฤษกับตัวเอง
ก็ติดสติ๊กเกอร์เป็นเครื่องหมายให้ได้รับรู้ นอกจากนี้
ต้องดูเรื่องของการผลิตคน
เพราะแน่นอนว่าเมื่อเปิดเออีซีย่อมมีการเคลื่อนย้ายแรงงาน
ตอนนี้บุคลากรบางด้านก็ขาดแคลนแล้ว เช่น ด้านแพทย์และสาธารณสุข
แต่
ตอนนี้เด็กไทยอ่อนด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ตั้งแต่การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ทำให้การหาคนไปป้อนระดับอุดมศึกษาด้านนี้เป็นไปได้ยาก ดังนั้น
ต้องยกระดับวิชาชีพด้านนี้เพื่อให้เขาสนใจมาเรียนด้านนี้
ซึ่งต้องปรับด้วยการใช้งบประมาณเป็นตัวขับเคลื่อนในการผลิตบัณฑิต
เนื่องจากคนที่เรียนสายวิทย์มาตอนมัธยมอาจเปลี่ยนสายการเรียนในระดับอุดม
ศึกษา
เพราะเห็นว่าเรียนสายวิชาชีพอื่นสบายกว่าและได้เงินเดือนระดับที่ใกล้เคียง
กันหรือมากกว่า
ดัง
นั้น ต้องจัดระบบให้คนคิดว่าคุณมาเรียนสายนี้แล้วจะมีอนาคตดี
มีตลาดงานรองรับ และมีรายได้เป็นที่พอใจ
ซึ่งการเพิ่มค่าตอบแทนของบุคลากรภาครัฐจะเป็นส่วนหนึ่งให้พวกเขาเห็นอนาคต
ของวิชาชีพ เป็นแรงจูงใจให้คนเข้ามาเรียนสายวิทยาศาสตร์มากขึ้น
"ส่วน
นี้สามารถโยงไปถึงเรื่องการวิจัยของสายวิทยาศาสตร์ที่มีน้อยยิ่งในส่วนของ
งานวิจัยที่ช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจยิ่งมีน้อยมาก
เห็นได้จากจำนวนการจดสิทธิบัตร
ซึ่งต้องยอมรับว่าสัดส่วนงบฯด้านการวิจัยและพัฒนาของไทยน้อยกว่าประเทศอื่น
แต่ถ้านักวิจัยทำงานวิจัยที่สามารถประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ได้ คนจะเห็นประโยชน์ของการวิจัย ก็จะมีคนให้ทุนนักวิจัยมากขึ้น
หรือคุณอาจไปเชื่อมต่อกับภาคธุรกิจเองได้เลย
หากงานวิจัยสามารถสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจนั้น ๆ"
- จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างภาคธุรกิจกับภาคการศึกษาอย่างไร
เรา
ต้องทำงานร่วมกัน ภาคธุรกิจรู้ว่าตัวเองต้องการใช้คนประเภทไหน อย่างไร
ต้องบอกและทำงานร่วมกับภาคการศึกษาซึ่งเป็นหน่วยผลิตคน ดังนั้น
ภาคธุรกิจก็บอกมาเลยว่าในอนาคตคุณต้องการคนด้านไหนบ้าง
คนที่ตัดสินใจเข้าเรียนจะได้รู้ว่าต้องเรียนสาขาไหนจึงได้งานทำ
ตรงนี้ภาคธุรกิจต้องสื่อสารออกมาให้สถาบันการศึกษาทราบข้อมูล
v ประชาชน
หรือคนที่สนใจแวดวงการศึกษา
จะเชื่อมั่นในเรื่องความต่อเนื่องของนโยบายอย่างไร เพราะเปลี่ยน
รมต.บ่อยเหลือเกินแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาแล้ว 2
ท่าน
แต่
นโยบายไม่ได้เปลี่ยน สิ่งที่รัฐมนตรีท่านก่อนทำไว้ดี ๆ ผมก็ให้ทำต่อ
เพราะนโยบายหลักคือนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ การทำงานหลายเรื่องเห็นผลเร็ว
แต่เรื่องหัวใจการศึกษาในการยกระดับคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคนจะเห็นผลช้า
ปีแรกอาจเห็นผลบ้างแต่ไม่เด่นชัด กว่าจะเห็นผลประจักษ์ต้องใช้เวลา 3-5 ปี
แล้ว
การเข้ามาทำหน้าที่ด้านการพัฒนาการศึกษาตรงนี้ ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง
ไม่ได้ทำเพื่อพรรคหรือเพื่อรัฐบาล
แต่ทำเพื่อประเทศชาติและอนาคตของประเทศไทย
- ในสมัยที่ท่านเป็น รมว.ศธ. หน้าตาของเยาวชนรุ่นใหม่จะเป็นอย่างไร
เยาวชน
ไทยในสมัยที่ผมดำรงตำแหน่งหน้าตาคงไม่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
เพราะการปรับเปลี่ยนหน้าตาเยาวชนต้องใช้เวลาบ่มเพาะนาน
สิ่งที่ตั้งเป้าไว้คือเขาต้องมีความสามารถในการใฝ่เรียนรู้สูงรู้จักปรับตัว
ได้อย่างรวดเร็วกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน
ทั้งยังต้องประยุกต์ความรู้ที่มีกับการทำงานได้อย่างดี
และมีความสามารถในการสื่อสารและทำงานกับร่วมกับคนอื่นได้
สุดท้ายคือต้องเป็นคนที่มีจริยธรรม
มีความเป็นคนที่เพียบพร้อมในสังคมประชาธิปไตย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น