นายจิรายุ
ห่วงทรัพย์ สส.กทม. ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม
ในการรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคได้กำชับให้
สส.ทุกท่านเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกันตลอด 3 วันของการอภิปราย และได้ให้ความมั่นใจว่าการประชุมตามระบอบประชาธิปไตยจะเดินหน้าไปได้ตามปรกติ ส่วน
เนื้อหาของการอภิปรายของฝ่ายค้านวันนี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า
พรรคฝ่ายค้านมุกแป็กที่จะเอาชนะในสภาได้
เพราะทีแรกโหมโรงเรื่องการรับจำนำข้าว
แต่พอองค์กรต่างๆทั้งต่างชาติ
และในประเทศและโพลรายงานตรงกันว่าการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
ทำให้ราคาข้าวไทยในประเทศดีขึ้น และ การส่งออกไปยังต่างประเทศก็ครองอันดับ ๑
มีมูลค่าสูงถึง แสนกว่าล้านบาทที่สำคัญ เกษตรกรไทยได้ประโยชน์เต็ม ๆ
จึงเชื่อว่าฝ่ายค้านอาจไม่อภิปรายในประเด็นนี้เพราะหากเปรียบเทียบ
ประกันราคา ของประชาธิปัตย์ นั้นรับจำนำ ของเพื่อไทย
เห็นผลดีกับประชาชนกว่าเยอะ
ส่วนกรณี คณะกรรมการกระทรวงกลาโหม
ดำเนินการลงนามถอดยศ นายอภิสิทธิ์ ผู้นำฝ่ายค้าน ในการใช้เอกสารเท็จสมัครรับราชการทหารนั้น วันนี้พรรคฯไม่อยากเรียกร้องถามหา จริยธรรม
คุณธรรม หรือสปิริต กับนายอภิสิทธิ์อีกแล้ว เพราะอย่างที่เห็นๆกันอยู่ว่า
นายอภิสิทธิ์พยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายทั้งการไปร้องศาลปกครอง การเข้าชื่อถอดถอนพล.อ.อสุกำพล
ต่อวุฒิสภา เพราะกรณีนี้ถ้าเป็นคนพรรคเพื่อไทย หรือลูกชาวบ้าน หลานชาวหน้า
ป่านนี้โดยด่าเช้า สายบ่ายเย็นแล้วและที่สำคัญ พลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต
รมว.กลาโหม ยังยืนยันต่อพรรคฯว่าจะชี้แจงได้ในทุกประเด็นที่เป็นไปตามควมจริงโดยมีพยานหลักฐานประกอบ
และขอให้ฝ่ายค้านเตรียมหมัดเด็ดให้ดีๆ เพราะตนก็มีหมัดสวนที่จะน็อกผู้ท้าชิงด้วยข้อมูลความจริงที่จะเปิดเผยในการอภิปรายด้วยเช่นกัน
“ วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์
ต้องยอมรับความจริง ว่ากรรมอยู่ที่การกระทำ ถ้าท่านไม่ทำ
ก็ไม่มีกรรมที่ใหนจะไปตามท่านได้
ท่านเป็นฝ่ายค้านที่เคยเป็นรัฐบาลก็ย่อมได้รับการตรวจสอบได้เช่นกัน อย่างกรณี ใช้เอกสารเท็จก็เป็นไปตามที่คณะกรรมการ
พิจารณา การทุจริตครุภัณฑ์ การบริจาคเงินอีสวอเตอร์ ก็เกิดขึ้นจริง พรรคประชาธิปัตย์
อย่างจ้องจับผิดรัฐบาลพอพรรคตัวเองทำผิดกลับไม่ยอมรับการตรวจสอบใช่หรือไม่
แต่กลับมาเบี่ยงเบนประเด็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง “
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น