ที่มา go6tv
นาย
ธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กล่าวถึงผลการหารือระหว่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายโดนัล ทุสค์
นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐโปแลนด์
โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมเปิดศักราชแห่งความร่วมมือไทย-โปแลนด์ในทุกมิติ
สนับสนุนขยายการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศให้หลากหลาย
วันนี้
(4 ก.ค. 2556) เวลา 11.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรี
สาธารณรัฐโปแลนด์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการและพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ
โดยมีนายโดนัล ทุสค์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ให้การต้อนรับ
พร้อมหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีโปแลนด์และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน
(working lunch) โดยมีนายกรัฐมนตรีโปแลนด์เป็นเจ้าภาพ จากนั้น
ทั้งสองร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามความตกลงจำนวน 6 ฉบับ
และร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนายธีรัตถ์ รัตนเสวี
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือ ดังนี้
นายก
รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เดินทางมาเยือน
โปแลนด์อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้พบหารือกับนายโดนัล ทุสค์
ระหว่างการประชุม ASEM9 เมื่อปีที่ผ่านมา โดยในการพบกันครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หารือกับนายกรัฐมนตรีโปแลนด์
ถึงการสานต่อแนวทางความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือด้านการทหาร
และกลไกความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน
ซึ่งรัฐบาลไทยมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง
ไทย-โปแลนด์ ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วน
และขยายความร่วมมือกับโปแลนด์ในทุกมิติที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน
เพื่อประชาชนของทั้งสองประเทศจะได้รับประโยชน์สูงสุด
ใน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
และนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ยังได้หารือกันในประเด็นต่างๆ
ทั้งการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือมือในกรอบทวิภาคี ดังนี้
ด้าน
ความสัมพันธ์ ไทยและโปแลนด์มีค่านิยมด้านการปกครองแบบประชาธิปไตย
และมีการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจเสรีที่สอดคล้องกัน
รวมทั้งมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก
โดยทั้งสองเห็นพ้องที่จะยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยและร่วมกันพัฒนาระบบ
เศรษฐกิจเสรีให้มีความแข็งแกร่งและมั่นคงต่อไป
และต่างตกลงที่จะสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงและมีการพบ
หารือกันมากขึ้น เพื่อผลักดันความร่วมมือต่างๆให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ตอบรับเยือนประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้
ด้าน
การค้าและการลงทุน
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมใช้โอกาสนี้เน้นย้ำถึงเสถียรภาพ
และศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย
และความพร้อมของไทยที่เปิดกว้างรับการลงทุนจากภาคเอกชนโปแลนด์
โดยเฉพาะการเป็นประตูสู่อาเซียนของไทย
โดยที่ไทยได้ลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
เพื่อเชื่อมโยงไทยกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ
และไทยสนใจการเชื่อมทางรถไฟระหว่างเอเชียกับโปแลนด์ ในขณะเดียวกัน
ไทยก็ให้ความสำคัญกับโปแลนด์ในฐานะประเทศที่เป็นประตูสู่ยุโรปกลางเช่นกัน
ซึ่งทั้งสองประเทศจะต่างเป็นศูนย์กลางหรือ Hub
ในการกระจายสินค้าในภูมิภาคของตนเอง นอกจากนี้
ทั้งสองฝ่ายยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น 1
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2561 จากปัจจุบัน 732.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยปัจจุบันไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของโปแลนด์ในอาเซียน
ด้วยการสนับสนุนให้มีการค้าขายสินค้าที่มีความหลากหลายขึ้น
ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เชื่อมั่นว่าการลงนามความตกลงด้านความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในครั้ง
นี้
จะเป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนและพัฒนาความร่วมมือด้านการค้าการลง
ทุนอย่างแน่นอน
ด้าน
การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวโปแลนด์เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยปีละ 47,113 คน
เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นทุกปี
ซึ่งโปแลนด์เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพอย่างมาก
และเป็นตลาดท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไทยในกลุ่มประเทศยุโรปกลาง
ในการหารือครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เชิญชวนให้ชาวโปแลนด์มาท่อง
เที่ยวประเทศไทยมากขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่น
ว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของนักท่องเที่ยวทุก
ประเทศ รวมถึงมาตรฐานและความพร้อมในการให้บริการของชาวไทยอย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะให้มีการศึกษาแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่าง
ประชาชนทั้งสองประเทศ
ด้าน
วิชาการ
เนื่องด้วยโปแลนด์เป็นประเทศมีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมและเหล็กกล้า
เครื่องจักรและยานยนต์ การแพทย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงานทดแทน
ทั้งสองจึงยินดีที่สองประเทศ
จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้และระบบต่างๆที่มีความเชี่ยวชาญ
เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทยและโปแลนด์
ซึ่งในวันนี้ได้มีการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านการ
เกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทยกับกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท
โปแลนด์ด้วย
ภาย
หลังการหารือเสร็จสิ้น
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ได้ร่วม
เป็นประธานในการลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ ได้แก่
1) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกสำหรับการหารือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์
2) หนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทยกับกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทโปแลนด์
3) บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและ Polish Agency for Enterprise Development (PAEP)
จาก
นั้น
ทั้งสองร่วมแถลงข่าวถึงผลการหารือที่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีและพึงพอใจกับทิศ
ทางการพัฒนาการความสัมพันธ์และการส่งเสริมความร่วมมือต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น