นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม ในการรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า วันนี้
เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าพรรคฝ่ายค้านหมดมุก ทีแรกโหมโรงเรื่องการรับจำนำข้าว
แต่พอองค์กรต่างๆทั้งต่างชาติ
และในประเทศและโพลรายงานตรงกันว่าการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
ทำให้ราคาข้าวไทยในประเทศดีขึ้น และ
การส่งออกไปยังต่างประเทศในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็ครองอันดับ๑
มีมูลค่าสูงถึง แสนกว่าล้านบาท ขณะที่ เวียตนามที่ฝ่ายค้านเคยบอกว่า
ไทยเสียแชมป์ให้เวียตนามก็ยิ่งไม่เป็นความจริง
วันนี้เวียตนามยังเป็นรองไทยอีกหลายขุม มียอดขายแค่เจ็ดหมื่นกว่าล้านบาท และ
ที่สำคัญ เกษตรกรไทยได้ประโยชน์เต็ม ๆ
จึงเชื่อว่าฝ่ายค้านจึงไม่กล้าที่จะอภิปรายเรื่องนี้ เพราะหากเปรียบเทียบ
ประกันราคา ของประชาธิปัตย์ นั้นรับจำนำ ของเพื่อไทย
เห็นผลดีกับประชาชนกว่าเยอะ ส่วน
การจัดตั้ง องครักษ์พิทักษ์ หรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคฯยืนยันชัดเจนว่า
ไม่ต้องตั้ง
เพราะฝ่ายค้านยื่นฯเพียงแค่ไม่กี่กระทรวงและจากข้อมูลเชิงลึกรัฐมนตรีทุก
ท่านก็สามารถตอบได้อยู่แล้ว
ส่วนทีเด็ดของรัฐบาลน่าจะเป็นการตอบโต้ในสิ่งที่ส่อไปในทางทุจริตของรัฐบาล
ชุดที่ผ่านมาด้วย เช่นโครงการไทยเข้มแข็ง เป็นต้น
ส่วน
การ ที่พรรคภูมิใจไทย เกิดภาวะสุญญากาศ กับ
พรรคประชาธิปัตย์นั้นวันนี้ขี้ให้เห็นว่า การทำงานร่วมกันของ
พรรคฝ่ายค้านไม่มีเสถียรภาพเกิดความระแวงซึ่งกันและกันและยิ่งพรรครักประเทศ
ไทย ขันอาสาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันนั้น ตนขอเตือนนายชูวิทย์
หัวหน้าพรรคฯว่าให้จำสุภาษิตโบราณไว้ให้ดีว่า”เสร็จนาฆ่าโคถึง
เสร็จศึกฆ่าชูวิทย์”
ไม่เชื่อลองไปเปิดดูประวัติศาสตร์การเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ไว้
ส่วนกรณี การที่กระทรวงกลาโหม ดำเนินการลงนามถอดยศ นายอภิสิทธิ์ ผู้
นำฝ่ายค้าน
ในการใช้เอกสารเท็จสมัครรับราชการทหารนั้นวันนี้พรรคฯไม่อยากเรียกร้องถามหา
จริยธรรม คุณธรรม หรือสปิริต กับนายอภิสิทธิ์อีกแล้ว
เพราะอย่างที่เห็นๆกันอยู่ ถ้าเป็นคนพรรคเพื่อไทย หรือลูกชาวบ้าน
หลานชาวนาป่านนี้โดยด่าเช้า สายบ่ายเย็น ขุดโคตรเง้า
มาถามหาสปิริตกันแล้วนี่แหละสังคม ๒ มาตรฐานของแท้
นาย
จิรายุ กล่าวว่า เรา ไม่ติดใจที่
นายอภิสิทธิ์จะไปยื่นศาลปกครองและออกมาบอกว่าการเมืองเร่งเร้าเรื่องนี้ใน
ช่วงนี้ ก็ยิ่งไม่เป็นความจริง เพราะหากเป็น นาย ก.นาย ข.ไม่ต้องถึงนาย
อ.ป่านนี้ถอดยศเรียกเงินหลวงคืนจบไปหลายปีแล้ว แต่ก็เพราะนี่เป็น นาย
อ.ถึงได้ทำกันอย่างรอบคอบคณะกรรมการเยอะมากกว่าทีมฟุตบอล๑๐ ทีมเลยทีเดียว
และหากนายอภิสิทธิไปร้องศาลปกครองและหากผลออกมาว่าไม่คุ้มครอง
นายอภิสิทธิ์จะย้ายไปอยู่อังกฤษหรือไม่และจะลาออกจาก ตำแหน่ง ส.ส.
แบบอดีตหัวหน้าพรรคฯตนหรือไม่เพราะวันนี้ เห็นได้ชัดว่า ๒-๓ ปีมานี้
นายอภิสิทธิ์ ไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น
แม้ชาวบ้านจะเรียกร้องในเรื่องที่คนทั่วไปที่มีสปิริตเขาทำกันก็ตาม
ที่สำคัญวันนี้ พรรค
ฝ่ายค้านควรเปลี่ยนชื่อ นายกรัฐมนตรีใญัตติแนบท้าย
ซึ่งตนทราบมาว่าในที่ประชุมวงใหญ่ของ บิ๊กๆประชาธิปัตย์
ก็ทักท้วงไม่ใช่หรือว่าการถอดยศผู้หมวดอภิสิทธิ์สุ่มเสียงต่อการวินิจฉัยของ
ศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องคุณสมบัติ สส.หากมีผู้ไปร้อง วันนี้ใส่นายกรณ์ หรือ ใครมาก่อนก็น่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อย่างสง่างาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น