แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภาคประชาสังคมไทยพิสูจน์ใจ ‘ยิ่งลักษณ์’ หวังไม่พลิกลิ้นนำ TPP หารือ ‘โอบาม่า’ เย็นนี้!!

ที่มา ประชาไท


ภาคประชาสังคมไทยเผย หวังเห็นนายกฯ เป็นต้นแบบนักการเมืองรุ่นใหม่ ไม่โกหกประชาชน พลิกลิ้นนำ TPP เข้าหารือกับโอบาม่า เย็นนี้ พร้อมทำจดหมายเปิดผนึกถึงโอบาม่า ร้องอย่าใช้ชีวิตคนไทยสังเวยบรรษัทข้ามชาติ ตอบแทนเงินช่วยเลือกตั้ง
 
 
 
วันนี้ (18 พ.ย.55) ตัวแทนภาคประชาสังคมประกอบไปด้วย กลุ่มศึกษาเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch), เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย, คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์, มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, ชมรมเพื่อนโรคไต, เครือข่ายเพื่อนมะเร็ง, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิเภสัชชนบท, กลุ่มศึกษาปัญหายา, มูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิบูรณะนิเวศ และมูลนิธิสุขภาพไทย เปิดการแถลงข่าวคัดค้านการประกาศเจตนารมณ์เข้าร่วมเจรจาความตกลงหุ้นส่วน ยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) และจัดกิจกรรมต้อนรับประธานาธิบดีบารัค โอบามาในการมาเยือนประเทศไทย ที่ด้านหน้าสนามบินดอนเมือง เมื่อเที่ยงที่ผ่านมา
 
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ สมาชิกเอฟทีเอ ว็อทช์ เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับทราบถึงความห่วงใยของภาคส่วนต่างๆ ต่อความตกลง TPP จึงได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ยืนยันว่า ในเย็นนี้จะไม่หยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะจัดให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน
 
 
“เราเชื่อมั่นว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ไม่พลิกลิ้น ไม่พูดอย่างทำอย่าง เพราะที่ผ่านมาคนไทยมีประสบการณ์กับการที่นักการเมืองไม่ว่าพรรคใดต่างก็มี พฤติกรรมที่เชื่อไม่ได้ การรับปากของนายกฯครั้งนี้ที่จะจัดให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นต่อการ เจรจาความตกลง TPP อย่างรอบด้าน ซึ่งนี้จะเป็นมติใหม่ของกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
 
เราหวังว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะมีวิจารณญาณในการชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียของ TPP และการเจรจาการค้าเสรีในกรอบอื่นๆให้อยู่บนฐานประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่แค่การส่งออกหรือการยื่นหมูยื่นแมวเพื่อคงสิทธิพิเศษ GSP ให้แก่ธุรกิจเท่านั้น”
 
อย่างไรก็ตาม สมาชิกเอฟทีเอ ว็อทช์กล่าวว่า ภาคประชาชนจะเดินหน้าตรวจสอบติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
 
“เราเป็นห่วงและเข้าใจว่า นายกฯเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มธุรกิจส่งออกเยอะมากซึ่งพยายามทำให้การเจรจาไม่ โปร่งใส ไม่มีส่วนร่วม จึงต้องติดตามให้ภาควิชาการ หน่วยงานที่กำกับดูแลต่างๆ สื่อมวลชน เข้ามาร่วมตรวจสอบและศึกษาอย่างเต็มที่ให้เป็นจุดยืนของประเทศเพื่อใช้ใน ความตกลงต่างๆที่มีลักษณะเดียวกัน”
 
 
ทั้งนี้ ภาคประชาสังคม 14 องค์กร ยังได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีใจความว่า
 
“พวกเราภาคประชาสังคมไทยยินดีต้อนรับการ เดินทางมาเยือนประเทศไทยของท่านครั้งนี้ เราทราบดีว่า ใน 3-4 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯได้เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่ง ซึ่งท่านให้สัญญาประชาคมว่า จะเข้ามาจัดการเอาผิดกับพวกวอลล์สตรีทและให้ความสนใจกับเมนสตรีทที่ไม่ใช่ พวกคนรวย 1% ขณะเดียวกัน คนอเมริกันมากกว่า 50 ล้านคนเข้าไม่ถึงการรักษา สหรัฐฯเป็นประเทศพัฒนาแล้วเพียงประเทศเดียวที่ไม่มีระบบหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ ซึ่งท่านก็รับปากว่าจะใช้ Obama Care ทำให้พวกเขาเข้าถึงการรักษา
 
อย่างไรก็ตาม การที่ท่านพยายามผลักดันความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) โดยชักชวนประเทศไทยให้เข้าร่วมด้วยนั้น สวนทางกับสิ่งที่ท่านรับปากไว้กับประชาชนอเมริกันโดยสิ้นเชิง มิหนำซ้ำยังทำให้ประชาชนในประเทศต่างๆที่อยู่ในความตกลงนี้ต้องรับชะตากรรม เช่นเดียวกับอเมริกันชน
 
จากเนื้อหาการเจรจาที่หลุดรอดออกมาสู่สาธารณะ ชี้ให้เห็นว่า ความตกลง TPP จะก่อให้เกิดผลกระทบดังนี้
 
- จะช่วยอุตสาหกรรมยาข้ามชาติถีบราคายาทั้งในและต่างประเทศให้สูงขึ้น และผูกขาดทำกำไรแต่เพียงเจ้าเดียวอย่างยาวนานยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีบทว่าด้วยยาที่จำกัดการต่อรองราคายาและทำลายความพยายามในการควบ คุมการใช้ยาอย่างเหมาะสมในระบบสุขภาพ
 
- เพิ่มอำนาจบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ให้ไปจัดการทำลายกฎหมายภายในประเทศต่างๆ และนโยบายสาธารณะต่างๆที่ทำหน้าที่คุ้มครองสุขภาพประชาชนจากสินค้าทำลาย สุขภาพ เช่น บุหรี่ และแอลกอฮอล์ และการรักษาสิ่งแวดล้อมและฐานทรัพยากรด้วยการฟ้องร้องผ่านอนุญาโตตุลาการ
 
-  บ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงินของประเทศ ด้วยการจำกัดสิทธิของประเทศในการใช้มาตรการและนโยบายเงินทุนเคลื่อนย้าย เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค
 
- ทำลายเสรีภาพทางอินเตอร์เน็ตด้วยการสอดไส้เนื้อหาจำกัดสิทธิประชาชนในนามของการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านความตกลงนี้
 
- ทำลายหลักการว่าด้วยความโปร่งใสด้วยการปิดหูปิดตาสาธารณชน ไม่ให้ล่วงรู้เนื้อหาและผลกระทบที่จะเกิดจากความตกลงฯ แต่กลับอนุญาตให้ตัวแทนธุรกิจเข้าไปร่วมการเจรจา
 
เราตระหนักดีว่า PhRMA และอุตสาหกรรมยายักษ์ใหญ่ รวมทั้งบรรดาผู้ร้ายทางการเงินในวอลล์สตรีทเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินราย ใหญ่ในการเลือกตั้งของท่าน พวกเขาให้เงินสนับสนุนท่านในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้มาก เสียยิ่งกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2008 ท่านจึงต้องตระบัดสัตย์ต่อคนอเมริกันด้วยการเอาภาษีของประชาชนอุ้มธุรกิจของ พวกเขา และสร้าง ObamaCare ที่อุตสาหกรรมยายังคงทำกำไรได้ต่อไปโดยที่อเมริกันชนได้ประโยชน์น้อยมาก
 
แต่จงอย่าใช้ชีวิตของประชาชนในประเทศของ เราเป็นเสมือนเสื้อชูชีพให้กับเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของอเมริกัน หรือเป็นบรรณาการตอบแทนอำนาจเงินของทุนเหล่านี้ที่ทำให้ท่านกลับมาทำเนียบ ขาวอีกครั้ง ทั้งๆที่ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้แม้แต่เรื่องเดียว
 
จงกลับไปทำตามคำมั่นสัญญาที่ท่านให้ไว้ กับประชาชน สร้างงานให้คนอเมริกัน ไม่ใช่ด้วยเลือดเนื้อของคนในชาติอื่น กำกับและควบคุมสถาบันการเงินและวาณิชธนกิจทั้งหลาย ไม่ใช่ปล่อยให้พวกมันมีอำนาจล้นฟ้า ควบคุมพฤติกรรมบริษัทยาให้มีจริยธรรมและแสวงหากำไรแต่พอควร และสร้างความโปร่งใส เลิกปิดหูปิดตาประชาชน และที่สำคัญที่สุด จงเลิกคุกเข่ารับคำสั่งทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเรียกของพวกบรรษัทขนาดใหญ่ (Stop hitting your knees on the floor when corporations knock on your door)”
 
 
นอกจากนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้จัดกิจกรรมการแสดงให้บุคคลสวมหน้ากาก นายกรับมนตรีไทย และประธานาธิบดีสหรัฐฯ เซ็น TPP ร่วมกันจากนั้นคนที่อยู่รอบข้างผู้นำทั้งสองก็ทยอยล้มตาย โดยมีป้ายข้อความว่า TPP ชำเราประชาชนด้วยข้ออ้างเศรษฐกิจ และ US Hand off our medicines และแจกจ่ายเอกสาร “เหตุผล 9 ข้อว่าทำไมถึงไม่เอาข้อตกลง “TPP” ของสหรัฐฯ” มีเนื้อหา ดังนี้
 
 
 
เหตุผล 9 ข้อว่าทำไมถึงไม่เอาข้อตกลง “ทีพีพี” ของสหรัฐฯ
 
1.     ทีพีพี เป็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีรูปแบบใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะทำให้เกิดการผูกขาดตลาดยาเพียงไม่กี่บริษัท และขยายการผูกขาดตลาดให้ยาวนานเกินกว่า 20 ปี ซึ่งจะมีผลทำให้ยามีราคาแพงขึ้นอย่างมหาศาล
 
2.     ทีพีพี จะผูกมัดไม่ประเทศคู่ค้าสามารถต่อรองราคายาได้ และไม่ยอมให้มีกลไกควบคุมราคายาและการใช้ยาอย่างเหมาะสมที่จะกระทบผลกำไรของ บรรษัทยาข้ามชาติ
 
3.     ทีพีพี จะทำให้ประเทศคู่เจรจาไม่สามารถนำมาตรการยืดหยุ่นด้านทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ซีแอล มาใช้เพื่อปกป้องหรือแก้ไขปัญหาการขาดแคลนยาจำเป็นในราคาที่เหมาะสมของ ประเทศได้
 
4.     ทีพีพี จะทำให้บรรษัทข้ามชาติสามารถแทรกแซงหรือยับยั้งนโยบายหรือการออกกฎหมายภายใน ประเทศที่คุ้มครองสุขภาพประชาชนจากสินค้าทำลายสุขภาพ เช่น บุหรี่ และแอลกอฮอล์ และการรักษาสิ่งแวดล้อมและฐานทรัพยากร
 
5.     ทีพีพี เป็นการริบรอนอธิปไตยทางศาลของประเทศคู่ค้า เพราะบรรษัทข้ามชาติสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือให้มีการยกเลิกนโยบาย หรือกฎหมายที่ทำให้ผลกำไรของบรรษัทฯ เสียหาย ถึงแม้ว่านโยบายหรือกฎหมายเหล่านั้นจะมีเพื่อคุ้มครองสุขภาพและชีวิตความ เป็นอยู่ของประชาชนก็ตาม ซึ่งจะตัดสินโดย “คณะอนุญาโตตุลาการ” ภายนอกประเทศ
 
6.     ทีพีพี เป็นข้อตกลงการค้าที่บ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงิน เพราะจะจำกัดสิทธิของประเทศในการใช้มาตรการและนโยบายควบคุมการเคลื่อนย้าย เงินทุน เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและการคลังและทางเศรษฐกิจของประเทศ
 
7.     ทีพีพี จะทำให้ต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสูงขึ้น เพราะมีการผูกขาดเมล็ดพันธุ์และอนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรพันธุ์พืชพันธุ์ สัตว์ได้ ซึ่งทำให้เกษตรกรต้องพึ่งพาเมล็ดพันธุ์หรือพันธุ์สัตว์ของบรรษัทยักษ์ใหญ่ และไม่สามารถใช้ขยายพันธุ์ต่อได้
 
8.     ทีพีพี จะจำกัดสิทธิ์ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างเสรีอีกต่อไป
 
9.     ทีพีพี เป็นการเจรจาที่ไม่โปร่งใส เพราะกำหนดให้การเจรจาจะต้องกระทำอย่างเป็นความลับ ไม่ให้เผยแพร่เนื้อหาการเจรจาให้ภายนอกได้รับรู้ก่อนการเจรจาจะเสร็จสิ้น หรือมีการตกลงกัน
 
ทีพีพี คือ ข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership Agreement) ที่มีประเทศสหรัฐฯ เป็นแกนนำริเริ่มและผลักดันให้เกิดการเจรจา  หรืออีกนัยหนึ่ง ทีพีพี คือ ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement, FTA) หรือ เอฟทีเอ ที่สหรัฐฯ เคยพยายามกดดันให้ไทยเจรจาและเซ็นข้อตกลงด้วยแต่ไม่สำเร็จ
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น